- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 October 2016 18:14
- Hits: 1972
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
อารมณ์ตลาดเป็นลบ
คาดหุ้นไทยร่วงต่อวันนี้จากอารมณ์ตลาดที่เป็นลบมาจากนอกประเทศด้วยผลประกอบการแรกๆ ของ บจ.สหรัฐออกมาเป็นที่น่าผิดหวังในภาวะที่ตลาดต้องการผลประกอบการที่แข็งแกร่งมารองรับมูลค่าหุ้นสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงเวลานี้ และการที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. อารมณ์ของนักลงทุนในประเทศก็ไม่ค่อยดีเช่นกันโดยที่นักลงทุนสถาบันในประเทศและรายย่อยยังคงขายต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี และขายหนักในเดือน ก.ย. และต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ปัจจัยอื่นในประเทศไม่ค่อยมีผลต่อตลาดเท่าใดนัก
หุ้นเด่นวันนี้ : HANA (ราคาปิด 30.75 บาท; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 31.03 บาท)
บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นส่งออกที่น่าจะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed นั้นขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นหุ้นปันผลที่น่าสนใจเนื่องจากอัตราปันผลตอบแทนปี 60 เฉลี่ยของนักวิเคราะห์สูงถึง 6.14% HANA ประกอบธุรกิจประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCBA), วงจร IC และ Microdisplay อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทน่าจะดีขึ้นตามลำดับจากการเพิ่มสัดส่วนในสินค้าประเภทยานยนต์และการแพทย์ อุปสงค์ต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์น่าจะแข็งแกร่งอยู่จากการที่ค่ายรถยนต์เพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานโดยอัตโนมัติของรถยนต์ซึ่งจะต้องใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จำพวกเซ็นเซอร์รวมถึงอุปกรณ์วัดเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
และจากการที่ผู้คนมีความตระหนักเรื่องสุขภาพมากขึ้นโดยเฉพาะสังคมผู้สูงอายุทำให้อุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์น่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ HANA มีโรงงานกระจายอยู่ที่ลำพูน ในจีนและในสหรัฐ HANA ยังเตรียมเปิดโรงงานใหม่ที่เกาะกง กัมพูชา ซึ่งจะผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แบบง่าย ดังนั้นต้นทุนค่าแรงจะลดลงได้อีกเพราะค่าแรงที่กัมพูชาต่ำกว่าไทยและจีน ช่วยให้เหลือกำลังการผลิตในโรงงานเดิมเพิ่มขึ้นเอาไว้สำหรับผลิตสินค้าที่ใช้แรงงานน้อยกว่า ซึ่งน่าจะช่วยดันอัตรากำไรให้สูงกว่าเดิมได้ และยังมีแผนปรับปรุงให้เป็นระบบอัตโนมัติ (automation) มากขึ้นซึ่งก็น่าจะผลักดันอัตรากำไรได้เช่นกัน ตามค่าคาดการณ์เฉลี่ยของ Bloomberg กำไรของ HANA น่าจะหดตัวก่อน 2% ปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ แต่คาดว่าปีหน้าน่าจะกลับมาเติบโต 12% ได้ในปี 60 HANA พึ่งประกาศปันผล 1 บาทต่อหุ้นสำหรับรอบประกอบการครึ่งแรกปี 59 คิดเป็นปันผลตอบแทน 6.5% ต่อปี Price Pattern ของ HANA ยังคงมีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 33.75 บาท โดยหากปิดตลาดเหนือ 33.75 บาทได้สำเร็จ จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 36.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 39.25 บาท ตามลำดับ โดย HANA มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 29.75 บาท (แนวต้าน: 31.25, 31.75, 33.00; แนวรับ: 30.25, 29.75, 28.50)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เมื่อวานนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการปรับโครงสร้างการผลิตและการจัดจำหน่ายอ้อยและน้ำตาลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ทศวรรษเพื่อสร้างความเป็นธรรมและหลีกเลี่ยงการถูกท้าทายจากบราซิลในองค์การการค้าโลก (WTO) ทั้งนี้ ในการปรับโครงสร้าง จะมีการยกเลิกระบบการแบ่งกำไรในสัดส่วน 70:30 ซึ่งจะต้องยกเลิก่ระบบโควต้าและปล่อยให้ราคาน้ำตาลในประเทศลอยตัว (Bangkok Post)
อาจโอนย้ายดาวเทียมเข้ากองทุน ก.เศรษฐกิจดิจิทัลฯ วางแผนโอนย้ายสินทรัพย์ดาวเทียมหลังจากดาวเทียมทั้งหลายหมดสัมปทานเข้าสู่กองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมแห่งชาติ สัมปทานดาวเทียมไทยคม 4 5 และ 6 จะหมดอายุปี 2564 ซึ่งไทยคม 6 จะอยู่ต่อได้อีก 6 ปี ส่วนไทยคม 7 และ 8 ภายใต้ระบบใบอนุญาตก็อาจถูกนำกลับมาสู่ระบบสัมปทาน (The Nation)
