- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 October 2016 19:37
- Hits: 4905
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังมีความผันผวน? แม้ภาพรวมตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และมุมมองในเชิงบวกต่อผลการดีเบตครั้งที่ 2 ซึ่งนางฮิลลารี ชนะ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่คาดดัชนี
บ้านเรามีโอกาสปรับขึ้น หลังปรับลงแรงวานนี้ แต่คาดการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด ภายใต้น้ำหนักจากประเด็นในประเทศ ที่ยังถูกกดดันอยู่ รวมถึงล่าสุดการเตือนการก่อการร้ายในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล ซึ่งคาดส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน ล่าสุดวานนี้กองทุนฯ ขายสุทธิกว่า 7,200 ล้านบาท
ขณะที่เงินบาท ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยเช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.18 – 35.20 บาท/USD จากวันก่อนหน้าที่ 35.12 บาท อย่างไรก็ตามเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง
และแนะติดตาม Fund Flow หลังที่ผ่านมามูลค่าซื้อ/ขาย สุทธิ มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังอยู่ในระดับสูงกว่า 134,000 ล้านบาท ขณะที่คาดมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/59 เริ่มจากกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรก และต่อเนื่องในกลุ่ม Real Sector ถึงกลาง พ.ย.
นอกจากนี้แนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
SET SET50 SET100
1,457.02 -47.32 927.87 -29.36 2,073.56 -70.35
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +88.55, NASDAQ +36.27, S&P +9.92,FTSE +53.11, CAC +47.35 และ DAX +133.22
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่เพิ่มขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 51 USD/บาร์เรล จากการคาดการณ์ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดการผลิตในการประชุมเดือนหน้า และมุมมองในเชิงบวกหลังนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ชนะการดีเบต (ครั้งที่ 2) นายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากหุ้นกลุ่มธนาคาร จากมุมมองในเชิงบวก (1) สถานะการเงินของดอยซ์แบงก์ที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ดอยซ์แบงก์ ประสบกับความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงกับตัวแทนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในการเจรจาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และ (2) ธนาคาร Banco Popolare และธนาคาร Banca Popolare di Milano ซึ่งเป็น 2 ธนาคารรายใหญ่ของอิตาลี จะได้รับอนุมัติจากกลุ่มผู้ถือหุ้นให้สามารถควบรวมกิจการกันได้
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$1.54 อยู่ที่ US$51.35 ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันมีแนวโน้มปรับลดการผลิตในการประชุมเดือนหน้า (30/11/59) ทั้งรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย ที่พร้อมให้ความร่วมมือในการจำกัดเพดานการผลิตน้ำมัน และเรียกร้องให้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายอื่นๆดำเนินตามเช่นกัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.36 1.86 3.24
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 74,142.56
สถาบัน -7,268.24
บัญชีหลักทรัพย์ -627.33
ต่างประเทศ 998.74
ในประเทศ 6,896.83
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$8.5 อยู่ที่ US$1,260.4 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการเข้าเก็งกำไร หลังราคาปรับลดลงในช่วงก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่างการเปิดเผยการประชุมเฟด (20 – 21/9/59) ในวันที่ 12/10/59 เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +999 ล้านบาท สะสม YTD +134,732 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 11 - 14 ต.ค. 2559
11/10/59 : ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
12/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
13/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.
งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ย.
14/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.
ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนต.ค.
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% ในขณะที่ประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญคาดว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 1.72% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.10 อยู่ที่ 13.38
หุ้นแนะนำ : CPN
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788