- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 04 October 2016 16:15
- Hits: 1446
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
เงินเฟ้อต่ำตอกย้ำ กนง ยืนดอกเบี้ยฯ ต่ำ 1.5% ต่อไป สอดคล้องกับธนาคารกลางโลก แต่ระยะสั้นแรงกดดันต่างชาติ ซื้อสลับขาย กดดัน SET ติด 1,500 จุด กลยุทธ์ให้เลือกรายหุ้นที่มีกำไรเด่นใน 2H59 + เงินปันผลสูง (ASK, MCS, HANA) Top pick MCS([email protected]) เน้นส่งออกเหล็กคุณภาพไปญี่ปุ่น พร้อมปันผลกว่า 6%
(+) ค่าเงินเอเชียยังแข็งค่าต่อ ยังหนุน fund flow
ค่าเงินโลกกลับมาผันผวนสูงนำโดย เงินปอนด์–ดอลลาร์ อ่อนค่าราว 0.8% มาอยู่ที่ระดับ 1.28 ปอนด์-ดอลลาร์ (ต่ำสุดนับจากผลการทำประชามติ Brexit หรืออ่อนค่าแล้วราว 14%) หลังจาก นายกรัฐมนตรีอังกฤษฯ พร้อมเดินหน้าตามขั้นตอนการออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า (1Q60) ดังที่นำเสนอ Market Talk วานนี้ (กดดันตลาดกังวลต่อความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ) ขณะที่เงินยูโร–ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยราว 0.12% (แต่อ่อนค่าราว 1.7% นับตั้งแต่ Brexit) ส่วนเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัว จากความคาดหวังว่า Fed อาจเลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยออกไป
ตรงข้ามเงินเอเชียแกว่งตัวในทิศทางแข็งค่านับจาก Brexit (หากพิจารณาจากต้นปีพบว่าเงินรูเปียะห์แข็งค่ามากถึง 7% ytd เงินริงกิตแข็งค่า 5.69%ytd และ เงินบาทแข็งค่า 4.62%ytd ยกเว้นเงินเปโซอ่อนค่า 3%ytd) ซึ่งหลักๆ เกิดจาก Fund Flow ที่ยังคงอยู่ แม้ว่าจะมีสลับขายบางประเทศ และมีการสลับระหว่างตลาดหุ้นกับตราสารหนี้ ระยะสั้นค่าเงิน เงินรูเปียะห์ แข็งค่ามากสุด น่าจะป็นผลจากที่รัฐยกเลิกภาษีที่จัดเก็บจากดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล (เริ่ม 2560) ส่วนริงกิต แข็งค่า น่าจะเป็นผลจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นสินส่งออกหลัก (ราว 30% ของส่งออกรวม) และ เงินบาท แข็งค่า นอกจากเรื่อง fund flow แล้วยังได้แรงหนุนจากเกินดุลการค้า 16 เดือนติดต่อกัน และเงินเฟ้อ เดือน ก.ย. ยังคงกระเตื้องขึ้นตามตลาดคาด 0.38%yoy (เร่งจาก 0.29% เดือน ส.ค. บวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 เป็นจากผลจากการเพิ่มขึ้นของราคา หมู ผัก ไข่ไก่) และตลอดปีนี้เงินเฟ้อน่าจะไม่เกิน 1% (ASPS คาดที่ 0.8%) ตอกย้ำว่า กนง. ยังจำเป็นต้องยืนดอกเบี้ยฯ 1.5% ต่อไป
(+) PTT, PTTEP แกว่งตัวขึ้น ตราบราคาน้ำมันดิบโลกพื้นตัว หนุน SET
หลังจากการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่ม OPEC เมื่อปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุป กำหนดเพดานการผลิตที่ 32.5-33 ล้านบาร์เรลต่อวัน วานนี้อิหร่านประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบอันดับ 4 ของกลุ่มฯ (ได้ทำสัญญาส่งออกน้ำมันดิบล่าสุด เท่ากับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่ากับระดับก่อนถูกคว่ำบาตร) ยังเรียกร้องประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม OPEC (อาทิ รัสเซีย ซึ่งให้การตอบรับด้านบวกไปก่อนหน้าแล้ว) ให้ความร่วมมือกับข้อตกลงลดกำลังผลิตเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้เกิดความร่วมมือในการควบคุมการผลิตน้ำมันของโลก และน่าจะหนุนให้การประชุมของกลุ่ม OPEC ในวันที่ 30 พ.ย. นี้ สามารถตกลงเป็นรูปธรรมในการตัดลดการผลิตรายประเทศ
ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวก อีกประการหนึ่งนอกเหนือจากค่าเงินดอลลาร์ที่ทรงตัวดังกล่าวข้างต้น สะท้อนจากราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้า Brent สามารถขึ้นไปยืนระดับ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรลอีกครั้ง (ล่าสุด 50.90 เหรียญฯต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์) เช่นเดียวกับน้ำมันดิบดูไบที่ปรับขึ้นกว่า 5% ปิดตลาดวานนี้ที่ 47.76 เหรียญฯต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันตลาดล่วงหน้า WTI วันนี้เปิดตลาดย่อตัวเล็กน้อย แต่เชื่อว่าในระยะกลาง–ยาว ราคาน้ำมันน่าจะกลับขึ้นไปยืนเหนือ 50-55 เหรียญฯต่อบาร์เรล ตามสมมติฐานของ ASPS สถานการณ์นี้ถือว่ายังดีต่อ PTT, PTTEP, รวมถึง BANPU
(+) ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นทั้งภูมิภาค
วานนี้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้หยุดทำการ เนื่องจากเป็นวันสถาปนาประเทศ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆยังคงเปิดทำการเป็นปกติ โดยภาพรวมแล้วต่างชาติ สลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคราว 185 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิเพียงวันดียว) และเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 4 ประเทศ ประกอบด้วย ไต้หวันซื้อสุทธิราว 97 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิเพียงวันเดียว) ตามมาด้วยอินโดนีเซีย 38 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3), ฟิลิปปินส์ 1 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3) และไทยที่ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิราว 49 ล้านเหรียญ หรือ 1.7 พันล้านบาท (หลังจากขายสุทธิ 2 วัน) เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันฯ ที่ซื้อสุทธิราว 969 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3)
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิราว 4.4 พันล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิราว 5.1 พันล้านบาท ทั้งแรงซื้อหุ้นและตราสารหนี้ไทยของต่างชาติยังคงหนุนให้แข็งค่า และยังคงจูงใจแรงซื้อต่างชาติ แม้ในช่วง ท้าย ๆ จะเป็นการซื้อ สลับ ขาย แต่จากสถิติในอดีตบ่งบอกถึง fund flow จะยังอยู่ในตลาดหุ้นไทยตลอดเดือน ต.ค. ของทุกปี (ย้อนหลัง 5 ปี)
คาดว่าดัชนี 1,500 จุดขึ้นยาก แต่ยังแนะนำรายหุ้น : HANA, ASK, MCS
แม้ยังไม่มีประเด็นใหม่ แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยบีมีโอกาสฟื้นตัวต่อ จากความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed น่าจะลดน้อยลงตามลำดับ หลังดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐยังขัดแย้งกัน และน่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกับธนาคารกลางหลายแห่ง ที่ยังจำเป็นต้องใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องโดยเฉพาะอังกฤษ ในระหว่างที่ต้องเตรียมการออกจากอังกฤษ (Brexit) ขณะที่ Dollar Index ยังทรงตัว ซึ่งหนุนให้ราคาน้ำมันยังยืนเหนือ 45 เหรียญ/บาร์เรลดังกล่าวข้างต้น ซึ่งถือว่าดีต่อผลประกอบการในกลุ่มพลังงาน เพราะหากพิจารณาราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ย ตลอด 3Q59 อยู่ที่ 43.30 เหรียญ/บาร์เรล ใกล้เคียงกับ 2Q59 ที่ 43.47 เหรียญ/บาร์เรล จึงคาดว่าผลประกอบการกลุ่มพลังงาน จะไม่มี Stock Loss แต่กำไรปกติของกลุ่มฯ ยังชะลอตัวตามความต้องการโลก ส่วนแนวโน้มงวด 4Q59 น่าจะกระเตื้องขึ้นหรือทรงตัวใกล้เคียงกับงวด 3Q59 โดยภาพรวมทำให้ 2H59 กำไรกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันน่าจะลดลงจาก 1H59 แต่จะดีขึ้นในปี 2560 ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และสถานการณ์ oversupply ที่จะค่อยๆ เข้าสู่สมดุล ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนตลาดได้
