- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 October 2016 16:06
- Hits: 1320
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วันศุกร์ เปิดในแดนบวก และปรับตัวขึ้น 64.79 จุด หรือ +4.5% ปิดที่ 1,477.61 จุด มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิหน้าแน่นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีก 13,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 9,716 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 4 ติดต่อกันอีก 2,572 ล้านบาท, Short สุทธิ SET50 Index future จำนวน 24,390 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 ติดต่อ 1,695 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
• ความผันผวนของตลาด และมูลค่าการซื้อขายจะลดลงเข้าสู่ระดับปกติที่ 4.5 – 5.5 หมื่นล้านบาท
• ธนาคารขนาดใหญ่จะรายงานผลประกอบการ 3Q59 ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. เป็นต้นไป ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเพิ่มขึ้นของ NPL และทิศทางการตั้งสำรองในปี 2560 ว่าผู้บริหารของแต่ละธนาคารจะมีมุมมองเช่นใด
• เหตุการณ์ตึงเครียดในซีเรีย
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้
• การโต้วาทีรอบสุดท้ายระหว่าง Trump และ Clinton ในเช้าวันที่ 20 ต.ค.ตามเวลาประเทศไทย
• การประชุม ECB ในช่วงค่ำวันที่ 20 ต.ค.ตามเวลาประเทศไทย โดยตลาดคาดว่าจะไม่มีการปรับนโยบายการเงินในรอบนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 16)
MBKET คาดว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านความผันผวนระดับสูงไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนผ่านมูลค่าการซื้อขายที่สูงกว่าระดับ 1 แสนล้านบาทในวันพฤหัสและศุกร์ที่ผ่านมา และดัชนีมีการเหวี่ยงตัวในกรอบที่กว้างมาก
คาดว่า SET INDEX ในสัปดาห์นี้จะมีมูลค่าการซื้อขายกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ 4.5-5.5 หมื่นล้านบาท และเป็นการเก็งกำไรรายตัวในลักษณะ Earnings Play หุ้นที่งบ 3Q59 จะออกมาดีเป็นหลัก และคาดว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น หลังหุ้นขนาดใหญ่ฟื้นต้วแล้วในวันพฤหัสและศุกร์ที่ผ่านมา
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ที่ 1,470 – 1,490 จุด โดยคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะมีทิศทางชะลอตัวเพื่อรอดูผลประกอบการ 3Q59 ของกลุ่มธนาคารที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่การปรับตัวขึ้นของยอด NPL และทิศทางการตั้งสำรองในปี 2560 ว่าจะเป็น Upside หรือ Downside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2560 ของ Consensus
SET INDEX ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2560 ระดับ 13.8 เท่า เทียบกับ ประเทศในกลุ่ม TIPs ได้แก่ อินโดนีเซีย 15.1 เท่า และฟิลิปินส์ที่ 17.1 เท่า และด้วยภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2560 เราคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพการลงทุนระยะกลาง-ยาว
Strategy of the Day
1. เก็งกำไร SCB : ราคาปิด 149.00 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q59 ที่ 1.29 หมื่นล้านบาท เติบโตสูง +43% yoy และทรงตัว qoq จากการตั้งสำรองที่ลดลงถึง -64.9% yoy และ -34.1% qoq เหลือ 5.6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ 3Q58 ที่มีการตั้งสำรองสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท จากกรณี SSI
b) คาดสินเชื่อจะมีทิศทางขยายตัวใน 4Q59 ทั้งจากสินเชื่อภาคธุรกิจที่เข้าสู่ High Season ของความต้องการเงินทุนหมุนเวียน และสินเชื่อ Consumer ที่เริ่มกลับมาขยายตัวในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การปล่อยกู้เพื่อทำ Tender Offer หุ้น JAS เป็น Upside Risk ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการสินเชื่อปี 2559ของเรา
c) คงประมาณการกำไรปี 2559 เติบโต +5.9% yoy เป็น 4.9 หมื่นล้านบาท และ +14.5% yoy เป็น 5.7 หมื่นล้านบาทในปี 2560 ขณะที่ Valuation น่าสนใจ ซื้อขาย PBV2560 ที่ 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตที่ 1.8-2.0 เท่า
2. เก็งกำไร PTTGC : ราคาปิด 59.50 บาท ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
a) MBKET คาดกำไรจากการดำเนินงาน 3Q59 จะเติบโต qoq เนื่องจากโรงกลั่นที่ปิดซ่อมบำรุงกลับมาเดินเครื่องการผลิตเต็มที่ และโรงงานโอเลฟินส์ที่หยุดนอกแผนใน 2Q59 ก็จะกลับมาเดินเครื่องเต็มที่เช่นกันใน 3Q59
b) คาดผลประกอบการ 2H59 จะเด่นกว่า 1H59 เนื่องจากโรงกลั่นและปิโตรเคมีกลับมาเดินเครื่องปกติเต็มที่ และการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบจะเป็นอีกปัจจัยหนุนให้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีขยายตัวใน 2H59
c) คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ที่ 2.37 หมื่นล้านบาท +15.6% yoy และเติบโต +10.5% yoy เป็น 2.61 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 ขณะที่ Valuation ค่อนข้างถูกซื้อขาย PBV2560 เพียง 1.0 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี