- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 October 2016 16:27
- Hits: 1779
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : ARROW
Our Portfolio Oct 2016 : BJC, EKH, FSMART, IRPC, KKP
SET ผันผวนรุนแรง อาจชะลอการซื้อเพิ่มก่อนได้ แต่ซื้อแล้วยังเน้นถือ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังมีแรงขายกดดันให้ซึมลงจนปิดภาคเช้าลบไปประมาณ 40 จุด ก่อนที่ในภาคบ่ายแรงขายจะรุนแรงขึ้น จนดัชนีไหลลงเป็นลบเกือบ 100 จุด ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อหนุนกลับขึ้นมาปิดที่ระดับใกล้เคียงกับภาคเช้าได้ในช่วงท้ายตลาด ซึ่งเกิดจากแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงเกือบถึงระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์
แนวโน้มตลาดวันนี้ : จากแรงขายของสถาบันในประเทศที่ยังมีออกมากดดันSET อยู่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศก็เริ่มมียอดขายสุทธิบ่อยครั้งขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก่อน ซึ่งค่าเงินบาทก็อ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงท้ายเดือน ก.ย.มาถึงเกือบ 4% โดยประเด็นที่เฟดอาจจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ยังคงกดดันตลาดอยู่ ซึ่งล่าสุดรายงานการประชุมของเฟดเมื่อเดือน ก.ย. ระบุว่ากรรมการเฟดบางส่วนมองว่าการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยได้ ทำให้นักลงทุนยังต้องการรอติดตามสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมเศรษฐกิจที่บอสตันวันศุกร์นี้ก่อน(14 ต.ค.) นอกจากนี้ยังมีประเด็นกดดันในประเทศที่ส่งผลทางจิตวิทยาค่อนข้างสูงด้วย ทำให้คาดว่า SET ยังมีสิทธิผันผวนต่อ
กลยุทธ์ : SET ยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนค่อนข้างรุนแรง ทำให้อาจชะลอการซื้อเพิ่มไว้ก่อนได้ แต่ส่วนที่ซื้อแล้วยังแนะนำให้เน้นถือต่อไว้ก่อน
แนวรับ 1405-1400 , 1394-1390 จุด
แนวต้าน 1420-1430 , 1435-1442 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : LPH , BJC , GLOW(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$537ล้าน โดยไหลออกจากเกาหลีใต้หนักที่สุด US$496ล้าน อินโดนีเซียUS$74ล้าน และไทย US$11.6ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไต้หวันประเทศเดียวUS$52ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวล Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (-) ค่าเงินบาทยังอ่อนค่า รายงานการประชุม Fed พบว่าเสียงยังค่อนข้างแตกในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดยังมองความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยเฟดเดือนธ.ค. นี้เหมือนเดิมที่ 67% ประกอบกับความกังวลกับภาคสถาบันการเงินในยุโรปและเรื่อง Brexit และสัปดาห์หน้ายังมีการดีเบตระหว่างฮิลลารีและทรัมป์รอบสุดท้าย เป็นเหตุหลักให้ Flow ไหลออกจากภูมิภาค ต่างชาติเพิ่งเริ่มขายพันธบัตรไทย 3 วันสอดคล้องกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ในระยะนี้ยังต้องติดตามค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด
• (+) 5 อุตสาหกรรมชนะตลาด จากความผันผวนของตลาดในช่วงต้นเดือน ก.ย.และในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่ outperform ตลาดเหมือนกันคือกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ (KCE), วัสดุก่อสร้าง (DCC, EPG), กลุ่มโรงพยาบาล (LPH,BCH), ค้าปลีก (BJC, ROBINS, CPALL) และท่องเที่ยว (MINT) อย่างไรก็ตาม กลุ่มท่องเที่ยว (โรงแรม+สายการบิน) ในระยะนี้ถูกกระทบจากกระแสข่าวคาร์บอมบ์ซึ่งเราเชื่อเป็นผลกระทบระยะสั้น รวมถึง AOT ที่มี valuations ถูกแต่เสี่ยงจากการถูกลดพอร์ตเพราะเป็นหุ้น big cap