มูลค่าดีล IPO ใน SET ปีนี้น้อยกว่าเป้าจากประเด็นทางบัญชี ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยเป้าดีล IPO ปีนี้ที่จะเพิ่มมูลค่าตลาดฯ อีก 1.9 แสนลบ. อาจไม่ถึงเป้าเนื่องจากความล่าช้าของสองดีลใหญ่มูลค่ารวมราว 1.0 แสนลบ. ได้แก่ บมจ.โอสถสภา และบมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ เนื่องจากความไม่สอดคล้องทางบัญชีที่ต้องให้จัดทำรายงานทางบัญชีรายปี อย่างไรก็ตามดีลทั้งสองจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่าภาวะตลาด IPO จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวันอังคาร เนื่องจากมีการเก็งกันมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง 5/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.75% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.78% สูงสุดนับแต่รายงานการจ้างงานสหรัฐประจำเดือนมิ.ย. ที่อ่อนแอได้ทำลายความหวังของนักลงทุนว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนั้น (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนมีความคาดหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หลังจากการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.8% ที่ระดับ 97.650 หลังแตะระดับสูงสุดในเดือนมี.ค. เงินปอนด์ซึ่งอ่อนค่าลง 4 วันติดต่อกัน ปรับตัวลง 1.8% สู่ระดับ 1.2128 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนักเมื่อวันอังคาร จากผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากบ. อัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐและบ. อิลลูมินา ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ ทำให้การเริ่มต้นของฤดูกาลประกาศผลประกอบการไม่สดใสนัก นักลงทุนคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/59 ของบริษัทต่าง ๆ จะปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่ลดลงมา 4 ไตรมาส เพื่อหนุนมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างสูงและแนวโน้มที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ กลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่อ่อนไหวมากที่สุดต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐนำตลาดลง (Reuters)
ประเด็นที่จับตาในวันนี้คือรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายเฟดประจำเดือนก.ย. ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะให้เบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ตลาดฟิวเจอร์สคาดการณ์กันว่ามีโอกาสประมาณ 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารอ่อนตัวลงเล็กน้อย กดดันจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวสูงขึ้นหลังจากมีข้อมูลในเชิงบวกออกมาจากบริษัท LVMH ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยรายใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส (Reuters)
เอเชีย :
ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรหลักของญี่ปุ่นลดลง 2.2% MoM ในเดือนสิงหาคม เป็นสัญญาณแสดงถึงความเปราะบางในการใช้จ่ายเงินลงทุน แต่ดีเมื่อเทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลง 5.5% หลังจากที่มีการเพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การลดลงของออร์เดอร์หลักเป็นตัวบ่งชี้ของการใช้จ่ายเงินลงทุนในอีก 6 ถึง 9 เดือนข้างหน้า ออร์เดอรหลักเพิ่มขึ้น 11.6% YoY ในเดือนสิงหาคมเมื่อเทียบกับ 6.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาด (Reuters)
นายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่าเศรษฐกิจของจีนดีกว่าที่คาดในไตรมาส 3/59 และความเสี่ยงหนี้ของประเทศอยู่ภายใต้การควบคุม ตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น ผลผลิตโรงงาน ผลกำไรของบริษัท และการลงทุนที่ดีดตัวขึ้น เขากล่าวจะมีการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/59 ของจีน ในวันที่ 19 ตุลาคม 2559 (Reuters)
ผลกระทบของข้อจำกัดที่กำหนดในตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ของจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฎว่ามีผู้ซื้อและนักพัฒนาบางคนก็ลดการซื้อบ้านใหม่มากกว่าครึ่งหนึ่ง ที่ขายในกรุงปักกิ่งและเซินเจิ้น โดยมีมากกว่า 20 เมืองที่กำหนดมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงเพิ่มเงินดาวน์ เพื่อลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงปักกิ่งและความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่หนี้ของจีน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันลดลงวันอังคาร ถอยจากจุดสูงสุดรอบหนึ่งปีหลัง OPEC ระบุว่ากำลังพยายามบรรลุข้อตกลงสากลเพื่อจำกัดการผลิตน้ำมันช่วงหกเดือนท่ามกลางข้อสงสัยว่าจะช่วยลดภาวะน้ำมันล้นเกินได้สักเท่าใด น้ำมัน Brent ลง 73 เซนต์ (-1.45%) ปิดที่ 52.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปถึง 53.73 ดอลลาร์ในวันจันทร์ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลบ 56 เซนต์ (-1.1%) ปิดที่ 50.79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองคำร่วงวันอังคาร สาเหตุเพราะดอลลาร์แข็งค่าจากการเก็งว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยใน ธ.ค. ราคาทองคำตลาดจรลบ 0.3% ไปอยู่ที่ 1,255.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าลบ 0.4% ไปอยู่ที่ 1,255.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094