- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 October 2016 19:09
- Hits: 1639
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อเก็งกำไร/ถือต่อเมื่อ SET ไม่หลุด 1500'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : DELTA (จากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดลดลง 9.52 จุดที่ 1504.34 จุด โดยนักลงทุนขายทำกำไรก่อนการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร รวมทั้งมีความไม่แน่นอนในประเทศด้วย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเกือบ 600 ล้านบาท สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อขายใกล้เคียงกัน ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ 470 กว่าล้านบาท
แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐจะออกมาต่ำกว่าคาด (ออกมา 1.56 แสนรายจากที่คาดการณ์ 1.75 แสนราย) แต่เจ้าหน้าเฟดระดับสูงกล่าวว่าอยู่ในคาดการณ์ของเฟด และประธานเฟดคลิฟแลนด์ (ซึ่งมีสิทธิโหวตใน FOMC) ยังหนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 1-2 พ.ย.นี้ ปัจจัยจับตา คือ ผลการดีเบตครั้งที่ 2 ของผู้สมัครปธน.สหรัฐเช้าวันนี้ (เวลาไทย) หากทรัมป์กลับมามีคะแนนนำก็ถือเป็นลบกับตลาดหุ้น แต่ถ้าฮิลลารี่ยังนำอยู่ก็เป็นบวก ด้านดอยซ์แบงก์ ทาง S&P ประกาศคงอันดับดับเครดิตไว้ที่ BBB+/A-2 แต่ให้แนวโน้ม "Negative" ทำให้ Sentiment ดีขึ้น แต่นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารจะต้องเพิ่มทุนอย่างน้อย 5.5 พันล้านUS$ เพื่อรองรับค่าปรับ ส่วนอังกฤษ ค่าเงินปอนด์แข็งขึ้นเมื่อเทียบUS$ แต่ตลาดก็ยังจับตาผลกระทบ Brexit ต่อไป สำหรับในประเทศ มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนกดดัน แต่ก็ยังคงมีการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q59 กันต่อ โดยรวมเรามองว่าตลาดในเดือนต.ค.จะผันผวน
กลยุทธ์ : ช่วงสั้นให้ระวังการแกว่งจากความไม่แน่นอนในประเทศ & การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซื้อเก็งกำไรตามรอบเน้นตามด้วยค่าบวกหรืออ่อนแต่ SET ไม่หลุด 1500 จุด ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาวแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีจังหวะราคาอ่อนตัวแรง หุ้นพื้นฐานแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น TMT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นลบ และยังควรระวังการแกว่งตัวจากโครงสร้างขาลงในระยะกลาง เน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ค่าลบดูไม่ดีควรลดพอร์ตตาม/Stop Lossเมื่อหลุด 1495 แนวเด้ง 1480-1470 บวกต่อมีแนวต้าน 1510-1520
ส่วนการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่ คือ SUSCO, CBG, MEGA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น JASIF, CPNRF, INTUCH, ANAN, ITEL, LOXLEY, TISCO, STPI, PTG, NETBAY หุ้นที่แนะนำไปแล้วและควรหาจังหวะ Take Profit คือ EKH
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
•/- สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรก.ย.ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่อยู่ในประมาณการของเฟดกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.0% ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9% สำหรับรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.2%MoM ในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ที่ 62.9% เทียบกับ 62.8% ในเดือนส.ค.นอกจากนั้นกระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค. โดยปรับเป็นเพิ่ม 252,000ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่ม 275,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 167,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง
•/- สหรัฐ : เฟดคลิฟแลนด์ (มีสิทธิโหวตใน FOMC) ยืนยันหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 1-2 พ.ย.นี้นางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐถึงแม้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ยังคงถือว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวว่า "ตัวเลขการเพิ่มขึ้น 75,000-120,000 ตำแหน่งเป็นตัวเลขที่เราต้องการเพื่อทำให้อัตราว่างงานมีเสถียรภาพ" และระบุว่าตัวเลขการจ้างงานเฉลี่ยรอบ 3 เดือนในปีนี้ยังคงสูงถึง 192,000 ตำแหน่ง รวมทั้งบอกว่าการประชุมของเฟดในครั้งต่อไปในวันที่ 1-2พ.ย. จะไม่ได้รับผลกระทบจากการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.59 ….เช่นเดียวกันกับนายสแตนลีย์ฟิสเชอร์ รองประธานเฟด กล่าวว่าตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนก.ย.ถือว่าใกล้เคียงกับตัวเลขที่เฟดต้องการ และสอดคล้องกับแนวโน้มการลดลงของการว่างงาน โดยสหรัฐกำลังเข้าใกล้ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ
• สหรัฐ : จับตาผลการดีเบตครั้งที่ 2 ของผู้สมัครชิงปธน.ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐจะมีการดีเบตกันครั้งที่ 2 ในเช้าวันที่ 10 ต.ค.59 (เวลาไทย) ซึ่งเป็นที่จับตาของตลาด หลังจากที่ฮิลลารี่มีคะแนนนำในการดีเบตครั้งแรกเมื่อ 26 ก.ย.59 โดยตลาดประเมินว่า หากคะแนนเสียของทรัมป์กลับมานำฮิลลารี่ในรอบนี้ก็จะเป็นลบกับตลาดหุ้น แต่ถ้าคะแนนฮิลลารี่ยังนำอยู่ก็จะเป็นบวก เพราะนักลงทุนประเมินว่านโยบายของฮิลลารี่จะเป็นมิตรกับตลาดหุ้นมากกว่าของทรัมป์
+ ดอยซ์แบงก์ : S&P ประกาศคงอันดับเครดิต ยืนยันมีเงินทุนเพียงพอจ่ายค่าปรับสหรัฐS&P Global Ratings ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของดอยซ์แบงก์ที่ระดับ BBB+/A-2 พร้อมกับระบุว่าดอยซ์แบงก์มีเงินทุนเพียงพอที่จะรองรับการจ่ายค่าปรับต่อทางการสหรัฐ แต่ให้แนวโน้มเป็น "เชิงลบ" ซึ่งหมายความว่าทางธนาคารเผชิญกับการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหากไม่ทำการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่จำเป็นต้องแก้ไข โดยทาง S&P คาดว่าค่าปรับสุดท้ายของดอยซ์แบงก์จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐจะสูงกว่า 5.4 พันล้านUS$ เล็กน้อย แต่ต่ำกว่าที่เรียกร้องครั้งแรก 1.4 หมื่นล้านUS$ อย่างมากมีกระแสข่าวว่าดอยซ์แบงก์กำลังพิจารณาเพิ่มทุน (นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเพิ่มทุนไม่น้อยกว่า 5.5 พันล้านUS$ และปฎิรูปโครงสร้างธุรกิจ ล่าสุดธนาคารประกาศลดคน 9 พันคนทั่วโลก (ในเยอรมนีลด 4 พันคน)
+ ญี่ปุ่น & รัสเซีย : จับมือกันทำข้อตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านเยนแหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมทำข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านเยน (9.6 พันล้านดอลลาร์) กับทางรัสเซีย ภายใต้ข้อเสนอความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรี รัฐบาลหวังว่าความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อพิพาทนานร่วม 10 ปีกับทางรัสเซียเกี่ยวกับการอ้างกรรมสิทธ์ิเหนือหมู่เกาะนอกเกาะฮอกไกโด โดยญี่ปุ่นและรัสเซียจะทำข้อตกลงในระหว่างที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เดินทางเยือนญี่ปุ่นในวันที่ 15 ธ.ค.
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : อ่อนลงเล็กน้อยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,240.49 จุด ลดลง 28.01 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,292.40 จุดลดลง 14.45 จุด หรือ -0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,153.74 จุด ลดลง 7.03 จุด หรือ -0.33% ทั้งนี้เป็นผลจากความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังประธานเฟดคลิฟแลนด์ยืนยันสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 1-2พ.ย.นี้ แม้ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนก.ย.จะออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก็ตาม
- สัญญาน้ำมันดิบ : ลดลงจากแรงขายทำกำไรสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบพ.ย.ปิด -63 เซนต์ หรือ -1.25% ปิดที่ 49.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิด -58 เซนต์ หรือ -1.10% ปิดที่ 51.93 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นผลจากแรงเทขายทำกำไร นักลงทุนจับตาการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 8-13 ต.ค.นี้ ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี เพื่อหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลงในการปรับลดการผลิตน้ำมัน ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานทั่วโลกในเดือนก.ย.มีจำนวน 1,584 แท่น โดยเพิ่มขึ้น 37 แท่น เมื่อเทียบจากเดือนส.ค. แต่ลดลง 587 แท่นเมื่อเทียบ YoY
