- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 October 2016 16:23
- Hits: 1077
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งลงต่อ เลี่ยงหุ้นใหญ่ / เน้นเก็งกำไรหุ้นงบเด่น
KGI คาด SET อ่อนลงต่อ แต่ไม่น่าแรง หลังแรงช่วยจากตลาดน้ำมันน้อยลง และจิตวิทยาถูกกระทบจากต่างชาติและกองทุนกลับมาขายสุทธิพร้อมกัน (วานนี้ดัชนีฯ ลงแรงกว่าคาดเล็กน้อย) เทรดเดอร์เพิ่มความกังวลว่าการประชุมโอเปกในเดือน พ.ย. อาจไม่ได้ข้อสรุปที่จับต้องได้ หลังรัสเซียเป็นประเทศล่าสุดที่แสดงท่าทีไม่ต้องการลดปริมาณผลิต (อิรักแสดงท่าทีดังกล่าวไปแล้ว 2 วันก่อน) คาดหุ้นกลุ่มน้ำมันจะถูกกดดันมากขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารยังเผชิญความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์ ส่งผลให้ดัชนีฯ ยังมีโอกาสปรับลง อย่างไรก็ดีข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เช่นตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.ย. (อ่านเพิ่มในข่าววันนี้) ผนวกกับแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่งบเด่น และความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ จะจำกัดทางลงของดัชนีฯ ได้ ประเด็นการลงทุนในระยะสั้นจึงยังเน้นเลือกรายตัว (bottom-up) เช่นเดิมา
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร PACE / ซื้อ SEAFCO, TCMC
PACE (เป้า Consensus 4.5 บาท) 1) รูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 3.38 บาท หากผ่านได้มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 3.56 บาท แนวรับ 3.24 บาท (Stop loss 3.20 บาท) 2) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H59 พลิกเป็นกำไรเด่นเทียบ HoH (คาดเด่นที่ไตรมาส 4/59) จากการเริ่มทยอยโอนโครงการมหานคร มูลค่ารวม 1.45 หมื่นล้านบาท (ฝ่ายวิจัยฯสมมติฐาน โอนใน 2H59 ราว 40% และอีก 60% ในปี 2560)
SEAFCO (เป้า Consensus 13.7 บาท) 1) ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาฯอยู่ในขาขึ้น จากงานประมูลภาครัฐฯที่จะทยอยออกมาต่อเนื่องในไตรมาส 4/59 (รถไฟฟ้าสีเหลือง+ชมพู / รถไฟรางคู่ มาบกะเบา-จิระ + ประจวบฯ–ชุมพร) … โดยคาดรถไฟรางคู่ ประจวบฯ-ชุมพร จะเริ่มขายซองฯในเดือน พ.ย.นี้เป็นโครงการแรก 2) เราประเมินอุปทานเครื่องจักรสำหรับการตอกเสาเข็มในไทยจะเริ่มตึงตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เป็นต้นไป (งานภาครัฐฯ + ภาคอสังหาฯฟื้น) ส่งผลบวกต่อแนวโน้มอัตรากำไรงานเสาเข็มของ SEAFCO 3) จาก Bloomberg consensus PE ปีนี้ ±16.5 เท่า ถูกกว่า PYLON ที่ทำธุรกิจรับเหมาเสาเข็มเหมือนที่สูงถึง 20 เท่า 4) ประเมินแนวรับ 10.3 บาท แนวต้านแรก 11 บาทได้ หากทะลุผ่านได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 11.5 บาท และถัดไปที่ 12.5 บาท โดยกำหนดจุด Stop loss ที่ 10 บาท
TCMC (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 5.4 – 5.6 บาท) 1) เราประเมินการเข้าซื้อกิจการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ประเทศอังกฤษ (DMM) ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดฯ อันดับที่ 2 ของประเทศ i) กำไร TCMC ปี 2560 หลังรวมงบฯเข้ามา (รวมงบภายในไตรมาส 4/59) จะเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี CAGR 2558 – 2561 (ประเมินแบบอนุรักษ์นิยม ว่ากำไรทั้ง TCMC และ DMM ไม่เติบโต) ii) Synergy ที่จะเกิดขึ้นคือการรุกตลาดเอเชีย โดยปัจจุบัน DMM มียอดขายนอกประเทศอังกฤษเพียง 2-3% หลังการเข้าซื้อกิจการ TCMC จะเริ่มแผนรุกตลาดในเอเชีย