ขณะที่กำไรของหุ้นขนาดใหญ่อื่น ๆ ยังไม่สดใสนัก ทั้งกลุ่มสื่อสาร จากต้นทุนที่สูงขึ้น และธนาคารพาณิชย์ที่ยอดการใช้สินเชื่อชะลอตัว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ล่าช้า ทั้งอิงจากการทำ Earnings Preview 3Q59 ของกลุ่ม ธ.พ. นั้น ล่าสุด นักวิเคราะห์ ASPS ประเมินว่า แม้ทิศทางสินเชื่อจะค่อนข้างทรงตัว แต่รายได้ในส่วนของค่าธรรมเนียมฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่มาจาก SCB (จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และค่าธรรมเนียมของการขายกองทุน) และ KBANK ที่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมฯ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกรรมรายย่อย) และ NIM มีแนวโน้มทรงตัว จากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง ฝ่ายวิจัยยังคงชอบหุ้นที่มี market cap ขนาดกลาง – เล็ก คือ TCAP, TISCO ในเรื่องเงินปันผลจ่ายที่สูง
กลุ่มลิสซิ่ง คาดผลกำไรงวด 3Q59 ดีกว่างวด 2Q59 ได้ผลดีจากรัฐ มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้ แม้จะหนุนสินเชื่อใหม่ ๆน้อย แต่สิ่งที่เชื่อว่าจะเห็นชัดเจน คือ การตั้งสำรองฯ ของกลุ่มฯ น่าจะลดลง ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ (TK, GL, S11) และสินเชื่อจักรกลการเกษตร (GCAP) ASPS โดยชอบ TK ([email protected]) และ S11 ([email protected]) มากที่สุด รวมทั้ง ASK ([email protected]) และ KCAR ([email protected])
กลุ่มส่งออก อาหาร แต่พบว่า ราคาหุ้นขยับขึ้นไปมากแล้วเช่นกัน (TFG, GFPT, CPF) อีกทั้งการเข้าสู่เทศกาลกินเจ อาจทำให้ราคาสุกร-ไก่ ปรับลงบ้าง แนะนำซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลง และ เช่นเดียวกับกลุ่มเกษตร ราคาน้ำตาลที่ยังทรงตัวในระดับสูงยังดีต่อ KSL (FV@B6) ทั้งนี้ ยังไม่รวม รายได้พิเศษ ที่จะได้รับเงินคืน 2 จาก คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล หลังจากได้มีการเรียกเงินเกินไปในช่วง 2543-2546 ที่ผ่านมา
กลุ่มส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ ยังชอบ HANA (FV@B42) ASPS ราคาหุ้นยัง laggard อีกทั้งยังคาดหวัง Div Yield ได้สูงกว่า 6% แต่ P/E ต่ำเพียง 11.3 เท่าเท่านั้น และกลุ่มเหล็ก MCS([email protected]) ที่คาดว่ามีกำไรเด่นงวด 3Q59 และจะทำกำไรสูงสุดของปีนี้ โดยมีแรงผลักดันมาจาก ปริมาณส่งออกเหล็กไปญี่ปุ่นที่สูงถึง 1.7 หมื่นตัน (ไม่รวมอีก 2 หมื่นตันที่ว่าจ้างให้บริษัทร่วม MCS Xiamen ที่จีนผลิตให้) และเนื่องจากเป็นเหล็กที่มีคุณภาพสูง ราคาขายจึงไม่ผันผวนตามราคาตลาดโลก ทำให้สามารถรักษา Gross margin ได้ที่ 40% และยังได้ประโยชน์จากเงินเยนที่แข็งค่า (แปลงเป็นเงินบาทมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนเป็นเงินบาท ซึ่งไม่ผันแปรตามอัตราแลกเปลี่ยน) โดยรวมคาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโต 16% และอีก 13% ในปี 2560 โดยมี Expected 9.2 เท่าและ 8 เท่าตามลำดับ และ Div Yiedl สูงมากถึง 6% ในปี 2559 และ 6.8% ในปี 2560
แต่หุ้นหลายบริษัทในกลุ่มก็ขึ้นมารับข่าวไปบ้างแล้ว คือกลุ่ม ร.พ. เข้าสู่ช่วง High Season แต่หุ้นหลายแห่งราคาปรับขึ้นมาแล้ว (RJH, LPH) แนะนำรอสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว หรือสลับมาลงทุนใน BH(FV@B213) และ BCH (FV@B14)
กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม : BA([email protected]) น่าจะได้ประโยชน์จากฤดูกาลท่องเที่ยวที่เกาะสมุย แต่ราคาหุ้นก็ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว จึงแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวเท่านั้น ขณะที่ผลดำเนินงานที่ดีในงวด 4Q59 เนื่องเข้าฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทย ซึ่งน่าจะเอื้อต่อ ERW([email protected]), MINT(FV@B48), CENTEL(FV@B48)
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์