- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 October 2016 16:16
- Hits: 3423
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของโลกออกมาดี
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดบวกเมื่อวานจากตัวเลขผลประกอบการ บจ.สหรัฐไตรมาส 3/16 ที่ออกมาดีตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐและยูโรโซนที่ออกมาแข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายเดือน ตลอดจนแนวโน้มกำไรของธนาคารทั้งหลายในโลกน่าจะดีหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นทั่วโลก แม้ตัวเลขเหล่านี้จะยิ่งทำให้โอกาส Fed ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้สูงขึ้นไปอีก แต่นักลงทุนดูท่าจะเริ่มคุ้นเคยกับภาวะดังกล่าวแล้ว แม้ราคาน้ำมันจะร่วงลงจากอุปทานล้นตลาด แต่การตกลงของ OPEC ว่าจะลดกำลังการผลิตในเดือน พ.ย. ดูเป็นเรื่องแน่นอนซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพขึ้น ภายในประเทศรัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าต่อแม้ในช่วงที่ทั้งประเทศยังถวายความอาลัย จากการท่องเที่ยวที่ยังสดใส การบริโภคภายในประเทศที่กำลังฟื้นตัว การเร่งใช้จ่ายเงินลงทุนของรัฐ และมาตรการช่วยคนจน
หุ้นเด่นวันนี้ : KTC (ราคาปิด 152.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 170.00 บาท)
บมจ.บัตรกรุงไทย เป็นหุ้นแนะนำในวันนี้จากการเติบโตของกำไรในไตรมาส 3/59 ที่แข็งแกร่งและแนวโน้มกำไรในอนาคตที่ยังดูสดใส โดยในไตรมาส 3/59 KTC รายงานกำไรที่ 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% QoQ และ 28.1% YoY ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากรายได้ดอกเบี้ยทั้งจากสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ 11% YoY เราคาดว่ากำไรของบริษัทจะยังคงเติบโตต่อในไตรมาสสุดท้ายของปีเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการจับจ่ายใช้สอย อีกทั้ง การที่บริษัทออกแคมเปญการตลาดมาอย่างต่อเนื่องจะยิ่งช่วยหนุนการเติบโตมากขึ้นไปได้อีก นอกจากนี้ เรามองว่า KTC ยังมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง เช่น KBANK ซึ่งยังเผชิญกับแรงกดดันในการตั้งสำรองหนี้เสีย เป็นผลให้คู่แข่งเหล่านี้ลดงบประมาณของค่าใช้จ่ายการตลาดสำหรับกลุ่มบัตรเครดิต ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของ KTC ในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ยิ่งไปกว่านั้น ณ ไตรมาส 3/59 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ของ KTC ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.86% ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (coverage ratio) อยู่สูงกว่า 400% ซึ่งบ่งบอกถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งของบริษัท เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโต 17.2% ในปี 59 และ 17.6% ในปี 60 Price Pattern ของ KTC มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal และมี Price Pattern ที่บ่งบอกว่าจะเกิดการทำ New High ซึ่งเป็น New All Time High ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KTC มีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 155 บาท ซึ่ง KTC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 131.50 บาท (Resistance: 154.50, 157.50, 162.50; Support: 150.00, 147.00, 142.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
คาดรถไฟฟ้าอีกสามเส้นทางจะเริ่มในปี 2560: ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าคาดว่าจะเปิดประมูลรถไฟฟ้าอีกสามเส้นทาง และเริ่มการก่อสร้างในปี 2560 ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูนราชบูรณะ) ระยะทาง 23.6 กม. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑล สาย 4) ระยะทาง 8 กม. และสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-ตลิ่งชัน) ระยะทาง 17.5 กม. (บางกอกโพสต์)
ความเห็น: ทั้งสามสายเป็นโครงการส่วนต่อขยายจากโครงการที่กำลังพิจารณาและเปิดประมูลอยู่ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีส้ม (สุวินทวงศ์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) สายสีชมพูและสายสีเหลือง เราเชื่อว่าโครงการดังกล่าวหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า
สภาพัฒน์คงคาดการณ์เศรษฐกิจโต 3.3% ปี 59 แม้จะมีข้อกังวลในช่วงสัปดาห์เหล่านี้ การเติบโตมาจากภาคส่งออกที่สดใส การบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว การเร่งใช้จ่ายของภาครัฐและมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ขณะเดียวกันสภาพัฒน์จะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3/59 ในวันที่ 21 พ.ย. (Bangkok Post)
ธปท. ติดตามเศรษฐกิจช่วงแห่งการสูญเสีย เห็นว่ายังดีอยู่ ธปท. ยังคงจับตาเศรษฐกิจด้วยคาดการณ์ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างอาจชะลอในช่วงถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ดี ธปท. ระบุว่าพื้นฐานเศรษฐกิจโดยรวมยังยืดหยุ่นด้วยฐานะการคลัง ทุนสำรองระหว่างประเทศและสถาบันการเงินที่แข็งแรง (Bangkok Post)
