- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 October 2016 18:57
- Hits: 961
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Commodities WoW, DW Report, COMAN (IPO), CPF, TISCO
Our Portfolio Oct 2016 : BJC, EKH, FSMART, IRPC, KKP
แม้ SET ลงแรงกว่าคาดจาก panic sell แต่ยังลุ้นทรงตัวและดีดขึ้นได้!!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET มีแรงขาย panic sell กดดันให้ปรับตัวลงแรงอีกครั้งขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ก็ยังมีผลกระทบต่อตลาดด้วย หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐยังเพิ่มขึ้นในระดับที่ดี แม้ว่าจะต่ำกว่าคาดก็ตาม
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ผลการ debate ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวานนี้ยังออกมาในเชิงบวก ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้สามารถปิดเป็นบวกได้ดี แม้ว่าปัญหาของดอยช์ แบงก์ยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับตัวแทนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ แต่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานะการเงินของดอยช์ แบงก์ยังมีอยู่พอควร ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ฟื้นตัวต่อเนื่องขึ้นอีกกว่า 3% จากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีรัสเซียและรมว.พลังงานซาอุดิอาระเบีย ออกมาส่งสัญญาณว่าจะให้ความร่วมมือในข้อตกลงลดเพดานการผลิตน้ำมัน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดหุ้นบ้านเราอาจจะยังมีปัจจัยกดดันจากแรงขาย panic sell วานนี้อยู่ ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องได้ แต่เราคาดว่ากรอบลบจะลดความรุนแรงลงบ้าง
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมต่อได้ แล้วเน้นถือเพื่อรอตลาดกลับไปแกว่งบวกขึ้นในช่วงถัดไป ค่อยพิจารณาหาจังหวะทำกำไร
แนวรับ 1455-1450 , 1447-1444 จุด
แนวต้าน 1465-1470 , 1475-1485 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SMT , AUCT , AAV(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$144ล้าน เงินทุนส่วนใหญ่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$152ล้าน และไทย US$29ล้าน ขณะที่ไหลออกเกาหลีใต้US$24ล้าน และฟิลิปปินส์ US$11ล้าน (ไต้หวันปิดทำการ) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังการดีเบตผู้เข้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 2 นางฮิลลารี พรรคเดโมแครตซึ่งมีนโยบายเป็นบวกต่อการค้าระหว่างประเทศ มีคะแนนนำทิ้งห่างมากขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างเร็ว 1.6% MTD และมากกว่าประเทศอื่นในเอเชียยกเว้นเงินวอนเกาหลีใต้ บวกกับกำไร 3Q16 มีแนวโน้มเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้เพราะ high season ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ดูดีกว่าอีกหลายกลุ่มอย่างน้อยในระยะสั้นหุ้นที่มี upside กว่า 10% จากเป้าของเราและมีพื้นฐานดีคือ KCE (ราคาพื้นฐานปีหน้า117 บาท) และ HANA (ราคาพื้นฐานปีหน้า 36 บาท) เก็งกำไรผลประกอบการได้แต่ไม่แนะนำให้ลงทุนยาวนักเพราะปัจจุบันบริษัทเกือบทั้งหมดในกลุ่มนี้เดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตแล้วและไม่มีแผนขยาย ยกเว้น HANA ที่ส่วนต่อขยายเข้ามาแล้วแต่ยังใช้ไม่เต็มที่และ KCE ที่การผลิตส่วนขยายจะทยอยเข้ามาจนถึง 1H17 ซึ่งเรารวมในประมาณการแล้ว
• (+) ราคาน้ำมัน +3% หลังรัสเซียและซาอุฯมีท่าทีร่วมมือจำกัดระดับการผลิตมากขึ้นราคาน้ำมันยังมีทิศทางปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง ยิ่งเร่งโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (กลัวเงินเฟ้อขึ้นแรง) แต่ผลบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานมีจำกัดเพราะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน +15% แต่กลุ่มพลังงานปรับขึ้นเพียง 1-2% แต่อย่างน้อยก็ไม่เป็นปัจจัยกดดันตลาด
