- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 04 October 2016 16:11
- Hits: 1330
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : ALT, Commodities WoW, DW Report
Our Portfolio Oct 2016 : BJC, EKH, FSMART, IRPC, KKP
แม้ SET ยังผันผวน แต่คาดว่ากรอบพักตัวไม่ลึก และลุ้นขึ้นใหม่ได้...
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังพลิกกลับมาแกว่งบวกได้อีกครั้ง หลังมีข่าวว่าดอยช์แบงก์ อาจได้รับการลดค่าปรับลงจากเดิมพอควร แต่เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ SET บวกในกรอบแคบ ก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไรช่วงท้ายตลาดกดดันให้ลดช่วงบวกลงมาบ้าง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET ยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวผันผวนและอ่อนตัวลงได้อีก หลังจากวานนี้มีแรงขายช่วงบวกออกมากดดันตลาดต่อเนื่อง ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐหลังนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มแบงก์ เนื่องจากไม่มั่นใจว่าดอยช์ แบงก์จะสามารถบรรลุข้อตกลงการลดเงินค่าปรับกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ในเร็วๆนี้ รวมทั้งข่าวอื้อฉาวของเวลส์ ฟาร์โก ก็ยังกดดันกลุ่มแบงก์ด้วย นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลว่าเฟดมีแนวโน้มจะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หลังจากภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะขยายตัว อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่าSET ยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นอีกกว่า 1% จากท่าทีของผู้นำอิหร่านที่ออกมาเรียกร้องให้ผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นร่วมมือกับโอเปก ทำให้การปรับตัวลงของ SET น่าจะยังมีกรอบจำกัดอยู่
กลยุทธ์ : ยังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมในช่วงตลาดอ่อนตัว และเน้นถือลงทุนระยะกลาง-ยาวมากกว่า
แนวรับ 1490-1487 , 1482-1478 จุด
แนวต้าน 1494-1498 , 1505-1507 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TCMC , TSE , TTCL(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$178ล้าน นำโดยไต้หวันUS$97ล้าน ไทย US$49ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเวียดนามประเทศเดียว US$7ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ปิดทำการ แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าภูมิภาคแต่ยังต้องติดตามความคืบหน้ากรณี Deutsche Bank ว่าจะบรรลุข้อตกลงเรื่องค่าปรับกับทางการสหรัฐได้หรือไม่เพราะอาจส่งผลต่อฐานะการเงินอย่างมีนัยสำคัญ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (-) ความเสี่ยงในต่างประเทศยังอยู่ ตัวเลข ISM ภาคการผลิตของสหรัฐที่ประกาศเมื่อคืนนี้ออกมาดี ทำให้นักลงทุนกลับมาระแวงอีกครั้งว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย ทิศทางค่าเงินในเอเชียจึงอ่อนค่า ส่วนค่าปรับของ Deutsche Bank ยังเจรจากับสหรัฐไม่สำเร็จ แต่ถึงแม้ตกลงกันได้ ตลาดก็ยังกังวลกับสถาบันการเงินอื่นในยุโรป นอกจากนี้ยังมีตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐคืนวันศุกร์และการดีเบตของนางฮิลลารีและนายทรัมป์วันอาทิตย์นี้ที่ต้องติดตาม
• (+) BJC แม้ธุรกิจค้าปลีกจะเผชิญกับ Low season ใน 3Q16 แต่เราคาดกำไรสุทธิของBJC น่าจะใกล้ 2 พันล้านบาทเพราะมีกำไรจาก forex กว่า 1 พันล้านบาทแล้วซึ่งเป็นกำไรที่เงินสด จากค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าในช่วงที่บริษัทชำระคืนหนี้สกุลยูโรที่กู้มาซื้อ BIGC พอดีประกอบกับค่าใช้จ่ายจากดีลซื้อ BIGC บันทึกไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ใน 2Q16 และปีหน้าจะเริ่มเห็น Synergies ของการควบรวมกันมากขึ้น จึงคาดกำไรสุทธิปี 2017 +104% Y-Yปัจจุบันมี 2017PE 25 เท่า ต่ำกว่ากลุ่ม Modern trade ที่มี PE เฉลี่ย 25-30 เท่า จึงยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 54 บาท
