- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 07 October 2016 19:11
- Hits: 5924
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"รอข้อมูลจ้างงานสหรัฐ...ซื้อ/ถือเหนือ 1500"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิดบวกเล็กน้อย 3.94 จุดที่ 1513.86 โดยเป็นการแกว่งรอข่าวใหม่เหมือนกับตลาดหุ้นภูมิภาค ทั้งนี้ตลาดบวกอยู่ได้ด้วยแรงซื้อพยุงจากกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ภายหลังจากสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์สหรัฐลดลงเกินคาด นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
ปัจจัยจับตาและมีน้ำหนักต่อตลาดในช่วงสั้น คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งตลาดประเมินว่าจะออกมาที่ 1.75 แสนราย ซึ่งหากออกมาใกล้เคียงก็เป็นไปตามคาด แต่ถ้ามากกว่าคาดก็จะนำไปสู่ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยช่วงนี้ประธานเฟดบางสาขาออกมาหนุนให้ปรับขึ้นในการประชุม FOMC 1-2 พ.ย.นี้และตัวเลขดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.สหรัฐก็เพิ่มแข็งแกร่งมาก ทำให้โอกาสที่จะปรับเพิ่มมีมากขึ้น แม้การเลือกตั้งปธน.สหรัฐจะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย.ก็ตาม แต่ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดมากๆ ก็จะกลายเป็นวิตกกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐ สำหรับเรื่อง QE ยูโรโซนและดอยซ์แบงก์ยังต้องติดตามกันต่อไป (ทางประธาน ECB ปฎิเสธข่าวลด QE แต่ตลาดก็ยังกังวล) ส่วนในประเทศ มี Preview ผลประกอบการ 3Q59 ซึ่งคาดว่ากลุ่มพลังงานจะมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดมากเมื่อเทียบ YoY และระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากเฮอร์ริเคน "แมทธิว" ในสหรัฐที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อด้วย โดยรวมเรามองตลาดว่าจะยังผันผวนในเดือนต.ค. ดังนั้นการลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังสูงเพราะมีความไม่แน่นอนและความเสี่ยงกดดันอยู่
กลยุทธ์ : ช่วงสั้นยังเน้นการเลือกซื้อเพื่อเล่นรอบไปก่อน ส่วนการซื้อเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาวแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีจังหวะราคาอ่อนตัวแรง หุ้นพื้นฐานแนะนำเชิงกลยุทธ์วันนี้เป็น TKN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่งตัวจากโครงสร้างขาลงในระยะกลาง การปรับขึ้นต่อมีแนวต้าน 1515-1520, 1530 จุด เน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น ต่ำกว่า 1495 จุดลดพอร์ตตาม/Stop Loss
ส่วนการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่ คือ TISCO, STPI, PTG, EKH, NETBAY ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น JASIF, CPNRF, INTUCH, ANAN, ITEL, LOXLEY ไม่มีหุ้นหลุด List ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและควรหาจังหวะ Take Profit คือ AUCT, SMPC, TPBI
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
สหรัฐ : ติดตามตัวเลขภาคแรงงานวันนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9% ส่วนตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ลดลง 5,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. สู่ระดับ 249,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.59 ด้าน ADP ได้รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนก.ย.ว่าเพิ่ม 154,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าระดับ 181,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในปีนี้ รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 166,000 ตำแหน่ง
ยูโรโซน : ประธาน & รองประธาน ECB ยืนยันไม่มีการหารือลด QE
นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB และนายวิคเตอร์ คอนสแตนซิโอ รองประธาน ECB ต่างก็ออกมายืนยันว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ECB ไม่ได้มีการหารือกันในประเด็นปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.60 (วงเงิน QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งตามแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ ECB ระบุว่าจะลดวงเงินลง 1 หมื่นล้านยูโร/เดือนโดยขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน)
ตลาดหุ้นสหรัฐ : แกว่งแคบรอรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
ดัชนี DJIA ปิด 18,268.50 จุด ลดลง 12.53 จุด หรือ -0.07% ดัชนี NASDAQ ลดลง 9.17 จุด หรือ -0.17% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.04 จุด หรือ +0.05% การซื้อขายซบเซาเพราะนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วแค่ไหน
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นต่อหลังเฮอร์ริเคน"แมทธิว"ทวีความรุนแรง
มีรายงานว่า พายุเฮอร์ริเคน "แมทธิว" ได้ทวีความรุนแรงจนถึงระดับ 4 (สูงสุดคือระดับ 5) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 102 ราย และทางการสหรัฐประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐฟลอริดาแล้ว ซึ่งประเด็นนี้ทำให้คาดการณ์ว่าจะมีความเสียหายต่อการผลิตน้ำมันในพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ รวมทั้งรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบด้วย ปิดตลาดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 50.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ปีนี้ ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 52.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำ : หลุดลงไปยัง 1250+/- ดอลลาร์/ออนซ์แล้ว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 15.6 ดอลลาร์ หรือ 1.23% ปิดที่ระดับ 1,253.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากวิตกว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะถ้าข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาแข็งแกร่งมากๆ ซึ่งจะช่วยหนุนดัชนีภาคบริการให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง ทั้งนี้ ISM เพิ่งเปิดเผยดัขนีภาคบริการของสหรัฐว่าเพิ่มขึ้นแรงเป็น 57.1 ในเดือนก.ย.จากระดับ 51.4 ในเดือนส.ค.
