- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 October 2016 15:04
- Hits: 1080
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET จะปรับลงในกรอบจำกัด ดังนั้นเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบได้
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ขยับบวกต่อได้อีก หลังจากช่วงวันหยุดต้นสัปดาห์(24 ต.ค.) ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดบวกได้ดี แต่ก็ยังมีแรงขายในช่วงบวกกดดันให้ SET ค่อนข้างผันผวนและมีจังหวะย้อนลบเล็กน้อยในระหว่างวัน เนื่องจากตลาดหุ้นเอเชียเริ่มปรับพักตัวให้เห็น โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอดูผลประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์หน้าอีกครั้ง (1-2 พ.ย.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปหลายแห่งเริ่มปรับตัวย้อนลบ หลังจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนเริ่มออกมาไร้ทิศทาง รวมทั้งตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือน ต.ค. ก็ปรับตัวลงมากกว่าคาดด้วย นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากอิรักส่งสัญญาณว่าจะไม่เข้าร่วมในข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ยังปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้อีก โดยคาดว่าแรงซื้อบางส่วนอาจต้องการรอติดตามผลประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์หน้าก่อนด้วย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสที่จะปรับพักตัวลง ก่อนลุ้นขึ้นรอบใหม่ในช่วงถัดไปตามคาดเดิม
กลยุทธ์ : ดังนั้นหลังจากแบ่งส่วนทยอยขายทำกำไรช่วงบวกไปบ้างแล้ว แนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อใหม่ช่วง SET ปรับลง แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกจริงจังของ SET อีกครั้งในช่วงถัดไป
แนวรับ 1502-1498 , 1495-1490 จุด
แนวต้าน 1508-1510 , 1514-1518 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : KOOL , SVI , TRC(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$13ล้าน นำโดยไต้หวัน US$83ล้าน และอินโดนีเซีย US$9ล้าน ขณะที่ไหลออกเกาหลีใต้ US$54ล้าน ไทย US$16ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนยังมีความผันผวน โดยขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทประจำไตรมาส 3 เป็นหลัก ปัจจัยนอกภูมิภาคให้ติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐและการประชุม Fed ในต้นเดือนพ.ย. นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) วันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ก.ย. ตลาดคาด -1.3% Y-Y ถ้าเป็นตามนี้ ส่งออก 3Q16 จะลดลงเพียง 0.4% Y-Y และน่าจะทำให้ GDP 3Q16 โตไม่ต่ำกว่า 3% Y-Y ตามที่ก.คลังคาด ค่าเงินบาทแข็.ค่าต่อเนื่องจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าพันธบัตรต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 และเป็นปริมาณที่มากขึ้น
(+) ครม.อนุมัติงบ 1.86 หมื่นล้านบาทกระตุ้นฐานราก โดยจะให้เงินอุดหนุนทั่วไปแก่หมู่บ้านที่ทำกิจการเป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น หนุนการบริโภคให้ดีขึ้น กลุ่มค้าปลีกยังน่าสนใจ แนะนำ ROBINS (เป้าปีหน้า 76 บาท) CPALL (เป้าปีหน้า 74 บาท) BJC (เป้าปีหน้า 54 บาท)
(+) SQ เป็นผู้รับเหมาให้บริการทำเหมืองแร่แบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่วางแผน เปิดหน้าเหมือง ขุดขนแร่ และเป็นที่ปรึกษาด้านงานเหมือง มีคู่แข่งน้อยราย รายได้มั่นคงเพราะมี Backlog 3.7 หมื่นล้านบาทรองรับรายได้ 10 ปี เราคาดกำไรปกติปี 2016-18 โตสูงเฉลี่ย 75% ต่อปีเพราะรับรู้รายได้โครงการเหมืองหงสาและเหมืองแม่เมาะโครงการ 8 เต็มปีตั้งแต่ปี 2016 กำไร 1H16 +136% Y-Y คิดเป็น 50% ของทั้งปีที่เราคาด ประเมินราคาพื้นฐานปีหน้า 4.30 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ SQ)
(+) KCE เราคาดกำไรปกติ 3Q16 +3.5% Q-Q, +32% Y-Y แม้รายได้ถูกกระทบจากการเปลี่ยนการขนส่งจากทางอากาศเป็นทางน้ำ แต่ Gross margin ที่ทำ new high ทำให้กำไรยังโตได้ดี แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 117 บาท
