- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 September 2016 17:46
- Hits: 1939
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากผลการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ที่สามารถบรรลุข้อตกลง โดยมีแผนปรับการผลิตน้ำมันจากปัจจุบัน 33.24 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 32.5 - 33.0 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งช่วยลดความกังวลภาวะอุปทานส่วนเกิน และส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น พร้อมส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่คาดมีขึ้นอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ โดยคาดยังเป็นปัจจัยที่กลับมากดดันภาพรวมตลาดฯ อีกครั้งหลังจากนี้ ซึ่งเฟดเหลือการประชุม 2 ครั้งในปีนี้ (1 – 2/11/59 และ 13 – 14/12/59)
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดภาพรวมยังได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow แม้มูลค่าซื้อ/ขาย สุทธิ จะมีความผันผวนบ้าง
แต่ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม ยังอยู่ในระดับสูงกว่า 134,000 ล้านบาท และประเด็น Window Dressing – 3Q/59 ที่จะมีการปิดงบในวันที่ 30/9/59
นอกจากนี้แนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG และ SCC
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, SYNTEC
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
SET SET50 SET100
1,479.58 -9.81 941.30 -6.28 2,107.35 -14.44
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +110.94, NASDAQ +12.84, S&P +11.44,FTSE +41.71, CAC +33.77 และ DAX +76.86
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น หลังกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ที่ประเทศแอลจีเรีย วานนี้ โดยที่ประชุมมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 – 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน และตกลงที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่พิจารณาส่วนแบ่งด้านการผลิตของสมาชิกโอเปกแต่ละประเทศ โดยจะยื่นรายงานต่อที่ประชุมโอเปกครั้งต่อไป ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในเดือนพ.ย.
รวมถึง (1) รัฐบาลเยอรมันและสถาบันการเงินหลายแห่ง พร้อมให้ความช่วยเหลือธนาคารดอยซ์ แบงก์ หากธนาคารไม่สามารถระดมทุนสำหรับค่าใช้จ่ายในกระบวนการทางกฎหมาย หลังถูกทางการสหรัฐฯ สั่งปรับ 1.4 หมื่นล้านUSD และ (2) ถ้อยแถลงประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ วานนี้ ระบุว่า ธนาคารสหรัฐมีเงินทุนในระดับที่เพียงพอ และมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้น นับแต่เกิดวิกฤตการเงิน ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ - ส.ค. ทรงตัว โดยได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อเครื่องบินที่ลดลง 21.9%
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$2.38 อยู่ที่ US$47.05 ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ที่ประเทศแอลจีเรีย วานนี้ โดยที่ประชุมมีมติปรับลดการผลิตน้ำมันลงสู่ระดับ 32.5 – 33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.71 1.89 3.19
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,658.83
สถาบัน -1,433.49
บัญชีหลักทรัพย์ 342.35
ต่างประเทศ 766.8
ในประเทศ 324.35
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$6.7 อยู่ที่ US$1,323.7ต่อออนซ์ จากถ้อยแถลงล่าสุด ของประธานเฟด ได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อภาคธนาคารของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +767 ล้านบาท สะสม YTD +134,329 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 29 - 30 ก.ย. 2559
29/9/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย GDP – 2Q/59
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค.
30/9/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
รายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% ในขณะที่ประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญคาดว่าจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT และ BA และกลุ่มเดินเรือ จาก Baltic Dry Index (BADI) ล่าสุดอยู่ที่ 930 จุด ลดลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดของปีที่ 941 จุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 1.57% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.71 อยู่ที่ 12.39
หุ้นแนะนำ : PTTGC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788