อาทิ จีน อาเซียน ตะวันออกกลางมากขึ้น (ยังไม่รวมในการคาดการณ์การเติบโตของกำไร 30% ต่อปี CAGR) iii) สำหรับในประเทศอังกฤษเอง ด้วยค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่า ส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอสังหาฯ (คาดจะมีการ Renovate โรงแรมและอาคาร) 2) ประเมิน PE ปีหน้าต่ำเพียง 10.5 เท่า เทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 30% ต่อปี CAGR 3) ประเมินราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองเชิงบวกต่อดีลนี้มากนัก แนะนำ “สะสม” แนวรับ 4.8 บาท และ 4.7 บาท แนวต้านแรก 4.9 บาท หากยืนเหนือ 4.9 บาทได้ ประเมินปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 5.2 บาท และ 5.5 บาท ตามลำดับ
หุ้นในกระแส
ร้าน 7-11 ยุติให้บริการเติมเงิน วัน-ทู-คอล ของ ADVANC* (เป็นกลางต่อ ADVANC*, CPALL* / เป็นบวก FSMART, AJD) ฝ่ายวิจัยฯประเมินประเด็นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อ CPALL* และ ADVANC* อย่างมีนัยสำคัญ ในเชิงกลยุทธ์เราประเมินจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้น AJD และ FSMART ที่ทำธุรกิจตู้เติมเงิน แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมิน
i) AJD แนวรับ 2.18 บาท แนวต้าน 2.6 บาท (Stop loss 2.0 บาท)
ii) FSMART แนวรับ 16.9 บาท แนวต้าน 17.7 บาท (Stop loss 16 บาท)
SCC* (เป้าพื้นฐาน 635 บาท) รายงานกำไรไตรมาส 3/59 = 1.4 หมื่นล้านบาท (+56.5% YoY, -12.1% QoQ) ดีกว่าคาด 13% และดีกว่า Consensus คาด 6% (วันนี้มีบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน) ประเมินเป็น Sentiment บวกต่อแนวโน้มหุ้นในกลุ่ม Real sector ที่จะทยอยรายงานงบไตรมาส 3/59
หุ้นรับเศรษฐกิจดิจิตอล (ALT, ILINK, ITEL): จากนโยบายการสนับสนุน E-commerce ของรัฐบาล คาดจะส่งผลบวกโดยตรงต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านการวางงานระบบโครงข่ายฯ อย่าง ALT และ ILINK + ITEL ที่ต้องเร่งงานติดตั้งระบบรองรับนโยบายฯ (วางระบบเครือข่ายใยแก้วนำแสง ตามเส้นทางการรถไฟฯ ตามนโยบายภาครัฐฯ)
หุ้นมีข่าว
(+) พาณิชย์เผยส่งออก ก.ย.เพิ่มขึ้น 3.4%, คาดส่งออกทั้งปี 59 ไม่ติดลบ กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย. มีมูลค่า 1.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.4% YoY เป็นการปรับเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนการนำเข้าในเดือน ก.ย. มีมูลค่า 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.6% YoY ดุลการค้าเกินดุลประมาณ 2.55 พันล้านดอลลาร์ การส่งออกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ลดลง 0.7% ขณะที่การนำเข้าลดลง 7.3% ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนก.ย. ขยายตัว 4.2% YoY สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น โซลาร์เซลล์ ซึ่งส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา เครื่องยนต์ดีเซล และเคมีภัณฑ์ ขยายตัว 132.5%, 32.5% และ 14.8% ตามลำดับ การส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบหดตัว 1.4% ในเดือนก.ย. เป็นผลจากส่งออกรถยนต์อีโคคาร์มากขึ้น โดยรถยนต์อีโคคาร์มีราคาต่ำกว่าการส่งออกรถยนต์ประเภทอื่นๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้น แม้จำนวนคันเพิ่มขึ้น แต่มูลค่าการส่งออกปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในเดือนก.ย. กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยขยายตัว 1.9% ซึ่งสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น อาทิ ผัก ผลไม้สด ผลไม้กระป๋องและแปรรูป กระทรวงพาณิชย์ยังมั่นใจว่าการส่งออกในปี 60 จะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากการนำเข้าเริ่มกลับมาขยายตัว ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนที่มีอย่างต่อเนื่อง และจะส่งผลดีต่อการส่งออกในระยะต่อไป (Bisnews) เหมือนที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่ามูลค่าส่งออกปี 2559 มีแนวโน้มดีกว่าที่เราคาดไว้ที -2% เนื่องจากมูลค่าส่งออกในช่วงปลายปีจะกลับมาขยายตัว เนื่องจากฐานราคาน้ำมันที่ทรุดต่ำลงต่อเนื่องขณะที่ราคาน้ำมันดิบปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป มูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับราคาคาน้ำมัน และ มูลค่าและปริมาณส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น คาดว่าจะตลาดจะปรับคาดการณ์มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นและพร้อมกับปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัว GDP ปี นี้ขึ้นมาเท่ากับตัวเลขของเราที่ 3.4%
(+) BDMS* อนุมัติให้บริษัทย่อย (บ.เปาโลเมดิค หรือ “เปาโล” ซึ่ง BDMS ถือหุ้น 99.99%) เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ บ.เมโยโพลีคลีนิค (เมโย) โดยเปาโลจะชำระราคาโอนกิจการเป็นเงิน 1,395 ล้านบาทจากกระแสเงินสดของบริษัทหรือการกู้ยืม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ม.ค.60 (ตลาดหลักทรัพย์) เรามีมุมมองที่ดีต่อการเข้าซื้อโรงพยาบาลเมโยผ่านเปาโล ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BDMS ทั้งนี้ ยังคงสอดคล้องกับเป้าหมายของ BDMS ที่จะเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลในกลุ่มเป็น 50 แห่งในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในบริการทางการแพทย์ในเอเชีย-แปซิฟิก โดยเมโยเป็นโรงพยาบาลเอกชนระดับทุติยภูมิจำนวน 162 เตียง ซึ่งมีผลการดำเนินงานเป็นกำไรเพิ่มขึ้นจาก 31.6, 38.0 และ 41.3 ล้านบาทในช่วงปี 2556-58 เรายังคงแนะนำซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 25.50 บาท
(+) EA แย้มวินด์ฟาร์ม 126MW สร้างเสร็จแล้ว COD ทันปีนี้ จับตา Q3 โตแกร่ง บุ๊คโซลาร์ฟาร์ม 278 MW (ข่าวหุ้น) “EA” แย้มโครงการพลังงานลม 126 MW ก่อสร้างเสร็จแล้ว มั่นใจ COD ทันปลายปีนี้ จับตางบไตรมาส 3 โตแกร่ง บันทึกผลตอบแทนโซลาร์ฟาร์มเต็มมือ 278 MW ฟากหุ้นร้อน-วอลุ่มแน่นทะลัก ดันราคานิวไฮรอบ 20 เดือน
(+) SIAM ทุ่มพันล้านสร้างรง.ผลิตแท่งเชื้อเพลิงชีวมวลส่งออกโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น (ข่าวหุ้น) “SIAM” เตรียมทุ่มงบลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแท่งเชื้อเพลิงชีวมวล ป้อนโรงไฟฟ้าในแดนปลาดิบที่มีการสร้างใหม่กำลังการผลิตรวมกว่า 3,000 เมกะวัตต์ จับมือ กยท.-ม.เกษตรศาสตร์ ปลูกไม้เศรษฐกิจโตเร็ว
(+) BRR เตรียมเปิดหีบอ้อย ธ.ค.นี้ ส่องราคาน้ำตาลนิวไฮรอบ 4 ปี (ข่าวหุ้น) “BRR” ลุยเปิดหีบอ้อยต้นเดือน ธ.ค.นี้ มั่นใจผลผลิตฤดูการผลิตปี 2559/2560 มีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 2.3-2.4 ล้านตัน คาดราคาน้ำตาลโลกพุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 4 ปี ส่งผลดีต่อผู้ผลิต พร้อมวางเป้าผลิตน้ำตาลทราย 2.6-2.7 แสนตัน
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้าสูงสุด Consensus 12.5 บาท) แนวรับ ±12 บาท แนวต้าน 12.8 บาทได้ แนะนำ “สะสม” … คาดงบไตรมาส 3/59 โต YoY และทำนิวไฮในไตรมาส 4/59 + เริ่มจำหน่าย iPhone 7+ ปลายสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ Apple จะเปิดตัว MacBook ตัวใหม่ (ข้อมูลจากบทวิเคราะห์ Apple Insight ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ ประเทศ ไต้หวัน)