(+) PDG เป็นหุ้นขนาดเล็กที่ราคาถูกและปันผลดี มี 2017PE เพียง 10.5 เท่า ต่ำกว่า PE ตั้งแต่เข้าตลาดฯที่ 15 เท่า และต่ำกว่ากลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ 20-25 เท่า เราคาดกำไรปีนี้และปีหน้าทำ new high +6% และ +8% ตามการเติบโตของตลาดน้ำดื่มและยอดขายน้ำมันพืชของ TVO และคาด Dividend yield 5.3-5.7% แนะนำซื้อ เป้าปีหน้า 5.30 บาท
(+) M เราคาดกำไร 3Q16 -11% Q-Q เพราะได้รับผลกระทบจากหน้าฝน แต่ +49.6% Y-Y เพราะฐานต่ำในปีก่อน ที่น่าประทับใจคือ SSSG ที่บวกเป็นไตรมาสที่ 2 ไตรมาสนี้มีเปิดสาขาใหม่ 4 แห่งและปรับขึ้นราคาอาหารราว 2% ปลาย ก.ย. ทำให้รายได้โตและดีต่อ 4Q16 ที่เป็น high season แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 60 บาท (PE 14 เท่า)
(+) CENTEL เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ เพราะธุรกิจโรงแรมที่กลับมาโตแข็งแกร่งโดยเฉพาะโรงแรมในมัลดีฟส์ที่เดิม ส่วนที่ใหม่ที่เคยพักแผนไป ล่าสุดเริ่มมีการเจรจา คาดว่ามีโอกาสเห็นการลงทุนในอนาคต เราคาดกำไร 3Q16 -9% Q-Q, +9% Y-Y ส่วนผลกระทบจากการยกเลิกการจองโรงแรมยังจำกัดมาก คงราคาพื้นฐานปีหน้า 46 บาท
(-) DELTA เราลดคำแนะนำเป็นขาย จากถือ เพราะกำไร 3Q16 ไม่สดใส +5.7% Q-Q, -19.3% Y-Y ทั้งที่ 3Q เป็น High season แต่รายได้กลับลดลงและค่าใช้จ่ายเพิ่ม เราปรับกำไรปีนี้ลง 22% ปีหน้าลง 13% ราคาพื้นฐานปีหน้าลงเป็น 74 บาทจาก 78 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ต.ค. - ไทย: SQ เทรดวันแรก (ราคา IPO 3.20 บาท),ดุลการค้า (ก.ย.)
- สหรัฐ:ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)
27 ต.ค. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมและอัตราใช้กำลังการผลิต (ก.ย.)
- สหรัฐ:คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.), Pending home sales (ก.ย.)
28 ต.ค. - ไทย: กกพ.ประกาศผลผู้ได้รับอนุมัติทำโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม
1-2 พ.ย. - สหรัฐ: FOMCประชุม
1 พ.ย. - ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.)
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
2 พ.ย. - ญี่ปุ่น: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacuting PMI (ต.ค.)
- สหรัฐฯ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร ADP (ต.ค.)
3-พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Composite (ต.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบ เนื่องจากได้แรงกดดันจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง และ รายงานด้านเศรษฐกิจของ Conference board ที่ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ลดลงมากกว่าที่คาด อีกทั้ง ราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลง และปิดต่ำกว่า 50.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยประเด็นกดดันหลักมาจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารอิตาลี อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนต.ค.ของเยอรมันที่ดีขึ้น ช่วยชดเชยให้ตลาดปรับลดลงไม่มากนัก
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวในกรอบแคบๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.86-34.89 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 0.56 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.96 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50.00 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากมีรายงานจากว่าอิรักต้องการได้รับการยกเว้นจากมาตราการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปก และ รายงานจาก API ทีระบุว่าสต๊อคน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7 ล้านบาร์เรล
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 9.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,273.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า หลังสหรัฐเปิดเผยในการประชุม Conference board ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ลดลงมากกว่าที่คาด
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch