- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 October 2016 18:48
- Hits: 730
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีความผันผวน? ภายใต้ความแน่นอนจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาด แต่อยู่ในความคาดหมายของเฟด และคาดเพียงพอต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยเฟดจะมีการประชุมครั้งต่อไปเดือน พ.ย. (1 – 2/11/59) คาดทำให้ตลาดมีความผันผวน ไปจนถึงวันประชุมเฟด ซึ่งแนะติดตามค่าเงินบาท ล่าสุดอ่อนค่าลง เคลื่อนไหวบริเวณ 35.00 บาท จากวันก่อนหน้าที่ 34.88 บาท อย่างไรก็ตามเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มส่งออก จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับลดลง อาจมีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาบ้าง
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ แนะติดตาม Fund Flow หลังที่ผ่านมามูลค่าซื้อ/ขาย สุทธิ มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังอยู่ในระดับสูงกว่า 133,000 ล้านบาท ขณะที่คาดมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/59 เริ่มจากกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรก และต่อเนื่องในกลุ่ม Real Sector ถึงกลาง พ.ย.
นอกจากนี้แนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
SET SET50 SET100
1,504.34 -9.52 957.23 -6.42 2,143.91 -14.22
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -28.01, NASDAQ -14.45, S&P -7.03,FTSE +44.43, CAC -30.19 และ DAX -77.94
แม้สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร – ก.ย. เพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.0% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9% แต่ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ดี และคาดตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ตัวเลขดังกล่าวยังสอดคล้องกับแนวโน้มการลดลงของการว่างงาน โดยสหรัฐกำลังเข้าใกล้ภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ ทำให้ตลาดฯ มีความผันผวนและปิดในแดนลบ
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. -US$0.63 อยู่ที่ US$49.81ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่าจะดำเนินการตามข้อตกลงปรับลดการผลิตหรือไม่ โดยจะมีการประชุมโอเปกครั้งต่อไป ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30/11/59
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.1 อยู่ที่ US$1,251.9ต่อออนซ์ หลังตัวเลขการจ้างงานข้างต้น ไม่ได้อยู่ระดับที่ต่ำเกินไป จนทำให้ เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -580 ล้านบาท สะสม YTD +133,734 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.09 1.92 3.14
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 51,387.97
สถาบัน -90.6
บัญชีหลักทรัพย์ 181.25
ต่างประเทศ -579.53
ในประเทศ 488.88
ประเด็นที่ต้องติดตาม 10 - 14 ต.ค. 2559
10/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) เดือนก.ย.
11/10/59 : ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
12/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
13/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.
งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ย.
14/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.
ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนต.ค.
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% ในขณะที่ประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญคาดว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 1.74% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.64 อยู่ที่ 13.48
หุ้นแนะนำ : EGCO
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788