กระทรวงท่องเที่ยวฯ มั่นใจในภาคการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังคงเชื่อมั่นว่ารายได้การท่องเที่ยวปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่ 2.4 ล้านล้านบาท จากตัวเลขนักท่องเที่ยว 9 เดือนแรกปีนี้ที่ออกมาน่าพอใจ ทั้งนี้แม้ว่าการยกเลิกกิจกรรมสันทนาการและบันเทิงเป็นเวลา 30 วันเพื่อไว้อาลัยแก่รัชกาลที่ 9 จะมีผลกระทบเล็กน้อยมากต่อจำนวนนักท่องเที่ยว แต่การใช้มาตรการยกเลิกทัวร์ศูนย์เหรียญฯ คาดจะกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะลดลง 20% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี และฉุดให้ตัวเลขทั้งปีลงมาอยู่ที่ 9.21 ล้านคน จากเป้าเดิมที่ 10.1 ล้านคน อย่างไรก็ตามรายได้ภาคการท่องเที่ยวปีหน้าจะเติบโตต่อเนื่องขึ้นเป็น 2.8 ล้านล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่จะก่อให้เกิดรายได้ถึง 4.61 แสนลบ. ผ่านจำนวนนักท่องเที่ยวที่ประเมินว่าจะฟื้นกลับมาสูงขึ้นอยู่ที่ 11.4 ล้านคน (Bangkok Post)
รายได้เกษตรกรฟื้นตัวดีขึ้นในเดือนก.ย. สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเปิดเผยว่าราคาสินค้าเกษตรเดือนก.ย. กลับมาปรับตัวสูงขึ้น 8% YoY เทียบกับการหดตัวลง 8.3% YoY ในเดือนส.ค. ก่อนหน้า เมื่อรวมกับตัวเลขผลผลิตทางการเกษตรโดยรวมที่เพิ่มขึ้น 4% YoY แล้ว ส่งผลให้รายได้เกษตรกรเติบโต 12.4% YoY ต่อเนื่องจากการเติบโต 4.5% ในเดือนส.ค. โดยเฉพาะกับเกษตรกรชาวสวนยาง ปาล์มน้ำมัน และ กุ้งขาวแปซิฟิก (Bangkok Post)
WIIk (4.62 บาท) Wiik Water ซึ่งถือหุ้น 100% โดย WllK ได้ประกาศเซ็นต์สัญญาให้สิทธิบริหารจัดการระบบผลิตน้ำประปา ให้แก่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นเวลา 20 ปี โดยมีรายได้ขั้นต่ำ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างประมาณ กลาง พ.ย.59 และใช้เวลาก่อสร้างราว 4-5 เดือน ใช้เงินลงทุนประมาณ 135 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณกลางปี 2560 ซึ่ง Wiik Water อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อรับงานในการผลิตน้ำประปาให้แก่นิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ และหน่วยงานราชการ เพิ่มอีก โดยบริษัทฯมีนโยบายในการรับงานดังกล่าวปีละ 1-2 โครงการ ความเห็น: เราคาดว่าดีลนี้จะเพิ่มมูลค่าหุ้นให้กับ WllK ด้วยวิธี DCF อีก 0.216 บาทต่อหุ้น จากมูลค่าเดิมที่ประเมินได้ 6.3 บาทต่อหุ้น ทำให้ราคาเป้าหมายใหม่ของเราปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.5 บาทต่อหุ้น
ต่างประเทศ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ ตามการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกและตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเทรดเดอร์มองว่าเฟดคงไม่แสดงทีท่าอะไรมากก่อนการประชุมนโยบายเฟดในสัปดาห์หน้า ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 7/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.764% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 1.74% เมื่อวันศุกร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 1.841% เมื่อต้นสัปดาห์ก่อนส่วนราคาพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวลง 16/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.517% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 2.492% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ และแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เทียบกับเงินเยนเมื่อวันจันทร์จากความคาดหวังที่มากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 98.775 ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ในช่วงเช้าของการซื้อขายตามเวลาในสหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 104.32 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในช่วง 1 สัปดาห์ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันจันทร์ โดยดัชนี S&P500 พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์หนุนจากการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่งและการเข้าซื้อกิจการของหลายบริษัท นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนกำลังปรับตัวดีขึ้นส่วนหนึ่งมากจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและรูปแบบการบริโภคที่แข็งแกร่งในสหรัฐ (Reuters)
กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/59 ที่ใช้ในการคำนวณดัชนี S&P500 ในขณะนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน หลังจากที่ลดลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส จากข้อมูลของ Thomson Reuters l/B/E/S ทั้งนี้ จากบริษัทจำนวน 120 บริษัทที่ได้รายงานผลประกอบการจนถึงปัจจุบัน มี 78% ที่มีผลการดำเนินงานดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะมี 63.5% ของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น (Reuters)
