- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 September 2016 17:40
- Hits: 921
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
OPEC ตกลงกันได้หนุนตลาด
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ตามตลาดหุ้นทั่วโลก หนุนโดยราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลังจาก OPEC บรรลุข้อตกลงที่จะลดปริมาณการผลิตแม้การลดการผลิตจริงและโควตาการผลิตของแต่ละประเทศสมาชิกจะตกลงกันในการประชุมเดือน พ.ย. แต่ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งแรกของกลุ่มในการจำกัดเพดานการผลิตนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา สถานการณ์ของกลุ่มธนาคารยุโรปก็ดีขึ้นหลังจาก Deutsche Bank ขายธุรกิจประกันในอังกฤษได้และย้ำว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนในขณะที่รัฐบาลเยอรมันก็ปฏิเสธข่าวแผนช่วยเหลือพิเศษ ปัจจัยในประเทศวันนี้ไม่มีอิทธิพลต่อตลาดและไม่มีปัจจัยสำคัญใหม่
หุ้นเด่นวันนี้ : BCH (ราคาปิด 12.20 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 15.00 บาท)
บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากเราคาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้หลังจากประสบกับการหดตัวหรือทรงตัวของกำไรในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนของการเติบโตคือ กำไรที่ปรับตัวดีขึ้นของโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ซึ่ง EBITDA ของโรงพยาบาลดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มเป็นบวกตั้งแต่ปีนี้ หนุนโดยจำนวนคนไข้ต่างชาติที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญของการเติบโตของ BCH คือตัวเลขจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากในครึ่งปีแรก กว่า 35% ของรายได้ของบริษัทมาจากโครงการดังกล่าว โดยที่ ณ ไตรมาส 2/59 จำนวนผู้ประกันตนโดยเฉลี่ยเติบโต 9% YoY
ปัจจุบัน บริษัทมี 4 โครงการใหม่ในลักษณะ greenfield และอีก 4 โครงการในการปรับปรุงและขยายโรงพยาบาลเดิม ตัวอย่างของโครงการเหล่านี้คือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์รามคำแหงและโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อรัญประเทศ นอกจากนั้น เรายังมีมุมมองเป็นบวกกับอุตสาหกรรมการแพทย์ในระยะยาวเนื่องจากไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เราคาดการณ์กำไรจะก้าวกระโดด 34.1% ในปี 59 ก่อนที่จะลดระดับมาเติบโตที่ 16.8% ในปี 60 Price Pattern ของ BCH มีความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เท่านั้นก็จะทำให้ Price Pattern ของ BCH กลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ในทุก Time Frame โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ BCH แล้ว คาดว่ามีโอกาสที่จะเกิดการทำ New High อีกครั้ง โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 14.10 บาท ซึ่ง BCH มี Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 11.70 บาท (Resistance: 12.30, 12.60, 13.00; Support: 11.90, 11.60, 11.20)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ส่งออกอ่อนแอทำให้หนี้เสีย SME เพิ่มขึ้น จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) NPL ของ SME เพิ่มสู่ 4% ในสิ้น ก.ค. จาก 3.7% ในไตรมาส 1/59 เป็นเพราะกำลังของภาคการผลิตลดลงจากอุปสงค์ที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว (Bangkok Post) ความเห็น: ไม่น่าแปลกใจเพราะ SME ไทยส่วนใหญ่พึ่งการส่งออก อย่างไรก็ดีเราคาดว่าสถานการณ์น่าจะค่อยๆ ดีขึ้น จากการส่งออกที่ฟื้นใน ส.ค. รวมถึงมาตรการช่วยเหลือจากทางรัฐบาล
เอสเอ็มอีแบงค์หนุนคลัสเตอร์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงค์) เตรียมให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กที่อยู่ใน 10 คลัสเตอร์เป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ธนาคารจะเสนอมาตรการต่อรองนายกฯ สมคิดเพื่อพิจารณาก่อนที่จะให้บริการในเดือนหน้า (Bangkok Post)
BDMS (22.00 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 30.00 บ.) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้เข้าทำรายการซื้อที่ดินบริเวณโครงการปาร์คนายเลิศรวม 15 ไร่ และสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งประกอบด้วย อาคารโรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ อาคาร Promenade และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่บนที่ดินดังกล่าว เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic มูลค่าการลงทุนดังกล่าวอยู่ที่ 1.28 หมื่นลบ. ประกอบด้วยมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1.08 หมื่นลบ. และงบประมาณลงทุนเพิ่มเติมราว 2.0 พันลบ. (SET) ความเห็น: มูลค่าดีลข้างต้นคิดเป็น 12.5% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของ BDMS ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 59 โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเข้าทำรายการแล้วเสร็จและรับโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 2Q17 ทั้งนี้ BDMS ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเราจะนำเสนอในรายละเอียดต่อไป