TPBI (เป้าสูงสุดใน Consensus 19.4 บาท) แนวรับ 16.5 บาท แนวต้านแรก 18.0 บาท แนะนำ “สะสม” ... คาดผลการดำเนินงาน 2H59 โตเด่น HoH จากเป็น High season + ต้นทุนเม็ดพลาสติกต่ำต่อเนื่อง
CK* (เป้าพื้นฐาน 39.5 บาท) ประเมินแนวต้านแรก 30 บาทได้ หากทะลุผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±32 บาท แนวรับ 29 บาท ... รอการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้า และ รถไฟรางคู่ในเดือน พ.ย. – ธ.ค. นี้
CPF* (เป้าพื้นฐาน 42 บาท) ประเมินแนวรับ 31.5 บาท แนวต้าน 32.5 บาท และถัดไปที่ 33.5 บาท ... ประเมินกำไรไตรมาส 3/59 = 5.2 พันล้านบาท +47% YoY และ ด้วยธีมการลงทุนเดียวกัน คืองบไตรมาส 3/59 โตแรง จากราคาเนื้อสัตว์ขึ้นสวนทางราคาวัตถุดิบฯ นักลงทุนอาจพิจารณา เก็งกำไรหุ้นในกลุ่มตัวเล็กอย่าง GFPT และ TFG เป็นต้น
TACC (เป้า Consensus 10.6 บาท) แนะนำ “Let profit run” มีโอกาสทดสอบแนวต้านจุดสูงสุดเดิม 10 บาท (กำหนด Trailing stop 9.65 บาท)
THAI* (เป้าสูงสุดใน Consensus 32 บาท) ประเมินแนวรับ 26.5 บาท และ 25 บาท แนวต้านแรก 28.5 บาท หากทะลุผ่านได้ มีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±32 บาท โดยกำหนดจุด Stop loss ที่ 24.5 บาท ... PE 14.5 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มสายการบิน (เฉลี่ย 15.5 เท่า) และคาดราคาน้ำมันที่เริ่มพักฐาน เป็นบวกต่อ THAI (ต้นทุนน้ำมันลดลง)
TMT (เป้าพื้นฐาน 14.2 บาท) เป็นหุ้นปันผลสูง คาดปันผลปีนี้ 1.6 บาท/หุ้น (Dividend yield 12.4%)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BCP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 37 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรไตรมาส 3/59 = 1.2 พันล้านบาท (+177% YoY, -51% QoQ) คาดมีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันราว 200 ล้านบาท (ไตรมาส 2/59 มีกำไรสต๊อกน้ำมันสูงถึง 905 ล้านบาท) และเชื่อว่าราคาหุ้น BCP ยังไม่สะท้อนการปรับขึ้นของ บ.ลูก BCPG หลัง IPO
GPSC* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 34 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไรไตรมาส 3/59 = 738 ล้านบาท (+27% YoY, +12% QoQ) โดยในไตรมาสนี้บริษัทจะรับรู้ผลกำไรเต็มไตรมาส IRPCCP เฟส 1 และ NNEG พร้อมทั้งได้รับเงินปันผลจาก RPCL (ประมาณ 200 ล้านบาท)
SCC* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 635 บาท รายงานกำไรไตรมาส 3/59 = 1.4 หมื่นล้านบาท (+56.5% YoY, -12.1% QoQ) ดีกว่าคาด 13% และดีกว่า Consensus คาด 6% และภาพรวมจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เป็นบวก แม้ผู้บริหารจะกังวลต่ออุปสงค์วัสดุก่อสร้างปีนี้ แต่เชื่อว่าการลงทุนภาครัฐฯจะกระตุ้นอุปสงค์ในปีหน้าให้กลับมาเติบโต + Spread ปิโตรเคมียังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นต่อเนื่อง
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1497 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1497 จุดนั้น อาจผลักขึ้นทดสอบต้าน 1508 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1497 จุดนั้น อาจสะสมแรงกดราคาลงในกรอบ 1497-1471 จุด
แนวรับวันนี้: 1480/1471 แนวต้านวันนี้: 1497/1507
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]