- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 19 October 2016 21:23
- Hits: 1872
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เพื่อรอปัจจัยใหม่ในการลงทุน ส่งผลให้ปิดทรงตัวที่ 1,477.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท
หุ้นกลุ่มธนาคารยังปรับตัวลง -1.2% แต่กลุ่มพลังงาน +0.7% , ปิโตรเคมี +0.3% และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +0.7%
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 6 ติดต่อกัน, Short สุทธิ SET 50 Index Future วันที่ 3 ติดต่อกัน แต่กลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้ครั้งแรกในรอบ 7 วัน
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 18)
MBKET คาดว่า SET INDEX วันนี้จะเคลื่อนไหว Sideway to Sideway Up 1470-1485 จุด โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังคง Underperform ตลาด หลัง SCB, TMB รายงานกำไรสุทธิ 3Q59 ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ราว 7-8%
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลข GDP 3Q59 ของจีนออกมาใกล้เคียงหรือดีกว่าคาดการณ์เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้ Sentiment การลงทุนในวันนี้ดีขึ้นจาก 2 วันก่อนหน้า รวมทั้ง แรงเก็งกำไรการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ แม้คาดว่าจะยังไม่มีการปรับนโยบายทางการเงินในการประชุมรอบนี้ แต่สิ่งที่ตลาดให้ความสำคัญคือการส่งสัญญาณเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม / ขยายอายุโครงการ QE ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีในเดือน ธ.ค.
หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมียังมีทิศทาง Outperform ตลาด จากการไต่ระดับขึ้นของราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcatle อีก +4.8% และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่แกว่งตัวเหนือUS$50.00/barrel จะเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นเช่นกัน
แม้วานนี้ต่างชาติจะยังคงขายสุทธิวันที่ 6 ติดต่อกัน แต่เชื่อว่าเป็นการลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหลัก จึงทำให้หุ้นหลักในกลุ่มอื่นๆได้รับผลกระทบที่จำกัด และการกลับมาซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้วานนี้ในรอบ 7 วัน และ NVDR ซื้อสุทธิในรอบ 5 วัน สะท้อนให้เห็นว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะชะลอตัวลง
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• ตัวเลข GDP 3Q59 ของจีน ตลาดคาด +6.7% yoy
• รฟท.จะพิจารณาโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทางวงเงิน 4.7 หมืนล้านบาท
• ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcastle ปรับตัวขึ้นวันที่ 6 ติดต่อกัน +4.8% เป็น US$98.00/ตัน
• ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ยืนเหนือ US$50.00/barrel เพื่อรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของ EIA ในคืนนี้
• SCB และ TMB รายงานกำไรสุทธิ 3Q59 ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด
Strategy of the Day
1. สะสม PTTGC : ราคาปิด 60.75 บาท ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวกหลังเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานปิโตรเคมีของ BASF ในประเทศเยอรมันซึ่งมีกำลังการผลิต Ethylene ราว 6.2 แสนตันต่อปี จึงเชื่อว่าหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีในเอเซียจะอานิสงค์บวกจากราคา Ethylene ที่มีโอกาสปรับตัวขึ้น
b) คาดกำไรจากการดำเนินงาน 3Q59 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงกลั่นที่ปิดซ่อมบำรุงกลับมาเดินเครื่องการผลิตเต็มที่ และโรงงานโอเลฟินส์ที่หยุดนอกแผนใน 2Q59 ก็จะกลับมาเดินเครื่องเต็มที่เช่นกันใน 3Q59 และผลักดันให้กำไรสุทธิ 2H59 ปรับตัวขึ้นโดดเด่นเมื่อเทียบกับ 1H59
c) คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ที่ 2.37 หมื่นล้านบาท +15.6% yoy และเติบโต +10.5% yoy เป็น 2.61 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูกซื้อขาย PBV2560 เพียง 1.07 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี
2. สะสม BJC : ราคาปิด 47.50 บาท ราคาเหมาะสม 52.00 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตสูงทั้ง yoy และ qoq เนื่องจากจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 1 พันล้านบาท จากการชำระคืนหนี้สกุลยูโร ขณะที่ Norm Profit คาดว่าจะเติบโต yoy และ qoq เช่นกัน เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจของ BIGC ส่งผลให้อัตรากำไรดีขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายลดลงจากการคืนหนี้ระหว่างไตรมาส
b) มี Catalyst รออยู่ เนื่องจากคาดว่ามีโอกาสถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ซึ่งจะประกาศในช่วงวันที่ 15 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย
c) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโตสูงถึง +85.6% yoy เป็น 6,589 ล้านบาท ขยายตัวสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก และ Valuation ยังถูก ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 3.8 เท่า และหุ้นหลักในกลุ่ม เช่น CPALL 9.9 เท่า, HMPRO 6.7 เท่า และ GLOBAL 3.1 เท่า