- สัญญาทองคำ : อ่อนลงสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่1,251.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยที่กดดัน คือ โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 1-2 พ.ย.มีมากขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบโครงการเล็ก 9 หมื่นล้านบาทภายใน 4Q59อธิบดีกรมบัญชีกลางคนใหม่ "สุทธิรัตน์ รัตนโชติ" รุกเร่งโครงการเล็กเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนรวม 90,000 ล้านบาทภายในไตรมาสแรกปีงบ 60 (คือ ไตรมาส 4/59) อธิบดีกรมบัญชีกลางคนใหม่ "สุทธิรัตน์ รัตนโชติ" รุกแผนงาน เร่งโครงการเล็กเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนรวม 90,000 ล้านบาทภายในไตรมาสแรกปีงบ 60
สำหรับเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมปีงบประมาณ 2560 อยู่ที่ 96% และงบลงทุนอยู่ที่ 87% โดยในปีงบประมาณ 2560 มีกรอบงบประมาณรายจ่ายอยู่ที่ 2.733 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2.104 ล้านล้านบาทคิดเป็น 77% ของงบประมาณทั้งหมด และรายจ่ายลงทุนอยู่ที่ 5.47 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของงบประมาณรายจ่ายทั้งหมด โดยมีงบประมาณขาดดุลอยู่ที่ 3.9 แสนล้านบาท
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : นับเป็นข่าวบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง โดยเราประเมินว่าโครงการลงทุนภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วง 4Q59 และเป็น Catalyst ที่ดีกับราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง &วัสดุก่อสร้าง โดยหุ้น Top Picks ในกลุ่มดังกล่าว คือ CK, SCC และ TMT
* CK (ราคาพื้นฐาน 40 บาท) – ได้ส่วนแบ่งกำไรจาก BEM เข้ามาช่วยหนุน มีงานส่วนเพิ่มของไซยะบุรี Backlog สูงและมีโอกาสได้รับงานใหม่ๆเข้ามาเพิ่มอีกในระยะต่อไป
* SCC (ราคาพื้นฐาน 580 บาท) – มีการกระจายความเสี่ยงธุรกิจที่ดี โดยมีธุรกิจซีเมนต์ & วัสดุก่อสร้าง และปิโตรเคมีรวมทั้งมีรายได้ทั้งจากในประเทศและภูมิภาค การเติบโตเป็นไปได้ดีในระยะยาวโดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งอุปสงค์ขยายตัวในอัตราสูง ด้านมาร์จิ้นก็มีแนวโน้มดีขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม
* TMT (ราคาพื้นฐาน 13.8 บาท) – ผลประกอบการปี 59 เติบโตโดดเด่น เนื่องจากราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งจากสต็อกของดีลเลอร์ที่ต่ำ การนำเข้าทำได้น้อยลง และส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นเนื่องจากประสบความสำเร็จในการให้บริการแบบ Solution ครบวงจร บริษัทจ่ายปันผลสูงและคาดว่าปีนี้จะจ่ายได้ดีกว่าปกติ
+ COM7 (ราคาปิด 10.80 บาท) : รีแบรนด์เป็น Studio 7 คาด iPhone 7 สร้างยอดขายแกร่งโค้งสุดท้ายปี 59นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้จำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ภายใต้ชื่อร้าน iStudio, iBeat และ U Store by Comseven แต่เพื่อสร้างความชัดเจนในการทำตลาดและดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น ขณะนี้กำลังทยอยรีแบรนด์ร้านดังกล่าวให้มาเป็น Studio7 ซึ่งยังคงคุณภาพทางด้านสินค้าและบริการไว้เช่นเคย เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จทุกสาขาภายในเดือน พ.ย.นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิด iCare Service Center บริการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ไม่มีวันหยุดที่แรกในเมืองไทยที่เควิลเลจช่วงปลายปี 2559 นี้และจบปีนี้บริษัทจะมี iCare ครบ 25 สาขา
ผู้บริหารเชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายของปี ภาพรวมตลาดจะมีความคึกคัก เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น และยังมีสินค้าใหม่อย่างไอโฟน 7 ที่กำลังวางจำหน่ายในไทย ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้บริษัท ซึ่งตั้งเป้ารายได้ปี 59 ไว้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต10% ส่วนปี 60 ตั้งไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น คือ ยอดขายไตรมาส 4 ที่จะคึกคักมากขึ้น ส่วนในระยะกลาง-ยาว คือ การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อขยายมาร์จิ้นให้สูงขึ้น ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 59-60 บริษัทจะขยายตัว 27% และ 44% ตามลำดับ ให้ราคาพื้นฐาน 12 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 11 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไรเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]