- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 September 2016 17:23
- Hits: 1733
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ปัญหาในต่างประเทศกับมุมมองบวกมากขึ้นในประเทศ
คาดหุ้นไทยวันนี้ไม่ไปไหนไกลในต่างประเทศความกังวลเกี่ยวกับ Deutsche Bank ปะทุขึ้นมาอีกหลังมีข่าวว่ากองทุนเก็งกำไรถอนเงินออกจากธนาคารเยอรมันแห่งนี้ แต่ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นใกล้ 50 ดอลลาร์หลังจาก OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตก็เป็นบวกต่อหุ้นพลังงานทั้งโลก จริงๆ แล้วนักลงทุนในยุโรปไม่ได้กลัวเรื่อง Deutsche Bank สักเท่าใดสะท้อนจากค่าเงินยุโรปที่ทรงตัว และรัฐบาลเยอรมันที่ไม่ได้แสดงท่าทีวิตกแต่อย่างใด กลับเป็นว่าถ้ากังวลกันจริงๆ อาจเป็นบวกต่อหุ้นเอเชียหากเงินทุนไหลออกจากยุโรปเข้าเอเชียอีกรอบภายในประเทศ มุมมองบวกมากขึ้นภายในภาคอสังหาริมทรัพย์สะท้อนสภาพเศรษฐกิจมหภาคของประเทศที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
หุ้นเด่นวันนี้ : KCE (104 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 117 บาท)
บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ เป็นผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ชั้นนำของโลกซึ่งมีจุดแข็งด้านยานยนต์ น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการมาของเทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าและรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งนวัตกรรมใหม่ต่างๆเหล่านี้จะเพิ่มความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ความเป็นผู้นำในตลาด PCB โลกทำให้ KCE ได้อัตรากำไรระดับสูงโดยที่มีกำแพงกั้นคู่แข่งออกไปเพราะผลิตภัณฑ์มีความต่างชั้นโดยจะต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงและเฉพาะตัวในการผลิตและผ่านการทดสอบเป็นเวลาหลายปี ฐานะอันโดดเด่นในตลาด PCB โลกและประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นรวมถึงกำลังการผลิตที่มากขึ้น (เพิ่มอีก 60%) จากโรงงานใหม่น่าจะช่วยหนุนของบริษัทได้เป็นอย่างดี โรงงานใหม่นั้นมีเครื่องจักรที่ทันสมัยกว่าเดิมซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและอัตราของเสียอย่างมาก บริษัทยังลงทุน 250 ลบ. เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับโรงงาน เคซีอีเทคโนโลยีในอยุธยาซึ่งจะช่วงเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.1 ล้านเป็น 1.2 ล้านตารางฟุตต่อเดือน ในระยะยาวการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกแก่บริษัทเพราะธนาคารกลางสหรัฐเตรียมขึ้นดอกเบี้ยแค่รอเวลาเท่านั้น เราคาดว่ายอดขายจะเติบโตดี 18% ในปี 59 และ 15% ในปี 60 บริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาโลหะอุตสาหกรรมที่ตกต่ำในตลาดโลก โดยเฉพาะทองแดงซึ่งจะช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้ดียิ่งขึ้นอีก เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 43% ปี 59 และ 19% ในปี 60 ตามลำดับ Price Pattern ของ KCE มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KCE นั้นบ่งบอกถึงการทำ New High อีกรอบ โดยมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 106.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 111 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ KCE มี Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 100.50 บาท (แนวต้าน: 104.50, 105.50, 106.50; แนวรับ: 103.00, 102.00, 101.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
สั่งรฟท. พัฒนาแผน Master Plan ระยะยาว เร่งเดินหน้าโครงการรถไฟ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและการรถไฟฯ ทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว หรือแผนแม่บทระยะ 10-15 ปีของ รฟท. เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะที่ดินราว 6 แสนล้านบาทที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งมีศักยภาพที่จะพัฒนาในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้นายสมคิดยังกระตุ้นให้รฟท. เร่งเดินหน้าโครงการรถไฟส่วนที่เหลือต่างๆ หลังจากครม. ล่าสุดอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ 2 โครงการไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยตั้งเป้าให้โครงการรถไฟทางคู่ทั้งระยะที่ 1 และ 2 สามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2560 รวมไปถึงการลงทุนร่วมกับภาคเอกชน (PPP) ในโครงการรรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ PPP โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ- ระยอง และ กรุงเทพ-หัวหิน (Bangkok Post/InfoQuest)