• (+) TISCO กำไรตรงตามคาด +3.5% Q-Q, +54.4% Y-Y เป็น 1.25 พันล้านบาท แม้จะตั้งสำรองสูงเกินคาดตาม NPL ที่สูงขึ้นในกลุ่มลูกค้า SME (แต่ NPL ในพอร์ตรถยนต์ลดทำให้ NPL ratio ทรงตัวที่ 3.04%) แต่ PPOP ทำได้แกร่งกว่าคาดและรายได้ดอกเบี้ยขยับขึ้นซึ่งเซอร์ไพรส์เรา สำหรับกำไร 9M16 +23.5% Y-Y และคิดเป็น 74% ของทั้งปีที่เราคาด 5 พันล้านบาท +18% Y-Y แนวโน้มกำไร 4Q16 จะดีขึ้นตามสินเชื่อที่เพิ่มจากงานมอเตอร์โชว์ ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 60 บาท
• (0) CPF เราคาดกำไรปกติ +6% Q-Q, +280% Y-Y เป็นกำไรสูงสุดของปีตาม Highseason ของการส่งออก ธุรกิจกุ้งและธุรกิจในต่างประเทศฟื้นตัว ราคาเนื้อสัตว์ปรับสูงขึ้นและราคาวัตถุดิบยังอยู่ในระดับต่ำ แต่กำไรปกติ 4Q16 จะอ่อนลงตามฤดูกาล เรายังคาดกำไรปกติปีนี้ +716% Y-Y ปีหน้า +11.2% Y-Y ราคาพื้นฐานปีหน้ายังเป็น 38 บาทแต่มีมุมมองระมัดระวังมากขึ้นต่อธุรกิจไก่ในปีหน้าที่อาจเข้าสู่ภาวะ Oversupply จากกำลังการเลี้ยงที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10% ลดคำแนะนำเป็นซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ จากเดิมซื้อ
• (+) TU ซื้อหุ้นสามัญของธุรกิจร้านอาหารทะเล Red Lobster 754 สาขาทั่วโลก 25%และซื้อหุ้นบุริมสิทธิที่แปลงเป็นหุ้นสามัญได้เมื่อครบ 10 ปีอีก 24% รวมมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น P/EBITDA 8 เท่า ไม่แพง เงินลงทุนจะมาจากการกู้ แต่ไม่เป็นภาระกับดอกเบี้ยนัก บริษัทตั้งเป้า Red Lobster มีกำไรปีหน้าหลัง sourcing วัตถุดิบจาก TU และปรับต้นทุน เรามองเป็นบวกต่อดีลนี้ในระยะยาว แต่ระยะสั้นยังเพิ่มมูลค่าไม่มากนักและยังไม่มั่นใจว่าธุรกิจดังกล่าวจะเป็นกำไรได้ทันที จึงคงประมาณการและราคาเป้าหมาย 26บาท แนะนำซื้อลงทุน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10-21 ต.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการ 3Q16
9-13 ต.ค. - การประชุม World Energy Congress ที่ตุรกี
11 ต.ค. - ยูโรโซน: ZEW survey Expectations (ต.ค.)
12 ต.ค. - ยูโรโซน: Industrial Production (ส.ค.)
- สหรัฐ: Fed Meeting Minutes
13 ต.ค. - จีน: ดุลการค้า (ก.ย.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
14 ต.ค. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ย.), U. of Mich. Sentiment (ต.ค.)
17 ต.ค. - สหรัฐ: Industrial Production (ก.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
18 ต.ค. - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้โดยตอบรับเชิงบวกจากการดีเบตรอบ 2 ที่นางฮิลลารียังมีคะแนนนิยมเหนือนายทรัมป์รวมถึงแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกได้ค่อนข้างดีโดยได้รับแรงหนุนจาราคาน้ำมันดิบที่พึ่งขึ้นเกือบ 3%
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น ยกเว้นเกาหลีใต้ที่ถูกกดดันจาก Samsung กรณีมือถือระเบิด
(-) ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าแรงต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ35.10-35.20 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น 1.54 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้ออกมาส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับ OPEC ในการปรับลดเพดานการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,260.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการกลับมาของแรงซื้อจากฝั่งจีนหลังจากที่ปิดช่วง Golden Week ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุน
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research