- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 October 2016 16:10
- Hits: 1226
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เทรดดิ้งสั้นเน้นขึ้นขาย//ลงซื้อ ส่วนลงทุนถือต่อได้ แต่รอซื้ออ่อนตัวตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังรีบาวด์กลับขึ้นต่อเนื่องได้ดีในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง ประกอบกับในช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีปรับตัวลงรุนแรงถึงกว่า 160 จุดด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวเป็นบวก อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่เฟด
จะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใน 2 เดือนข้างหน้ายังคงกดดันให้ SET แกว่งผันผวนในระหว่างวันอยู่ โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามสุนทรพจน์ของประธานเฟดในช่วงค่ำวันเดียวกันอยู่
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศยังดูดี หลังจากค่ำวันศุกร์รายงานผลประกอบการของภาคเอกชนในสหรัฐยังสดใสขณะที่สุนทรพจน์ของประธานเฟดก็ไม่ได้กล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่กลับแสดงความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอยู่ ทำให้นักลงทุนยังคาดหวังการใช้นโยบายเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งน่าจะส่งผลให้แรงกดดันในตลาดหุ้นไทยลน้อยลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่า SETมีสิทธิที่จะยังแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวลงได้ หลังจากช่วงท้ายสัปดาห์ที่แล้วดัชนีดีดกลับขึ้นมาค่อนข้างเร็วถึงเกือบ 140 จุดในช่วง 2 วันทำการ ประกอบกับค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนตัวลงอีกครั้ง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็อ่อนแอลงด้วย
กลยุทธ์ : ช่วงนี้น่ารอซื้อใหม่ช่วงปรับลง ส่วนเทรดดิ้งแนะนำขึ้นขาย//ลงซื้อ
แนวรับ 1475-1470 , 1465-1460 , 1450-1440 จุด
แนวต้าน 1480-1487 , 1493-1498 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : COM7 , BLA , TCAP(short)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$172ล้าน นำโดยไต้หวัน US$91ล้าน ไทย US$73ล้าน และอินโดนีเซีย US$47ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$34ล้าน และเวียดนาม US$15ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค หลังจากเมื่อคืนวันศุกร์ประธาน Fed ได้ระบุถึงการใช้นโยบาย
กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังชะลอตัวอยู่ ขณะที่ไม่ได้กล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (-) ติดตามผลประกอบการกลุ่มแบงก์อย่างใกล้ชิด ผลประกอบการของแบงก์ที่เหลือจะทยอยออกมาตั้งแต่กลางสัปดาห์เป็นต้นไป (TISCO และ KBANK ประกาศแล้ว) และอาจกลับมาฉุดตลาด หลัง NPL ของ KBANK พุ่งเกินคาดใน 3Q16 และเป้าทางการเงินที่ปี 2017 ของ KBANK ให้ แย่กว่าที่เรามอง เซอร์ไพรส์ทั้งเราและตลาดในทางลบ ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าจากในช่วง 2 วันก่อนหน้า และต่างชาติยังขายพันธบัตรต่อเนื่อง
• (-) KBANK กำไร 3Q16 ใกล้เคียงเราและตลาดคาด +15.2% Q-Q, +7.3% Y-Y จากค่าใช้จ่ายสำรองฯที่ลดลง หากไม่นับรายการดังกล่าว PPOP ทรงตัวทั้ง Q-Q และ Y-Yชะลอกว่าคาดเพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจประกันน้อยกว่าคาด ข่าวร้ายคือ NPLพุ่งเกินคาด +14% Q-Q ทำให้ NPL ratio เพิ่มเป็น 3.35% จาก 2.89% ใน 2Q16KBANK ได้แจ้งเป้าทางการเงินปี 2017 ซึ่งน่าผิดหวังและต่ำกว่าเราคาดเราจึงปรับกำไรปีหน้าลง 15% เป็น -4% Y-Y หดตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ส่วนใหญ่จากการเพิ่มสำรองฯ ปรับราคาพื้นฐานปีหน้าลงเหลือ 202 บาทจากเดิม 232 บาท (อิง PBV 1.4 เท่า) ลดคำแนะนำเป็นถือ จากซื้อ
• (+) EKH เราคาดกำไรสุทธิ 3Q16 +114.5% Q-Q, +55.8% Y-Y เป็น 28 ล้านบาทจาก High season และมีโรคระบาดในเด็ก แนวโน้มกำไรยังแกร่งใน 4Q16 จากฤดูฝนที่ยาวนานกว่าปกติ รายได้ที่น่าจะดีกว่าคาดและต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้เราปรับกำไรสุทธิปี 2016-17 ขึ้น 13% เป็น +68% Y-Y ในปี 2016 และ 20% Y-Y ในปี2017 สูงสุดในกลุ่มซึ่งเราคาดโตเฉลี่ย 10% ปีนี้และ 13% ปีหน้า เราปรับราคาพื้นฐานปี2017 ขึ้นเป็น 8 บาทจากเดิม 7 บาท (DCF) ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น 2017 EV/EBITDA9.8 เท่า ถูกสุดในกลุ่มที่มีค่าเฉลี่ยกว่า 20 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ และเป็น Top pick ของกลุ่มโรงพยาบาล
• (+) SCC เราคาดกำไรสุทธิ 3Q16 จะยังแข็งแกร่ง 1.36 หมื่นล้านบาท +51% Y-Y จากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่สูงและขาดทุนจากสต็อกลด แต่ -15% Q-Q ตาม Low seasonของวัสดุก่อสร้าง ส่วนแนวโน้มกำไร4Q16 จะชะลอเพราะธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่เด่นมาตลอดจะหยุดซ่อมบำรุงราว 40 วันในเดือน พ.ย. ขณะที่วัสดุก่อสร้างถูกกระทบจากฤดูฝนที่ยาวกว่าปกติ เรายังคงกำไรปีนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5.02 หมื่นล้านบาท +10.6% Y-Y และคาดกำไรปีหน้าทรงตัว เพราะส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์ชะลอ แต่ธุรกิจวัสดุก่อสร้างฟื้นตามโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าและที่อยู่อาศัย ราคาหุ้นปัจจุบันมี 2017PE เพียง 12 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 15 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีนี้ 600 บาท (SOTP)
ที่ต้องติดตาม
10-21 ต.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการ 3Q16
17 ต.ค. - สหรัฐ: Industrial Production (ก.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
18 ต.ค. - ไทย: SELIC เข้าเทรด (ราคา IPO 2.90 บาท)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
19 ต.ค. - จีน: 3Q16 GDP, ยอดค้าปลีก (ก.ย.)
20 ต.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ย.)
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- สหรัฐ: Fed beige Book, ยอดขายบ้านเก่า (ก.ย.), การดีเบตรอบสุดท้ายของฮิลลารีและทรัมป์ (8am เวลาไทย)
- ECB ประชุม
24 ต.ค. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ต.ค.)
25 ต.ค. - เกาหลีใต: 3Q16 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดในแดนบวกโดยตอบรับถ้อยแถลงของประธาน FED ขณะที่ผลประกอบการของกลุ่มธนาคารค่อนข้างสดใส
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดบวกแรงนำโดยหุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนที่ดีกว่าคาด
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมในกรอบแคบโดยนักลงทุนจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีนในวันพุธ
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวค่อนไปในทางอ่อนค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.30-35.45 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ขยับลง 0.09ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน หลังตัวเลขเศรษฐกิจ
แข็งแกร่ง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2.10 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,255.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าซึ่งเกิดจากคาดการณ์ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.