คาดว่าจะมีการเร่งเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงปลายปี นายกสมาคมอาคารชุดไทยคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เป็นมูลค่ารวม ถึง 150,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4/59 เพิ่มความเชื่อมั่นตลาดในช่วงปลายปี ในขณะที่ช่วง 1H59 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่าประมาณ 100,000 ล้านบาท จากแผนที่วางไว้ว่าจะเปิดตัวทั้งหมด 220 โครงการ มูลค่า 300,000 ล้านบาท ในปี 2559 (Bangkok Post) ความเห็น: เราคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จะเร่งทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อเพิ่มยอด Backlog ในอนาคตและเร่งการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเพิ่มยอดขายและกำไรในช่วงไตรมาส 4/59 เรา Overweight กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/59 โดย Top Pick ของเรา คือ ANAN (AWS TP 7.50 บาท) และ SPALI (AWS TP 29 บาท)
พิจารณากองทุนภาษีบาปเพื่อผู้สูงอายุ ก.คลังอยู่ระหว่างพิจารณาจัดสรรรายได้ภาษีบาปไปให้องค์กรอิสระเพื่อจัดตั้งกองทุนใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ได้แก่ สร้างที่อยู่อาศัยหรือเพิ่มเงินผู้สูงอายุรายเดือน (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลงจากความกังวลที่กลับมาอีกครั้งเกี่ยวกับธนาคารดอยช์แบงก์เนื่องจากมีรายงานข่าวว่ามีกองทุนบางส่วนได้ถอนเงินสดส่วนเกินและสถานะต่าง ๆ ที่ถือครองในดอยช์แบงก์ ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 21/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.558% ลดลงจากที่ระดับ 1.567% เมื่อวันพุธ ส่วนราคาพันธบัตรสหรัฐอายุ 30 ปีเพิ่มขึ้น 7/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.277% ลดลงจากเมื่อวันพุธที่ระดับ 2.288% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเทียบกับสวิสฟรังก์ แข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนและอยู่ในระดับทรงตัวเทียบกับเงินยูโร ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนเมื่อวันพฤหัสจากความกังวลเกี่ยวกับธนาคารดอยช์แบงก์ ในขณะที่ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ของเฟดทำให้ดอลลาร์สหรัฐยังประคองตัวอยู่ได้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับสวิสฟรังก์ที่ระดับ 0.9641 สวิสฟรังก์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 26 ส.ค. เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นกว่า 1% และแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 วันที่ 101.84 เยน และล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.41% ที่ระดับ 101.06 เยน ส่วนเงินยูโรนั้น ล่าสุดทรงตัวที่ระดับ 1.1216 ดอลลาร์สหรัฐจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวกับธนาคารดอยช์แบงก์จะส่งผลไปถึงธนาคารอื่น ๆ ของยุโรปหรือก่อให้เกิดวิกฤตในระบบธนาคารของยุโรป (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงเมื่อวันพฤหัส จากความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารดอยช์แบงก์หลังจากบลูมเบิร์กได้รายงานว่ามีกองทุนเฮดจ์ฟันด์บางส่วนได้ถอนเงินสดส่วนเกินและสถานะต่าง ๆ ที่ถือครองในดอยช์แบงก์ ขณะที่หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โกและหุ้นธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ ร่วงลงเช่นกันหลังจากทางการสหรัฐกล่าวประนามนายจอห์น สตัมฟ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวลส์ ฟาร์โกเกี่ยวกับการกระทำผิดเพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อย่างไรก็ตาม หุ้นแอปเปิลเป็นตัวฉุดตลาดมากที่สุดหลังจากบาร์เคลย์ปรับลดราคาเป้าหมาย (Reuters)
การขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวน้อยกว่าที่คาดในไตรมาส 2/59 เนื่องจากยอดสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่าสินค้านำเข้าและมีการลงทุนเพิ่มในธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดี จีดีพีขยายตัวในอัตรา 1.4% YoY ในการประมาณการตัวเลขจีดีพีเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอัตรา 1.1% ในช่วงก่อนหน้านี้และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ การใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของจีดีพีสหรัฐ เพิ่มขึ้นในอัตรา 4.3% ต่อปี อย่างไรก็ตาม บริษัทต่าง ๆ ปรับลดสต็อกสินค้าลงอย่างมาก โดยลดลง 5.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและส่งผลให้การขยายตัวของจีดีพีลดลง (Reuters)
ตลาดหุ้นสหรัฐมีมูลค่าตึงตัว (Stretched valuation) โดยในปีนี้เพิ่มขึ้น 5% แล้ว ดัชนี S&P500 มีการเทรดใกล้ค่าพีอีที่ 16 เท่า สูงกว่าค่าพีอีเฉลี่ย 10 ปีที่ 14 เท่า จากข้อมูลของทอมสัน รอยเตอร์ส (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีทรงตัว โดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาชดเชยกับแรงหนุนจากการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นหลัง OPEC มีมติที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มฯ ลง ทั้งนี้หุ้น Commerzbank ปรับตัวลดลงหลังไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล (Reuters)
เอเชีย :
เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 0.7% YoY ในไตรมาส 2/59 ชะลอตัวลงอย่างมากจากการเติบโตในไตรมาสก่อน ซึ่งนำโดยผลกระทบของเดือน ก.พ. ที่มี 29 วัน ในขณะที่การส่งออกและการใช้จ่ายเงินลงทุนลดลง นักวิเคราะห์คาดว่าการเติบโตจะยังคงอยู่ในระดับปานกลางในช่วงที่เหลือของปี (Reuters)
เงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นลดลง ตั้งแต่ต้นปี ถึงเดือนสิงหาคม โดยลดลง 0.5% YoY ซึ่งรวมปัจจัยเรื่องราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ไม่รวมราคาอาหารสดที่มีความผันผวน เป็นอัตราลดลงที่มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.4% เป็นการลดลงที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 แต่ถ้าไม่รวมราคาน้ำมันและอาหาร พบว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.2% นับจากต้นปีถึงเดือนสิงหาคม ต่ำที่สุดนับตั้งแต่กันยายน 2556 (Reuters)
การใช้จ่ายในครัวเรือนของญี่ปุ่นลดลง 4.6% YoY ในเดือนสิงหาคม ลดลงมากกว่า 2.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาด เป็นอัตราการลดลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม (Reuters)
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.5% YoY ในเดือนสิงหาคม มากกว่า 0.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาด นำโดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Reuters)
ผู้ผลิตญี่ปุ่นคาดว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนกันยายนและเพิ่ม 1.2% ในเดือนตุลาคม (Reuters)
อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม อัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นเป็น 3.1% จาก 3.0% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2538 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ (Reuters)
ตลาดหุ้นจีนปิดให้บริการตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 ต.ค. ถึงวันอาทิตย์ที่ 9 ต.ค. สำหรับวันหยุดวันชาติจีน ตลาดจะกลับมาเปิดวันที่ 10 ต.ค. ตลาดฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ ส่วนใต้ ปิดตั้งแต่ 29 ก.ย.- 10 ต.ค. ส่วนทางเหนือปิดตั้งแต่ 30 ก.ย.- 10 ต.ค. (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวกกว่า 1% วันพฤหัส Brent ขึ้นไปใกล้ 50 ดอลลาร์เพราะมุมมองบวกจาก OPEC ตกลงจะลดกำลังผลิตได้ในการประชุมนโยบายใน พ.ย. เป็นการตกลงได้ครั้งแรกรอบแปดปี แม้จะยังสงสัยกันว่าการลดกำลังการผลิตเท่านี้จะลดอุปทานน้ำมันโลกที่ล้นเกินได้มากสักเท่าไหร่ Brent บวก 55 เซนต์ (+1.1%) ปิดที่ 49.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดรอบสามสัปดาห์ที่ 49.81 ดอลลาร์ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 78 เซนต์ (+1.7%) ปิดที่ 47.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากแตะจุดสูงสุดรอบหนึ่งเดือนที่ 48.32 ดอลลาร์ (Reuters)
ทองคำบวกวันพฤหัส หลังจากเงินดอลลาร์ขึ้นๆลงๆ เพราะตัวเลขสหรัฐออกมาทั้งบวกและลบ รวมถึงความสงสัยว่าการลดกำลังการผลิตของ OPEC จะดันเงินเฟ้อขึ้น ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.18% ไปอยู่ที่ 1,323.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดข้ามคืนที่ 1,325.80 ดอลลาร์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094