ภาวะธุรกิจของผู้ผลิตในสหรัฐมีการพลิกฟื้นมากที่สุดในช่วง 12 เดือนในเดือนต.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้นของมาร์กิตปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 53.2 ในเดือนต.ค. จากระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 51.5 ในเดือนก.ย. ตัวเลขล่าสุดเป็นสัญญาณการปรับตัวขึ้นของภาวะธุรกิจโดยรวม และเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดนับแต่เดือนต.ค. 58 (lHS Markit)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ทรงตัว โดยการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มธนาคารถูกชดเชยกับการอ่อนตัวลงของหุ้นกลุ่มยาและเภสัชกรรม โดยหุ้นธนาคารได้แรงหนุนหลังจาก JP Morgan วิเคราห์ว่าอัตราดอกเบี้ยตลาดโลกกำลังจะฟื้นตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นสเปนปรับตัวสูงขึ้นโดดเด่นหลังมีสัญญาณการปลดแอกของปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ (Reuters)
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของยูโรโซนเดือนต.ค. ขยายตัวมากที่สุดในรอบปีนี้ นำโดยเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ขยายตัวโดดเด่น โดยดัชนี PMl รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก.ย. ที่ 52.6 มาอยู่ที่ 53.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปีที่แล้ว (Reuters)
สิ้นสุดปัญหาทางการเมืองในสเปน หลังจากพรรคสังคมนิยม ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ยอมยกเลิกการใช้สิทธิยับยั้งหรือวีโต้ขัดขวางพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคสายอนุรักษ์นิยมของนาย Mariano Rajoy รักษาการนายกรัฐมนตรี ในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เปิดทางให้นาย Rajoy ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งสมัย (Reuters)
เอเชีย :
หุ้นจีนปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ในวันจันทร์ โดยแรงหนุนจากหุ้นทรัพยากร จากความพยายามของรัฐบาลที่จะลดการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรม เช่น ถ่านหินและเหล็ก (Reuters)
ค่าเงินหยวนของจีนแตะระดับต่ำสุดในรอบหกปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนที่จะฟื้นตัวในวันจันทร์ หลังธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐขายดอลลาร์เพื่อพยายามชะลอการอ่อนตัวของค่าหยวน ซึ่งถูกกดดันในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากความคาดหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ค่าเงินหยวนอยู่ที่ 6.7718 หยวนต่อดอลลาร์ หลังตกไปต่ำถึง 6.7770 หยวนต่อดอลลาร์ ในชั่วโมงการซื้อขายก่อนหน้านี้ เทียบกับค่าในวันศุกร์ที่ 6.7599 หยวนต่อดอลลาร์ (Reuters)
ถ่านโค้กของจีนและฟิวเจอร์สของถ่านโค้กมีราคาปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ หลังจากการปรับลดกำลังการผลิตในประเทศสำหรับการผลิตที่มีปัญหา ทำให้เกิดการขาดแคลนอุปทานอย่างรุนแรงในเดือนถัดมา การปฏิรูปด้านอุปทานของจีนได้ลดการล้นตลาดในภาคถ่านหิน ฟิวเจอร์ถ่านโค้กในต้าเหลียน ปรับขึ้น 2.6% มาอยู่ที่ 1,243.5 หยวนต่อตัน (183.67 ดอลลาร์ต่อตัน) ถ่านหินโค้กปรับตัวขึ้น 46% นับตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. ฟิวเจอร์สโค้กในต้าเหลียนเพิ่มขึ้น 3.8% ปิดที่ 1,595.5 หยวนต่อตัน โดยปรับขึ้น 31% นับจากปลายเดือน ส.ค. (Reuters)
การส่งออกของญี่ปุ่นลดลงเป็นเดือนที่ 12 ในเดือน ก.ย.จากการแข็งค่าของเงินเยนทำลายการส่งออก ส่งออกของญี่ปุ่นลดลง 6.9% YoY ในเดือน ก.ย. หลังจากลดลง 9.6% YoY ในเดือน ส.ค. แต่ลดลงน้อยกว่า 10.4% ตาม Consensus ในขณะที่เงินเยนแข็งขึ้น 16% YoY เทียบกับดอลล่าร์ ทำร้ายมูลค่าการส่งออก ในแง่ของปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 4.7% ตั้งแต่ต้นปีถึง ก.ย. การแข็งค่าเกิดขึ้นเร็วที่สุดในรอบเกือบสองปีที่ผ่านมาเป็นเดือนที่สองต่อกัน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันร่วงเล็กน้อยวันจันทร์ น้ำมันสหรัฐลดต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลชั่วขณะหนึ่งเพราะประเด็นเรื่องอังกฤษและการที่อิรักหวังว่าจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องลดกำลังการผลิตตาม OPEC น้ำมัน Brent ลง 32 เซนต์ (-0.65%) ปิดที่ 51.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยลดต่ำสุดของวันที่ 50.50 ดอลลาร์ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 33 เซนต์ (-0.7%) ปิดที่ 50.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองคำร่วงในวันจันทร์ เพราะดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดรอบเก้าเดือนจากการเก็งว่าว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ ธ.ค.ปีนี้ ราคาทองคำตลาดจรลบ 0.2% ไปอยู่ที่ 1,263.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ธ.ค. ลบ 0.3% ไปอยู่ที่ 1,263.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094