- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 September 2016 18:22
- Hits: 2117
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เน้นเลือกซื้อ/ถือด้วยค่าบวก"
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ร่วงแรงในช่วงบ่าย ปิดตลาด -9.81 จุดที่ 1479.58 จุด มูลค่าซื้อขายยังค่อนข้างต่ำ และตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น นักลงทุนสถาบันในประเทศนำขายสุทธิ 1.4 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือซื้อสุทธิ (ต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 745 ล้านบาท)
มีข่าวบวกจากภายนอกที่ทำให้ Sentiment การลงทุนดีขึ้น คือ 1. การประชุมกลุ่มโอเปก & รัสเซียอย่างไม่เป็นทางการได้ข้อสรุปเรื่องการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกลงสู่ 32.5 - 33.0 จากปัจจุบันที่ 33.24 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะนำไปเข้าที่ประชุมทางการอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย, 2) ประธานเฟดยืนยันว่าภาคธนาคารสหรัฐมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพและการเติบโตดีขึ้นนับตั้งแต่เกิดวิกฤตปี 2008, 3) ธนาคารกลางเยอรมนีเตรียมแผนช่วยเหลือดอยซ์แบงก์หากจำเป็น ส่วนในประเทศมีเรื่องการทำ Preview ผลประกอบการ 3Q59 บจ.ซึ่งเราคาดว่ากำไรสุทธิของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3 ปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดดมากเมื่อเทียบ YoY เพราะฐานกำไรของกลุ่มพลังงานใน 3Q58 นั้นต่ำมาก (มีขาดทุนจากสต็อก & ตั้งสำรองด้อยค่าในเงินลงทุนขนาดใหญ่)
กลยุทธ์ : เลือกซื้อเพื่อเล่นรอบ โดยวันนี้เน้นซื้อตามค่าบวกเป็นหลัก เพราะเมื่อวานนี้ SET ปิดที่ระดับฟิวเตอร์ (SMA10) การอ่อนตัวจะให้ภาพที่เป็นลบและเปิดความเสี่ยงขาลงมากขึ้น หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PTT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นลบ ควรระวังการแกว่งลงจนหลุด SMA10 ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้าน 1490, 1500 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี SET มีโอกาสลงไปที่แนวเด้ง 1470-1465 จุด
ส่วนผลการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่ คือ BTSGIF, CPNRF, SPRC, PTL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ AAV, JASIF, TISCO, TU, CPN, BA หุ้นที่หลุด List เป็น EPG ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและควรหาจังหวะ Take Profit คือ TOP, ANAN, SMPC, MALEE
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ผลประชุมนอกรอบระหว่างกลุ่มโอเปก & รัสเซียได้ข้อสรุปดีกว่าคาด
นายโมฮัมหมัด บิน ซาเลห์ อัล-ซาดา ประธานโอเปกแถลงข่าวหลังการประชุมที่ยาวนานกว่า 6 ชั่วโมงว่าที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันและตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ และจากนั้นจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในเดือนพ.ย. โดยที่ประชุมข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการว่าจะปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน
+ยูโรโซน : มีข่าวว่ารัฐบาลเยอรมนีเตรียมแผนช่วยเหลือดอยซ์แบงก์
Die Zeit ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของเยอรมันรายงานว่า รัฐบาลเยอรมันและสถาบันการเงินหลายแห่งกำลังเตรียมแผนให้ความช่วยเหลือธนาคารดอยซ์ แบงก์ หากทางธนาคารไม่สามารถระดมทุนสำหรับค่าใช้จ่ายในกระบวนการทางกฎหมาย หลังถูกทางการสหรัฐสั่งปรับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
+ สหรัฐ : ประธานเฟดฉายภาพว่าธนาคารสหรัฐมีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง และขยายตัวได้ดี
นางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่าธนาคารสหรัฐมีเงินทุนในระดับที่เพียงพอ และธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ในภาคพาณิชย์และอุตสาหกรรมยังคงมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 8 แห่งของสหรัฐได้เพิ่มฐานเงินทุน 2 เท่า สู่ระดับ 8 แสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่ได้เพิ่มการถือครองสินทรัพย์คุณภาพสูงอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ภาคธนาคารพึ่งพาเงินทุนระยะสั้นน้อยลง และมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้นนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงิน
สหรัฐ : ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐที่จะรายงานใน 2 วันสุดท้ายของสัปดาห์นี้
วันนี้ (พฤหัส) จะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/59 และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. ส่วนในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นต่อ รับโอเปกอาจลดการผลิตหนุนราคาน้ำมัน
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,339.24 จุด พุ่งขึ้น 110.94 จุด หรือ +0.61% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,318.55 จุด เพิ่มขึ้น 12.84 จุด หรือ +0.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,171.37 จุด เพิ่มขึ้น 11.44 จุด หรือ +0.53% ขานรับกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่มีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลง นอกจากนั้นตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่นางเยลเลน ประธานธนาคารเฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่าธนาคารสหรัฐมีเงินทุนในระดับที่เพียงพอ ภาคธนาคารพึ่งพาเงินทุนระยะสั้นน้อยลง และมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้นนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงิน
+ ราคาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นแรง...กลุ่มโอเปกมีมติลดการผลิต & สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.38 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 47.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ หรือ 5.9% ปิดที่ 48.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับผลการประชุมกลุ่มโอเปกที่บรรลุข้อตกลงในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวานนี้ที่มีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากรายงานของ EIA ที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.0 ล้านบาร์เรล
- ราคาทองคำ : อ่อนตัวลง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ระดับ 1,323.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังนางเยลเลนแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ว่าธนาคารสหรัฐมีเงินทุนในระดับที่เพียงพอ และธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ในภาคพาณิชย์และอุตสาหกรรมยังคงมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กรมทางหลวงจะเปิดประมูลมอเตอร์เวย์ 2 สายเดือนต.ค.นี้
กรมทางหลวงเดินหน้าเปิดประมูลมอเตอร์เวย์ 2 สาย บางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-โคราช มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะประมูลได้ภายในเดือน ต.ค.59 ครบทุกสัญญา การก่อสร้างคาดแล้วเสร็จในปี 2563 ส่วนแอร์พอร์ตลิงค์ก็ไฟเขียวจ้างเอกชนซ่อมบำรุงใหญ่รถ 9 ขบวน และโชว์ยอดผู้ใช้บริการว่าเพิ่มขึ้นดีต่อเนื่อง ในเดือนส.ค.59 ทำสถิติสูงสุดเท่ากับ 1.9 ล้านเที่ยว/เดือน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เราคาดการณ์ว่าการลงทุนโครงการภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/59 โดยจะมีงานเปิดประมูลใหม่เข้ามาตั้งแต่ต.ค.59 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง & วัสดุก่อสร้างที่จะมีงานและคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มในระยะต่อไป สำหรับหุ้นในกลุ่มรับเหมาที่เป็น Top pick คือ CK (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 40 บาท) และหุ้น Top picks กลุ่มวัสดุเป็น SCC (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 580 บาท) และ TMT (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 13.80 บาท)
+ PTT (ราคาปิด 329 บาท) : ธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นหลังผ่านจุดต่ำสุดของรอบนี้ไปแล้ว
ระยะสั้นได้อานิสงค์ทางบวกจากข้อตกลงของกลุ่มโอเปกที่จะลดปริมาณการผลิตลง เพื่อดูแลราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ ยังผลให้ราคาน้ำมันดิบน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงปลายปี 58-ต้นปี 59 ด้านธุรกิจต้นน้ำก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดีคือ มีโอกาสมากขึ้นที่ PTTEP จะได้งานสำรวจแหล่งแก๊ซแห่งใหม่แทนอ่าวไทยที่จะทยอยหมดลง ขณะที่ PTTEP มีความพร้อมทางด้านการเงินที่แข็งแกร่งที่จะซื้อลงทุนในเครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ แหล่งที่มีศักยภาพคือ รอยต่อไทยกับกัมพูชา ซึ่งสามารถจะเกิด synergies กับแหล่งอ่าวไทยในปัจจุบันได้ ทางบริษัทคาดว่าทางการจะมีการออกใบอนุญาตการสำรวจใหม่ออกมาประมาณ 3Q60 ซึ่งฉบับเก่าจะหมดลงใน 6-7 ปีข้างหน้า ส่วนธุรกิจปลายน้ำก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดีเช่นกัน นั่นคือ สามารถนำธุรกิจปิโตรเคมีต่างๆในกลุ่มมาปรับโครงสร้าง นั่นคือให้มาควบรวมกับ PTTGC ซึ่งถือเป็นบริษัทหลักในกลุ่ม PTT ก็จะทำให้เกิด synergies ที่ดีในอนาคต และมีการลงทุนใน TOP สำหรับส่วนโรงกลั่นใหม่ ที่เน้นให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจปิโตรเคมีมากกว่าที่จะเป็นเพียงแค่การกลั่นน้ำมัน แนะนำซื้อ PTT โดย DBSV ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 370 บาท - วิธี SOP (sum of parts)
BDMS : ใช้งบ 1.28 หมื่นล้านบาทซื้อ & ปรับปรุงโรงแรมปาร์คนายเลิศเพื่อทำศูนย์สุขภาพครบวงจร
BDMS รายงานว่าจะใช้งบประมาณ 1.28 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินเข้าซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ จำนวน 1.08 หมื่นล้านบาท (ราคาประเมินโดยซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) อยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท) คาดว่าจะรับโอนกรรมสิทธิ์ช่วงไตรมาส 2/60 และใช้เงินราว 2 พันล้านบาทเพื่อปรับปรุงทรัพย์สินเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic ซึ่งจะเป็นโครงการแรกในเอเชีย (ใช้หลักเวชศาสตร์ป้องกันและชะลอวัย รวมทั้งฟื้นฟูสุขภาพ) สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัท การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ/หรือการออกหุ้นกู้ และ/หรือหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งคาดว่าการกู้ยืมหรือการออกหุ้นกู้จะไม่มีเงื่อนไขที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นของบริษัท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]