- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 October 2016 15:20
- Hits: 1432
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> CPALL, GPSC, INET
Stock S R Comment
CPALL 61.75 64.00 ไม่ว่าจะฝนตก อากาศร้อน หรือกินเจ Ready to Eat คือคำตอบของทุกฤดูกาล
GPSC 35.50 37.25 คาดผลประกอบการปี 60 เด่นสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลัก
INET 4.20 4.48 ธุรกิจ Turnaround Cloud หนุนรายได้
It's small caps time
Small caps : นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาเราเห็นปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจได้แก่การปรับตัว Outperform อย่างชัดเจนของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ โดยนับถึงเมื่อวานนี้ SET Index ให้ผลตอบแทนแล้วกว่า 6.6% เทียบกับ SET50 ที่ให้ผลตอบแทนเพียง 4.7%
เราประเมินว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ และคาดว่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กนี้มีโอกาสสูงที่จะปรับตัว Outperform ไปจนถึงช่วงต้นปีหน้าเลยทีเดียว โดยมีเหตุผลสนับสนุนที่สำคัญได้แก่
1) คาดการณ์ประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีโอกาสถูกปรับลงจากแนวโน้มการตั้งสำรองฯที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง โดยถึงแม้ว่าประมาณการของกลุ่มพลังงานจะมีโอกาสถูกปรับขึ้น แต่เราไม่คิดว่าจะเพียงพอที่จะชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้
2) เรามองว่าการไหลเข้าของกระแส Fund flow ได้ผ่านจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้วในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาและคาดว่าจะชะลอลงนับจากนี้จากแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของ Bond yield สหรัฐฯและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจาก ณ ขณะนี้ตลาดยังคงให้น้ำหนักการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือนธันวาคมเพียงแค่ 70% เท่านั้น
3) เราคาดว่าผลกระทบจากการไหลเข้าของเม็ดเงิน LTF/RMF ในช่วงปลายปีนี้ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงแล้ว ประกอบกับการขยายระยะเวลาการถือครองกองทุน LTF จากเดิม 5 ปีปฏิทินไปเป็น 7 ปีปฏิทินอาจทำให้แรงจูงใจในการเข้าซื้อกองทุนของนักลงทุนลดลง มองกลุ่มหุ้นที่เสียประโยชน์จากกรณีนี้ได้แก่กกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เป็นสำคัญ
4) คาดการณ์เม็ดเงิน LTF ที่จะถูกไถ่ถอนในช่วงต้นปี 2560 ที่ระดับ 7 พันล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วน 15% ของยอดซื้อกองทุนที่เกิดขึ้นทั้งหมดในปี 2556 (5 ปีปฏิทินก่อนหน้า) ซึ่งจะกระทบกับหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยจากการคำนวณต้นทุนของผู้ที่ได้เข้าซื้อกองทุน LTF ไปเมื่อปี 2556 พบว่ามีต้นทุนการเข้าซื้อเฉลี่ยที่ระดับ SET Index 1406 จุด ซึ่งคิดเป็นกำไรจากการถือครองแล้วประมาณ 6.7% ที่ระดับดัชนีประมาณ 1500 จุด
Top picks : สำหรับหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่อยู่ใน Coverage ของเราและยังคงมี Upside จากระดับราคาปัจจุบันได้แก่ GL, JMT, COM7, JMART, ALT, INET, PYLON, SEAFCO, TTCL, SCI, TPCH, ANAN, RML แนะนำโฟกัสการลงทุนในหุ้นกลุ่มเหล่านี้
KCE : ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ไม่โดดเด่นเท่ากับที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้และไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ โดยกำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ระดับ 769 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย เนื่องจาก 1) บริษัทมีการปรับการรับรู้รายได้ทำให้ล่าช้าออกไปกว่าปกติ 2) เงินบาทที่แข็งค่า 3) มีค่าใช้จ่ายทางภาษี ถึงแม้ว่าในเชิงพื้นฐานเราจะแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ที่ราคาเป้าหมาย 112 บาท แต่เนื่องด้วย Upside ที่จำกัด ในเชิงกลยุทธ์เราจึงแนะนำ Switch การลงทุนไปยังหุ้นตัวอื่นในกลุ่มที่ยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมาย Consensus อาทิ SMT, SVI
กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำขายทำกำไรและลดพอร์ทการลงทุนที่บริเวณ SET Index 1500 จุดหรือมากกว่า มองระดับดัชนีปัจจุบันมีความเปราะบางในแง่ของ Valuation และมีระดับ Risk/Reward ratio ที่ไม่คุ้มค่าต่อการเข้าลงทุน สำหรับสัญญาณเตือนระยะสั้นได้แก่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ล่าสุดปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนไปแล้ว
แนวรับ 1,491 แนวต้าน 1,517
บทวิเคราะห์วันนี้
KCE (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 112 บาท) คาดผลการดำเนินงานทรงตัว
PTTGC (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 67 บาท) 4Q59F: โรงกลั่น-เม็ดพลาสติกยังสดใส
Today's Event
TLGF XD 0.2157 บาท
RICH XR 1:2 @ 0.30 บาท
RICH XW 2:1
IHL-W1 เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (105mn sh 1:1 @ Bt.3.50)
SQ เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (1,130mn sh @ Bt.3.20) หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง
นักวิเคราะห์ :
ดุลเดช บิค, CFA, FRM, CAIA (ID: 29932) E-mail: [email protected]
ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379) E-mail: [email protected]