TRC (1.28 บาท): บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ถือหุ้นของ บมจ.โปแตชอาเซียนชัยภูมิ (APOT) ซึ่งได้รับสัมปทานในการดำเนินการเหมืองแร่โปแตช ในจังหวัดชัยภูมิ มีความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปแตช หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเซ็นต์อนุมัติเงินทุน 100 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงการคลังคงสัดส่วนการถือหุ้นอย่างน้อย 20% ใน APOT (ข่าวหุ้น) ความเห็น: ถือเป็นการปลดล็อคสิ่งที่รออยู่ของ APOT และนำไปสู่ขั้นตอนต่อไปคือการทำ Financial Close กับสถาบันการเงิน เพื่อให้การก่อสร้างเหมืองเดินหน้าต่อ เรื่องนี้ควรเป็นประโยชน์ต่อ TRC เพราะเมื่อขั้นตอนการเงินเรียบร้อย TRC จะสามารถบันทึกงานที่ได้รับการว่าจ้างจาก APOT ให้เป็นผู้รับเหมาหลักสำหรับงานก่อสร้างเหมืองโปแตช ซึ่งมีมูลค่างานมากถึง 34,000 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นที่มากกว่า 10%
VGI (5.55 บาท): บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย แจ้งลงทุนในบริษัทร่วมทุน ในประเทศมาเลเซีย โดยถือหุ้น 19% ใน Titanium Compass Sdn Bhd (TCSB) สำหรับการให้บริการสื่อโฆษณาทั้งรถไฟและสถานีโฆษณากับโครงการ KL MRT1 ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายใหม่ ในประเทศมาเลเซีย ระยะทาง 51 กม. มีจํานวน 31 สถานี และรถไฟฟ้า 58 ขบวน VGI ยังจะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TCSB ให้มีสัดส่วนถึง 30% ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 47.66 ล้านบาท (SET) ความเห็น: การลงทุนครั้งนี้เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อ VGI เพราะถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายธุรกิจสื่อโฆษณาไปยังต่างประเทศในอนาคต
ต่างประเทศ
โอเปกปรับลดกำลังการผลิตเมื่อวันพุธ เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2008 เพื่อลดแรงกดดันระหว่างซาอุดิอาระเบียผู้นำกลุ่มกับอิหร่านที่มากขึ้นเรื่อย ๆ จากปัญหาราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ทั้งนี้ โอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตราว 700,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 32.5 - 33 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม การปรับลดกำลังการผลิตที่แท้จริงและแต่ละประเทศจะผลิตน้ำมันในปริมาณเท่าใดนั้นจะมีการพิจารณาในการประชุมโอเปกครั้งหน้าในเดือนพ.ย. ซึ่งจะมีการเชิญชวนให้ชาติผู้ผลิตนอกสมาชิกโอเปกอย่างเช่นรัสเซียลดกำลังการผลิตด้วย ซาอุดิอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโอเปกโดยมีกำลังการผลิตมากกว่า 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เท่ากับกำลังการผลิตของรัสเซียและสหรัฐอเมริการวมกัน ผู้ผลิตน้ำมันทั้ง 3 ชาติมีกำลังการผลิตเท่ากับ 1 ใน 3 ของโลก (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นเมื่อวันพุธ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่โอเปกได้บรรลุข้อตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิต ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีลดลง 1/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.561% เทียบกับที่ระดับ 1.556% เมื่อวันอังคาร ส่วนราคาพันธบัตรสหรัฐอายุ 30 ปีลดลง 3/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.282% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันจันทร์ที่ระดับ 2.278% ราคาพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปีอยู่ในระดับทรงตัว อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 0.750% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ อิงกับราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันพุธ หลังจากโอเปกบรรลุข้อตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิต ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ล่าสุดทรงตัวอยู่ที่ 95.451 เงินยูโรขยับขึ้น 0.1% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.1223 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.3% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ระดับ 10.950 เยนเนื่องจากมีการรับความเสี่ยงได้ดีขึ้น (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังโอเปกได้บรรลุข้อตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิต ราคาน้ำมันที่ตกต่ำเป็นเหตุให้กำไรของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันลดลงมากและมีผลขาดทุนติดต่อกันหลายไตรมาส ความมีเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบอาจช่วยให้แนวโน้มกำไรของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันสดใสขึ้นมาก (Reuters)
