- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 October 2016 17:20
- Hits: 2497
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นตามประเด็นจากต่างประเทศ ที่แม้ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่คาดในวันนี้เป็น Sentiment บวก โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาสดใส และตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าคาด ทำให้คาดเฟดอาจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป ขณะที่อยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (พรุ่งนี้) ที่คาด
บ่งชี้แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปี และก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด 1 – 2 ราย ออกมาสนับสนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. (1 – 2/11/59) ซึ่งคาดยังเป็นประเด็นที่มีความไม่แน่นอนและทำให้ตลาดมีความผันผวน ไปจนถึงวันประชุมเฟด
รวมถึงประเด็นที่ ECB อาจลดวงเงิน QE ลงก่อนโครงการซื้อคืนพันธบัตรของ ECB จะหมดอายุลงในเดือนมี.ค.’60 ซึ่งมีวงเงิน 80,000 ล้านยูโร/เดือน โดยประธาน ECB ออกมาปฎิเสธ ประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามคาดว่ามีโอกาสน้อยที่ ECB ต่ออายุวงเงิน QE ออกไป นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น คาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดภาพรวมยังได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow แม้มูลค่าซื้อ/ขาย สุทธิ จะมีความผันผวนบ้าง
แต่ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังอยู่ในระดับสูงกว่า 134,000 ล้านบาท และประเด็นผลประกอบการ – 3Q/59 ที่คาดเริ่มมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรก และต่อเนื่องในกลุ่ม Real Sector ถึงกลาง พ.ย.
นอกจากนี้แนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
SET SET50 SET100
1,509.92 +0.14 962.77 -1.06 2,154.79 -1.38
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +112.58, NASDAQ +26.36, S&P +9.24,FTSE -41.09, CAC -13.14 และ DAX -33.83
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่สดใส (1) ดัชนีภาคบริการของ ISM – ก.ย. อยู่ที่ 57.1 เพิ่มขึ้นจาก 51.4 เมื่อส.ค. และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 53.0 รวมถึงทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 80 และ (2) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน – ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งยอดสั่งซื้อดังกล่าว เป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ รวมถึงคาดการณ์ว่าเฟด อาจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนของสหรัฐฯ - ก.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เม.ย. ที่ผ่านมา และต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 166,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร - ก.ย. คาดในครั้งนี้จะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของเฟดในรอบ 10 ปี ขณะที่คาดเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงานทรงตัว
ที่ 4.9%
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้ประธาน ECB ปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว แต่นักลงทุนคาดว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่ ECB จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีก
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.17 1.93 3.13
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 44,666.82
สถาบัน -1,316.97
บัญชีหลักทรัพย์ 828.68
ต่างประเทศ 1,088.87
ในประเทศ -600.58
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$1.14 อยู่ที่ US$49.83ต่อบาร์เรล หลัง EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด ลดลง 3 ล้านบาร์เรล (สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล) อยู่ที่499.7 ล้านบาร์เรล และเป็นสัปดาห์ที่ 5 ที่ลดลงติดต่อกัน
ขณะที่อยู่ระหว่างรอท่าทีของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่าจะดำเนินการตามข้อตกลงปรับลดการผลิตหรือไม่ โดยจะมีการประชุมโอเปกครั้งต่อไป ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในวันที่ 30/11/59
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$1.1 อยู่ที่ US$1,268.6 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการลดความต้องการในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดสดใส
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,089 ล้านบาท สะสม YTD +134,784 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 6 – 7 ต.ค. 2559
6/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
7/10/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนส.ค.
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% ในขณะที่ประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญคาดว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT และ BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 1.71% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.64 อยู่ที่ 12.99
หุ้นแนะนำ : PTTGC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788