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
/+ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ : อาจเลื่อนประกาศใช้ภาษีที่ดิน & สิ่งปลูกสร้างใหม่...อาจไม่ทันปี 60
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ว่าขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีกำหนดใช้ในปี 2560 โดยคาดว่าภายในเดือน ต.ค.59 จะนำร่างกฎหมายเสนอให้ครม.เห็นชอบอีกครั้ง ก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา แต่หากต้องมีการปรับแก้ไขร่างกฎหมาย อาจส่งผลให้การประกาศเพื่อให้มีผลบังคับใช้มีความล่าช้ากว่ากำหนดได้ แต่ตามกระบวนการพิจารณากฎหมายส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน (ที่มา : โพสต์ทูเดย์)
กลุ่มที่พักอาศัย : 3 สมาคมอสังหาฯชงธปท.แก้เครดิตบูโรเพื่อลดแบล๊กลิสต์เหลือปีเดียวหวังเพิ่มกำลังซื้อ
3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์เสนอให้ธปท.แก้กฎหมายเครดิตบูโร ลดแบล๊กลิสต์เหลือ 1 ปี เพื่อเพิ่มกำลังซื้อ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มได้ได้นับแสนราย ทั้งนี้ศูนย์ข้อมูลฯ เปิดเผยว่าปีนี้คอนโดเปิดใหม่ต่ำสุดรอบ 5 ปี (ซึ่งจริงๆ เรามองว่าเป็นเรื่องดีที่จะไม่มีซัพพลายล้นเกินมากไป เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว การเปิดขายที่พักอาศัยก็พลิกกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว) ด้านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กำลังนำโครงการต่างๆมาจัดโปรโมชั่นทำการตลาดอย่างเข้มข้นในไตรมาสสุดท้ายของปีเพื่อปิดยอด โดยมีทั้งแจกทอง แจกรถ (ที่มา : มติชน)
-/+ TU (ราคาปิด 21.40 บาท) : 3Q59 เป็น High season ที่ไม่ดีนักเพราะต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มกดดัน
ระยะสั้นหุ้น TU อาจถูกกระทบจากผลประกอบการ 3Q59 ที่ไม่ได้ดีมากนักแม้เป็นช่วง High season ของธุรกิจก็ตาม ทั้งนี้ปัจจัยที่กดดัน คือ ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นทั้งส่วนแซลมอนและกุ้ง ทำให้มาร์จิ้น 3Q59 แคบลงเมื่อเทียบกับฐานมาร์จิ้นที่สูงมากใน 3Q58 ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ประมาณการว่ากำไร 3Q59 จะ -10%YoY แต่ +2%QoQ เป็น 1.5 พันล้านบาท (ยอดขาย +9%YoY และ +3%QoQ แต่ GPM อ่อนลงเป็น 15.6% จาก 17.3% ใน 3Q58 และจาก 15.8% ใน 2Q59)
ส่วนแนวโน้มระยะยาวยังไปได้ดี โดยเรายังคงเชื่อว่าบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมายแม้ว่าระหว่างทางจะดี/แย่กว่าคาดไปบ้าง ทั้งนี้เพราะมีแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจชัดเจน โดยเฉพาะการเพิ่มสินค้าที่เป็นแบรนด์ซึ่งให้มาร์จิ้นสูง และมีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจดี นอกจากนั้นยังจะเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มอีกด้วย ในเชิงกลยุทธ์ การอ่อนตัวของราคาหุ้นจึงเป็นจังหวะซื้อลงทุน ให้ราคาพื้นฐาน 26.50 บาท อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 17 เท่า
+ TKN (ราคาปิด 21.30 บาท, ราคาพื้นฐาน 32 บาท) : โรงงานใหม่สร้างเสร็จแล้วกำลังทดสอบเครื่องจักร
การก่อสร้างโรงงานใหม่ของ TKN เสร็จแล้ว โดยมีกำลังการผลิต 6,000 ตัน/ปี (+90% จากปัจจุบัน) บริษัทกำลังอยู่ระหว่างทดสอบเครื่องจักร โดยคาดว่าจะเริ่ม Test run ได้ใน 1Q60 บริษัทมีแผนเพิ่มการผลิตเป็นเฟสๆ ซึ่งด้วยอุปสงค์ที่สูงมาก ทำให้มีแนวโน้มว่าระยะเวลาในการเพิ่มปริมาณการผลิตจะเร็วขึ้นจากแผนเดิม ทั้งนี้โรงงานใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงและทำให้มี Economy of scales เพิ่ม ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นจึงสามารถปรับขึ้นได้ (คาดว่าจะเพิ่มจาก 35.4% ในปี 58 เป็น 36.1% ในปี 59 และ 36.5% ในปี 60) เราชอบ TKN ที่มีการเติบโตแข็งแกร่ง และบริษัทก็มีการขยายกำลังการผลิต & ปรับปรุงประสิทธิภาพต่อเนื่อง รวมถึงหาช่องทางขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุดเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมฟุตบอลไทย และจะเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 2-3 แห่งในทำเลที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น โดยสิ้นปี 58 มีแล้ว 5 แห่ง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเป็นเงินสดสุทธิ ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานทาง DBSV ให้ไว้ที่ 32 บาท (อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 38 เท่า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ยต่อปีช่วงปี 59-61)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]