โรงงานในสหรัฐรายงานความต้องการสินค้าขนาดใหญ่ทรงตัวในเดือนส.ค. คำสั่งซื้อสินค้าคงทนรวมทั้งรถยนต์ รถแทรกเตอร์ และตู้เย็นที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี อยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หากไม่รวมสินค้าด้านยุทธปัจจัยและสินค้าทางด้านอากาศยานแล้ว พบว่ายอดขายลดลง นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าคำสั่งซื้อโดยรวมจะลดลง 1.5% ทั้งนี้ปริมาณคำสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้นมากในเดือนก.ค. หลังจากที่ลดลงในเดือนมิ.ย. ในช่วงตลอด 8 เดือนแรกของปีนี้ คำสั่งซื้อลดลง 0.6% YoY สาเหตุที่คำสั่งซื้อลดลงเกิดจากอุตสาหกรรมพลังงานที่อ่อนแอ ซึ่งอุตสาหกรรมน้ำมันและถ่านหินกำลังถอนกลับการลงทุน แม้ว่าความต้องการยังคงชะลอตัวก็ตาม (Wall Street Journal)
ประธาน Fed ระมัดระวัง นาง Janet Yellen ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยว่า Fed ไม่มีตารางเวลาที่แน่นอนในการปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายการเงินออกจากจุดยืนที่ผ่อนคลายในขณะนี้ แต่ไม่ได้มีความต้องการจะให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำแบบนี้ไปอีกนาน พร้อมทั้งยังคงระบุถึงตลาดแรงงานและการจ้างงานในสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณในทางที่ดีขึ้น (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปขึ้นวันพุธ หนุนจากหุ้นโภคภัณฑ์เป็นบวก ขณะที่ Deutsche Bank ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันก่อน ความเชื่อมั่นต่อภาคธนาคารปรับขึ้นหลังซีอีโอกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนและธนาคารจะทำเพียงแค่ขายธุรกิจประกันของอังกฤษขณะที่รัฐบาลเยอรมันปฏิเสธรายงานว่ากำลังเตรียมแผนฟื้นฟูธนาคารอยู่ (Reuters)
เอเชีย :
ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นลดลงกว่าที่คาดไว้ในเดือน ส.ค. โดยลดลงเป็นเดือนที่หกติดต่อกัน เนื่องจากยอดขายที่ลดลงของเสื้อผ้าและเครื่องใช้ภายในบ้าน ยอดค้าปลีกลดลง 2.1% YoY ในเดือน ส.ค. มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ตลาดคาดการณ์ ว่าลดลง 1.8% YoY (Reuters)
เศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 3/59 ดีน้อยลงกว่าข้อมูลที่นำเสนอเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีการเจริญเติบโตเฉพาะเจาะจงมาจากภาคการผลิตและอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ภาคบริการและค้าปลีกสะดุด การผลิตขยายตัวเร็วที่สุดในระดับประเทศ โดย 53% ของ บจ.รายได้เพิ่มขึ้น 3% YoY ตามการสำรวจรายไตรมาสของ China Beige Book International (CBB) ในขณะที่การใช้จ่ายในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและที่อยู่อาศัยที่เฟื่องฟู เป็นตัวช่วยเหลือทั้งภาคการผลิต, อสังหาริมทรัพย์, การขนส่งและค้าปลีก ซึ่งแสดงสัญญาณอ่อนแอลงทั้ง QoQ และ YoY (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวก 6% วันพุธ หลัง OPEC ตกลงจะลดกำลังผลิตได้ในการประชุมนโยบายใน พ.ย. เป็นการตกลงได้ครั้งแรกตั้งแต่ปี 51 และหลังจากตลาดล่มจากอุปทานล้น Brent บวก 2.72 ดอลลาร์ (+5.9%) ปิดที่ 48.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดรอบสองสัปดาห์ที่ 48.96 ดอลลาร์ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 2.38 ดอลลาร์ (+5.3%) ปิดที่ 47.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากแตะจุดสูงสุดนับแต่ 8 ก.ย. ที่ 47.45 ดอลลาร์ (Reuters)
ทองคำร่วงเป็นวันที่สองแตะต่ำสุดของสัปดาห์ในวันพุธ กดดันโดยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และนักลงทุนประเมินถ้อยแถลงของ Janet Yellen ประธาน Fed ต่อคณะกรรมาธิการประจำสภาผู้แทนสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรได้ลดไป 0.4% ไปอยู่ที่ 1,322.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเมื่อวันอังคารลบไปเกือบ 1% ลบรายวันมากสุดในรอบเดือนจากความต้องการเสี่ยงเพิ่มขึ้น (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094