- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 03 October 2016 16:59
- Hits: 1175
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ประเด็นเรื่อง Deutsche Bank ยังคงกดดันตลาด
คาดหุ้นไทยวันนี้ซื้อขายในกรอบแคบ สวนทางกับการปรับตัวสูงขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากเรามองว่าประเด็นเรื่อง Deutsche Bank จะยังคงกดดันตลาดหุ้นโลกโดยรวมอยู่ ล่าสุดทาง Deutsche Bank บรรลุข้อตกลงกับหน่วยงานสหรัฐฯ ในการผ่อนปรนค่าปรับให้น้อยลงกว่าเดิมที่ประกาศไว้ตอนแรกที่ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่นักวิเคราะห์มองไปในทางเดียวกันถึงแนวโน้มจำนวนค่าปรับที่น้อยลง และมองว่ากรณีดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดของทีมบริหารและไม่ส่งผลถึงความสามารถในการชำระหนี้ ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่สำคัญวันนี้อยู่ที่ความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลที่จะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามในช่วงสั้นธปท. มองเศรษฐกิจงวด 3Q59 ชะลอการเติบโตลงจากการเติบโตในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา สวนทางกับมุมมองเชิงบวกของรัฐบาลว่าเศรษฐกิจยังมีโมเมนตัมต่อเนื่อง
หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS (ราคาปิด 21.80 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 32.00 บาท)
บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ เป็นหุ้นเด่นในวันนี้จากการคาดการณ์ว่ากำไรจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังและทิศทางในระยะยาวที่ยังดูสดใส แม้ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/59 จะลดลง QoQ แต่เราคาดว่ากำไรของ BDMS จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีต้อนรับช่วงไฮซีซั่น นอกเหนือจากนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ BDMS แจ้งว่าบริษัทได้บรรลุข้อตกลงที่จะซื้อที่ดินบริเวณโครงการปาร์คนายเลิศ ซึ่งรวมถึงอาคารและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินดังกล่าว บริษัทตั้งใจที่จะพัฒนาที่ดินและอาคารเหล่านี้ให้เป็นศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร “BDMS Wellness Clinic” สอดคล้องกับกระแสรักสุขภาพที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าการซื้อขายและงบประมาณการลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท โดย 1.08 หมื่นล้านบาทเป็นมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ส่วนอีก 2 พันล้านบาทเป็นงบประมาณการลงทุน ถึงแม้ว่าการลงทุนขนาดใหญ่นี้จะกดดันกำไรในช่วง 2-3 ปีแรกก็ตาม แต่เราประเมินว่าธุรกิจศูนย์สุขภาพครบวงจรนี้จะช่วยเพิ่มกำไรให้กับบริษัทในระยะยาวเนื่องจากให้อัตรากำไรที่สูงเมื่อเทียบกับบริการประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ BDMS จะยังคงแผนขยายเครือข่ายโรงพยาบาลให้เป็น 50 โรงพยาบาล รวมถึงพัฒนาโรงพยาบาลแม่ข่ายทั้ง 9 แห่งให้เป็น Centers of Excellence ซึ่งการขยายเครือข่ายและพัฒนาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสามารถของบริษัทในการเข้าถึงคนไข้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้มากขึ้นอีกด้วย เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 59 ไว้ที่ 8.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% YoY แต่ปรับลดกำไรปกติปี 60 ลง 6.6% มาอยู่ที่ 9.5 พันล้านบาทเพื่อสะท้อนการลงทุนข้างต้น ซึ่งการปรับลดนี้ทำให้กำไรปี 60 เติบโตอย่างชะลอตัวที่ 6.5% ก่อนที่จะกลับมาเติบโต 15.0% อีกครั้งในปี 61
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ธปท. ชี้ GDP อาจเติบโตแผ่วลงในไตรมาส 3/59 ผู้บริหารระดับสูงธนาคารแห่งประเทศไทยระบุไตรมาส 3 เศรษฐกิจอาจขยายตัวแผ่วลงกว่าไตรมาสสองเพราะมาตรการกระตุ้นขาดตอน โดย ธปท. เสริมว่าแม้เศรษฐกิจสองเดือนแรกของไตรมาส 3 จะยังดูฟื้นตัว แต่การฟื้นตัวไม่ได้ดีขึ้นในทุกส่วนจากการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ได้ดีมาก (Bangkok Post) ความเห็น: ความเห็นของ ธปท. ขัดกับการคาดการณ์ของ ก.คลังที่คาดว่าไตรมาส 3 จะโตได้ระดับเดียวกับไตรมาสก่อนที่ 3.5% อย่างไรก็ดีเราคาดว่ามาตรการกระตุ้นน่าจะมีออกมาเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีซึ่งจะช่วยหนุนภาพรวมของทั้งปี