• (+) ARROW เราคาดกำไร 3Q16 +26% Q-Q, +9% Y-Y เป็น 72 ล้านบาทนอกจาก 3Q จะเป็น High season ของการขายท่อร้อยสายแล้ว บริษัทย่อยพลิกเป็นกำไร และเงินบาทที่แข็งค่าใน 3Q16 ยังส่งผลดีต่อการนำเข้าเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก แต่การอ่อนค่าของเงินบาทในระยะนี้ คาดกระทบจำกัดเพราะเป็นช่วงที่ราคาเหล็กเริ่มอ่อนตัวลงพอดี แนวโน้มกำไรยังดีต่อเนื่องใน 4Q16 ราคาหุ้นปัจจุบันมี2017PE เพียง 11 เท่า และคาดปันผลราว 6% ต่อปี เรายังคงราคาพื้นฐานปีหน้า22.30 บาท แนะนำซื้อ
• (+) KTC ราคาหุ้นที่ปรับลง 11% ในช่วงเวลาเพียง 1 สัปดาห์เศษทำให้ 2017 PEที่ต่ำอยู่แล้ว ลดลงเหลือเพียง 12.9 เท่า ขณะที่กำไรปี 2016-17 เราคาดโตเฉลี่ย18% Y-Y และคาดว่าจะรักษาการเติบโตในระดับ 15-20% ได้จนถึงปี 2020 ไม่เพียงเรื่องการเติบโตของกำไร จุดเด่นคือ NPL ที่ต่ำกว่าอุตสาหกรรมมาก (NPLธุรกิจบัตรเครดิตอยู่ที่ 1.37% ของสินเชื่อรวม เทียบกับอุตสาหกรรมที่ 3.13% และNPL ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 1.04% เทียบอุตสาหกรรม 3.2%) แต่มีCoverage ratio กว่า 400% เราคาด Dividend yield ปีนี้ 3% (3.80 บาท/หุ้น จ่ายปีละครั้ง) คงราคาพื้นฐานปีหน้า 168 บาท แนะนำซื้อ
• (+) ROBINS เหตุไฟไหม้ร้านอาหารในศูนย์การค้าแปซิฟิคพาร์คศรีราชาวานนี้ แต่ควบคุมเพลิงได้อย่างรวดเร็ว ห้างโรบินสันศรีราชาซึ่งเช่าพื้นที่อยู่ในศูนย์การค้านั้นไม่ได้เกิดไฟไหม้และเปิดปกติในวันนี้ แทบไม่มีผลกระทบ ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 3Q16 ชะลอเพราะ Low season และเหตุระเบิดในหลายจังหวัดในเดือน ส.ค. แต่กำไรจะกลับมาโตเต็มที่ตั้งแต่ 4Q16 จาก 3 สาขาที่ปิด renovateกลับมาเปิดให้บริการและมีสาขาใหม่ 2 แห่งเปิดใน 2H16 ราคาหุ้นปรับลงจนมี 2017PE 18 เท่าต่ำกว่าปกติที่ 22-25 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 76 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10-21 ต.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการ 3Q16
9-13 ต.ค. - การประชุม World Energy Congress ที่ตุรกี
13 ต.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
14 ต.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ย.), U. of Mich. Sentiment (ต.ค.)
17 ต.ค. - สหรัฐ: Industrial Production (ก.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
18 ต.ค. - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
19 ต.ค. - จีน: 3Q16 GDP, ยอดค้าปลีก (ก.ย.)
20 ต.ค. - สหรัฐ: Fed beige Book, การดีเบตรอบสุดท้ายของฮิลลารีและทรัมป์ (8am เวลาไทย)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทรงตัวหลังจากที่ FEDเปิดเผยรายงานการประชุมเดือน ก.ย. ซึ่งยังคงทิศทางว่าการขึ้นดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. นี้
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบหลังราคาน้ำมันดิบยังอ่อนแอ รวมถึงแรงขายออกมาจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลัง Ericsson ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยตอบรับรายงานการประชุม FED ที่เปิดเผยออกมาและความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
(-) ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวได้บ้างหลังจากอ่อนค่าแรง 3 วันติดต่อกันล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.55-35.80 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 0.61 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.18 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากตัวเลขการผลิตจากกลุ่ม OPEC ที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2.10 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,253.80 ดอลลาร์/ออนซ์ จากกระแสคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ FED เดือน ธ.ค. ที่กลับมากดดันอีกครั้ง
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research