- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 20 October 2016 15:55
- Hits: 2963
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ซึ่งคาดส่ง
ผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน รวมถึงมุมมองที่เป็นบวกของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแนะติดตาม 2 ประเด็นที่ยังมีความไม่แน่นอน และคาดสร้างความผันผวนให้ภาพรวมตลาดฯ (1) การพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจากรายงานการประชุมของเฟด สะท้อนว่ามีโอกาสสูงที่จะขึ้นดอกเบี้ยใน ธ.ค. และ (2) ราคาน้ำมัน ที่คาดมีความผันผวน ภายใต้ความไม่มั่นใจว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ จะสามารถลดปริมาณผลิตลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ซึ่งตัวเลขการผลิตของกลุ่ม OPEC ล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย. ยังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ คาดยังถูกกดดันจาก Fund Flow ที่คาดเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น หลังมีแรงขายสุทธิต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และล่าสุดสูงกว่า 2,500 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมยังอยู่ในระดับสูงกว่า 120,000 ล้านบาท ขณะที่ยังแนะติดตามค่าเงินบาทซึ่งมีความผันผวนเช่นกัน ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 34.89 - 34.94 บาท อ่อนค่าลงจากวันก่อนหน้าที่ 34.85 บาท อย่างไรก็ตามเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาคส่วนใหญ่
ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนเข้ามาบ้างจาก (1) อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน – 3Q/59 ที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลาง พ.ย. และ(2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐ คาดเน้นภาคบริการ เช่น กลุ่มโรงแรม รวมถึงกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชน
นอกจากนี้แนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
SET SET50 SET100
1,486.28 +8.74 940.21 +2.54 2,110.48 +9.70
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +40.68, NASDAQ +2.57, S&P +4.69, FTSE +21.86, CAC +11.39 และ DAX +14.13
โดยได้ปัจจัยหนุนจาก (1) ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นกว่า 2% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด ปรับลง สวนทางกับคาดการณ์ (2) ผลประกอบการของมอร์แกน สแตนลีย์ – 3Q/59 โดยมีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านUSD เพิ่มขึ้นจาก 1 พันล้านUSD เมื่อ 3Q/58 และ (3) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด หรือ Beige Book ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายเดือนส.ค. ถึงต้นเดือนต.ค. และแนวโน้มเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงเป็นบวก
ขณะที่ได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน – ก.ย. ลดลง 9% อยู่ที่ 1.05 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนมี.ค.’58
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$1.31 อยู่ที่ US$51.60 ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบล่าสุด ลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล (สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่ 468.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด จากก่อนหน้านี้ ที่การผลิตน้ำมันของลิเบีย เพิ่มขึ้น 560,000 บาร์เรล/วัน จาก 540,000 บาร์เรล/วัน และอิหร่าน มีแแผนเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบขึ้นสู่ระดับ 4 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงความความหวังว่า กลุ่มโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตได้ตามแผนในการประชุมเดือนหน้า เพื่อพยุงราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.82 1.9 3.18
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 58,923.67
สถาบัน 3,173.67
บัญชีหลักทรัพย์ -175.96
ต่างประเทศ -2,557.80
ในประเทศ -439.91
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$7.0 อยู่ที่ US$1,269.9 ต่อออนซ์ โดยยังได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,558 ล้านบาท สะสม YTD +120,184 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
(+) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม - ก.ย. อยู่ที่ 84.8 เพิ่มขึ้นจาก 83.3 เมื่อ
ส.ค. และเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 102.4 เพิ่มจาก 101.6 เมื่อส.ค.
ประเด็นที่ต้องติดตาม 20 - 21 ต.ค. 2559
20/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ผลสำรวจดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติกเดือนต.ค.
ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย.
ประชุม ECB
21/10/59 : ไม่มีเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% ในขณะที่ประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญคาดว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 1.75% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.87 อยู่ที่ 14.41
หุ้นแนะนำ : PTTGC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788