เร่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจลงทุนมากขึ้น นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ารัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจขยายการลงทุนเป็นสองเท่าเป็น 6.0 แสนลบ.ในปีหน้า ด้วยอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณที่ 95% เพื่อกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนและการใช้จ่ายในประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงการเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรและองค์กรให้มากขึ้น รวมไปถึงโครงสร้างการบริการที่เข้มแข็ง หลังจากที่งบประมาณปีนี้ถูกเบิกจ่ายไปเพียงแค่ครี่งหนึ่งของเป้าเท่านั้น (Bangkok Post)
มูลค่าการลงทุนที่ BOI อนุมัติเพิ่มขึ้น 21% มูลค่าการลงทุนจากโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในช่วง 8 เดือนในปีนี้เพิ่มขึ้น 21% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนอยู่ที่ 6.53 แสนล้านบาท ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกิดจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่แข็งแกร่งของรัฐซึ่งกระตุ้นความเชื่อมั่นลงทุนเป็นอย่างมาก (Bangkok Post)
ไทยยืนยันเงื่อนไขเงินกู้สำหรับโครงการรถไฟไทย-จีน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเผยว่ารัฐบาลยังคงยืนกรานเงื่อนไขเงินกู้จากจีนในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 2% เพื่อหนุนโครงการก่อสร้างรางรถไฟระหว่างไทย-จีน และระบุว่ารัฐบาลจะหาแหล่งเงินภายในประเทศถ้าประเด็นดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า (Bangkok Post) ความเห็น: เราคิดว่าโครงการระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลหรือจีทูจี ในตอนนี้มีแนวโน้มจะตกลงกันได้หลังจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ไทยได้ลงนามในสัญญากับรัฐบาลญี่ปุ่นในการกู้ยืมสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง เส้นทางบางซื่อ-รังสิต คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.3% เป็นเวลา 15 ปี โดยเว้นการชำระดอกเบี้ย 5 ปี
ต่างประเทศ
วิกฤตในดอยช์แบงก์มีแนวโน้มส่งผลลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก จนกว่าธนาคารจะชำระค่าปรับให้กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเกี่ยวกับคดีจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2550-51 หุ้นดอยซ์แบงก์ที่ซื้อขายในสหรัฐแตะระดับต่ำสุดเมื่อวันพฤหัส โดยร่วงลงถึง 24% ตั้งแต่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐสั่งปรับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อยุติการสอบสวนในคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หุ้นดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นในรอบ 5 ปีเมื่อวันศุกร์ หลังจากสำนักข่าวเอเอฟพีได้รายงานว่าดอยซ์แบงก์ใกล้บรรลุข้อตกลงจ่ายค่าปรับ 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยืนยันว่าเป็นความจริง (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังจากราคาหุ้นดอยซ์แบงก์ปรับตัวขึ้นและการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้เฟดมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปี ลดลง 12/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.597% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 1.556% เมื่อวันพฤหัส (Reuters)
เงินยูโรปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 9 วันเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันศุกร์ จากความกังวลที่ลดลงเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินของดอยซ์แบงก์ ในขณะเดียวกันก็กดดันค่าเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเงินสวิสฟรังก์ ทั้งนี้เงินยูโรได้แข็งค่าขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย. แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 เดือน และปรับตัวขึ้น 1.2% ในไตรมาส 3/59 หลังจากที่อ่อนค่าลง 2.4% ในไตรมาส 2/59 ส่วนดอลลาร์สหรัฐล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.34% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 101.35 เยน หลังจากแตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 101.75 เยน (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นดอยซ์แบงก์และหุ้นกลุ่มการเงินที่ปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสได้รายงานว่าดอยซ์แบงก์ใกล้บรรลุข้อตกลงจ่ายค่าปรับ 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้น นำโดยการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้น Deutsche Bank ในช่วงท้ายตลาด หลังจากมีรายงานออกมาว่าทางธนาคารบรรลุข้อตกลงกับทางหน่วยงานสหรัฐฯ ที่จะผ่อนปรนค่าปรับให้น้อยลงกว่าเดิมที่คาดไว้ตอนแรก (Reuters)
Deutsche Bank เร่งดีลให้เสร็จสิ้น ในประเด็นถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐสั่งปรับในกรณีออกขายตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลัง (MBS) เพื่อให้แน่ใจว่าจะเสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนหน้า (Reuters)
นาย John Cryan CEO ของ Deutsche Bank ยืนยันถึงความแข็งแกร่งของธนาคาร โดยมีฐานลูกค้ากว่า 20 ล้านรายและเงินทุนสำรองกว่า 2.15 แสนล้านยูโร ประกอบกับที่ล่าสุดมีการขายบริษัท Abbey Life to Phoenix Group Holdings ซึ่งเป็นบริษัทประกันสัญชาติอังกฤษมูลค่า 935 ล้านปอนด์ (1.2 พันล้านดอลลาร์ฯ) เพื่อสร้างสภาพคล่องส่วนเพิ่ม (Reuters)
อังกฤษกำหนดเริ่มกระบวนการ Brexit ในเดือนมี.ค. Theresa May นายกฯ อังกฤษเปิดเผยว่าจะเริ่มกระบวนการถอนตัวจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมี.ค. ปีหน้า ทั้งนี้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้สำหรับประเทศสมาชิกที่ต้องการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มฯ จะให้เวลากับอังกฤษ 2 ปีในการเตรียมความพร้อมต่างๆ (Reuters)
เอเชีย :
ความเชื่อมั่นของผู้ผลิตญี่ปุ่นขนาดใหญ่ทรงตัวในไตรมาส 3/59 และความเชื่อมั่นของภาคบริการแย่ลงไปต่ำสุดในรอบเกือบสองปีที่ผ่านมา BOJ จับตาดูผลสำรวจ Tankan ในวันจันทร์อย่างใกล้ชิด แสดงให้เห็นว่าดัชนีวัดความเชื่อมั่นของผู้ผลิตใหญ่อยู่ที่บวก 6 ในเดือนกันยายนไม่เปลี่ยนแปลงจากสามเดือนที่ผ่านมา และค่อนข้างสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดที่บวก 7 กลุ่มนอกผู้ผลิตรายใหญ่มีความเชื่อมั่นลดลง เป็นบวก 18 จากบวก 19 ในสามเดือนที่ผ่านมาเป็นการลดลงสามเดือนติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธันวาคม 2557 แต่เท่ากับที่ตลาดคาดการณ์คือ บวก 18 (Reuters)
กิจกรรมในภาคการผลิตของจีนขยายตัวอีกครั้งในเดือนกันยายน บ่งชี้ถึงโมเมนตัมเชิงบวกยังคงอยู่ PMI อย่างเป็นทางการ อยู่ที่ระดับ 50.4 ในเดือนกันยายนเท่ากับระดับของเดือนก่อนหน้า การยืนเหนือระดับ 50.0 แสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตเป็นประจำทุกเดือน (Reuters)
ตลาดการเงินจีนในวันหยุดทั้งสัปดาห์ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันมีทั้งปิดบวกและลบวันศุกร์ แต่ถือเป็นการบวกรายเดือนติดต่อกันเป็นเดือนที่สองจากแผนการลดกำลังการผลิตของ OPEC แม้จะยิ่งสงสัยกันหลังจากการผลิตแตะสถิติใหม่อีกครั้ง น้ำมัน Brent ส่งมอบ พ.ย. ลบ 18 เซนต์ (-0.4%) ปิดที่ 49.06 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนที่หมดอายุไปจากการเป็นสัญญาเดือนใกล้สุด รายสัปดาห์และรายเดือนต่างบวก 4% รายไตรมาสร่วง 1% น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าเดือนใกล้บวก 41 เซนต์ (เกือบ 1%) ปิดที่ 48.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รายสัปดาห์และรายเดือนบวก 8% ส่วนรายไตรมาสคงที่ (Reuters)
ทองคำผันผวนและปิดลบในวันศุกร์ เพราะความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงหลังหุ้นในตลาดหลักต่างฟื้นตัวอย่างมากจากที่ก่อนหน้าเทขายเพราะคลายความกังวลเรื่อง Deutsche Bank ราคาทองคำตลาดจรลบ 0.3% ไปอยู่ที่ 1,316.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าปรับลดลง 0.7% ปิด 1,317.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094