• (+) FSMART แนวโน้มกำไร 3Q16 น่าจะทำ new high ต่อ +6% Q-Q, +43% Y-Yตามการเพิ่มขึ้นของยอดเติมเงินมือถือผ่านตู้บุญเติมที่เป็นรายได้หลัก เราชอบศักยภาพการเติบโตในระยะยาวเพราะตู้บุญเติมที่กระจายอยู่ทั่วประเทศและลงไปถึงระดับรากหญ้าสามารถเพิ่มบริการอื่นๆได้อีกมากในอนาคต (ปัจจุบันมีเครื่องชั่งน้ำหนักและโอนเงินผ่านตู้ที่ร่วมกับ KTB และกำลังคุยกับแบงก์อื่น) คาดกำไรปีนี้ +48% Y-Y ปีหน้า +28% Y-Yปัจจุบันมี 2017PE 23.7 เท่า คิดเป็น PEG 0.8 แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 19.50 บาท
• (+) ALT แนวโน้มกำไร 3Q16 ไม่โดดเด่นนัก เราคาดทำได้ 50 ล้านบาท -28% Q-Qเพราะการประมูลคลื่น 900MHz ปลาย พ.ค. ทำให้ ADVANC ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าสำคัญต้องออกแบบโครงข่ายใหม่ ทำให้รายได้ติดตั้งสถานีฐาน (60-70% ของรายได้รวม) ในไตรมาสนี้ชะลอชั่วคราวแต่จะกลับมาเป็นปกติตั้งแต่ 4Q16 กำไรทั้งปีที่เราคาด +43% YYน่าจะเป็นไปได้ และคาดกำไรปี 2017 +23.8% Y-Y เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่9 บาท (PE 23 เท่า) แนะนำซื้อ
• (-) หุ้นกลุ่มไก่ ราคาไก่ปัจจุบันปรับลงเหลือ 34 บาท/กก. เท่ากับต้นทุนการเลี้ยงของผู้ประกอบการ ราคาไก่มักปรับขึ้นหลังหมดเทศกาลกิจเจแต่ supply ที่จะเพิ่ม 5-10% ในปีหน้าเป็น 33-34 ล้านตัว/สัปดาห์ อาจจำกัดการปรับขึ้นของราคาไก่ ซึ่งตรงกับผลประกอบการ 4Q16 ที่เป็น Low season พอดี นอกจากนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มAgri&Food มักเป็นกลุ่มที่ underperform ตลาดในช่วง 4Q แม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มไก่จะยังมีupside อยู่บ้างแต่ระยะแนะนำนักลงทุนเล่นรอบ ขายทำกำไรเมื่อประกาศผลประกอบการ3Q16
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 ต.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.ย.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
6 ต.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
7 ต.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน (ก.ย.)
8 ต.ค. - จีน: Caixin China PMI Composite (ก.ย.)
9 ต.ค. - สหรัฐ: การ Debate รอบ 2 ของคู่ชิงประธานาธิบดี
10 ต.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อรายเดือน (ก.ย.)
- สิงคโปร์: 3Q16 GDP
10-21 ต.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการ 3Q16
11 ต.ค. - ยูโรโซน: ZEW survey Expectations (ต.ค.)
12 ต.ค. - ยูโรโซน: Industrial Production (ส.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบ โดยนักลงทุนยังจับตาดูกรณีของ Deutsche Bank ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่เริ่มชะลอการปรับขึ้น
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ปิดในแดนบวกได้หลังมีรายงานเรื่องพัฒนาการของกรณี Deutsche Bank ที่ต้องจ่ายค่าปรับให้สหรัฐฯ
(0) ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเนื่องจากยังจับดูปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ
(0) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังเป็นการแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 34.60-34.70 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.57ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.81 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เริ่มกลับมาปรับตัวลงเช้านี้หลังการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มOPEC
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 4.40 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,312.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเชิงบวก
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research