- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 September 2016 17:01
- Hits: 2995
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : แกว่งตัวออกด้านข้าง
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าจะแกว่งตัวออกด้านข้าง ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ปรับตัวไร้ทิศทางโดยการโต้วาทีของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวานนี้ ดูเหมือนว่าทางฮิลลารี่ คลินตันเป็ นฝ่ายชนะ โดยผลสำรวจของ CNN ที่จัดขึ้นหลังการโต้วาทีพบว่าผู้ชม 62% จากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 521 คน เห็นว่านางคลินตันดูมีภาษีดีกว่า ขณะที่ 27% เห็นว่าทรัมป์ ทำได้ดีกว่า ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่รายงานวานนี้ ได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. 2559 อยู่ที่ 104.1 ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 98.8 และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 101.8 บ่งชี้ถึงแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และสนับสนุนว่าตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น ด้านนักลงทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่ออีกที่ 1,035 ล้านบาท
แนวรับ/แนวต้าน : 1480/1505 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%
กลยุทธ์ : ลดพอร์ตลงบางส่วนบริเวณแนวต้าน เก็บหุ้นขนาดใหญ่ที่ในกลุ่มที่อิงกับการลงทุนและการบริโภคในประเทศ
หุ้นแนะนำ
CPF (37.00) : คาดผลประกอบการจะสูงที่สุดในช่วง 3Q59 เนื่องจาก 1) ราคาไก่ที่อยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการนำเข้าไก่จากญี่ปุ่น และผลกระทบของการห้ามนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์จากสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2558 จากโรคระบาดไข้หวัดนก 2) ธุรกิจกุ้งที่เริ่มฟื้นตัว และ 3) ต้นทุนอาหารสัตว์ที่อยู่ในระดับตํ่า
JWD (10.7) : เก็งกำไรระยะสั้นจากราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง รวมทั้งตัวเลขการส่งออกที่จะประกาศวันนี้ (คาดว่าจะฟื้นตัวเทียบกับเดือน ก.ค.) ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสสามคาดว่าจะฟื้นตัวเทียบกับไตรมาส 2/59 นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากการร่วมทุนงานขนส่งทางอากาศ และซื้อธุรกิจห้องเย็นที่มาเลเซีย มูลค่า 2 พันล้านบาท
BCH (14.00) : คาดกำไร 3Q59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากช่วง high season และการรับรู้รายได้ประกันสังคมที่เลื่อนมาจากช่วง 2Q59 ทั้งนี้เราคาดกำไรปี 59 นี้ จะเติบโตก้าวกระโดดจาก การฟื้นตัวอย่างมากของ รพ. WMC การเติบโตของ รพ.ในเครือทั้งจำนวนผู้ป่ วยนอกและใน การขึ้นค่ารักษาพยาบาล และจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น
TPCH (24.56) : เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น จากโรงไฟฟ้ าแห่งที่ 4 (TSG) คาดว่าจะ COD ได้ในช่วง 3Q59 และโรงไฟฟ้ าอีก 2 โรง (PGP และ SGP) จะทยอย COD ในช่วงต้นปี 60 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจาก 1) การเปลี่ยนระบบการรับซื้อราคาของโรงไฟฟ้ าแห่งที่ 1 (CRB) จาก Adder เป็น Fit 2) โรงไฟฟ้ าที่ปัตตานีซึ่งอยู่ระหว่างการขอ PPA 3) การประมูลโรงไฟฟ้ าชีวมวลภาคใต้และรอบใหม่ๆ และ 4) การลงทุนโรงไฟฟ้ าพลังงานทางเลือกในต่างประเทศ
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
+ ครม.ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยโอนเงินเข้าบัญชีผู้ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการ 1,500-3,000 บาทต่อราย ผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี คาดใช้งบ 6.5 พันล้านบาท เกษตรกร 2.85 ล้านรายทั่วประเทศ พร้อมสั่ง ธ.ก.ส.ลดดอกเบี้ย-ปรับโครงสร้างหนี้ คาดเพิ่มสภาพคล่องในระบบ 5 ปี
+ ไฟเขียวโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางจิระ วงเงิน 2.9 หมื่นล้าน คาดเปิ ดประมูล ต.ค.นี้ พร้อมรับทราบ ร.ฟ.ท.กู้เงินไจกาดำเนินการรถไฟสายสีแดง ระยะที่ 3 ครม.เห็นชอบกรอบลงทุนรัฐวิสาหกิจปี งบ 60 วงเงิน 1.52 ล้านล้านบาท
+ “เอดีบี” ปรับเพิ่มจีดีพีไทยปีนี้โต 3.2% หลังเศรษฐกิจครึ่งปีแรกโตกว่าคาด อานิสงส์เบิกจ่ายภาครัฐ การบริโภคเอกชนขยายตัวดีสุดรอบ 3 ปี หวังการเมืองสงบ เศรษฐกิจโลกไม่ป่วน ดันจีดีพีปีหน้าโต 3.5% ด้าน “เอชเอสบีซี” ชี้สัญญาณ ลงทุนเอกชนเริ่มมาหลังนำเข้าหดตัวน้อยลง ขณะ “แบงก์ชาติ” ระบุส่งออก ส.ค.ดีขึ้น แต่ยังต้องดูต่อเนื่อง
+ กระทรวงท่องเที่ยวเตรียมชงแผนสนับสนุน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรับนักท่องเที่ยวกลุ่มความต้องการพิเศษผลักดันผ่าน ครม.กระตุ้นทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก รับศักยภาพตลาดใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 15%
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิ ดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร โดยหุ้นที่เกี่ยวกับผู้บริโภคและกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ หุ้นอะเมซอนนำตลาดดีดตัวขึ้น ขณะที่ชัยชนะของนางฮิลลารี คลินตันในการโต้วาทีครั้งแรกในวันจันทร์ช่วยหนุนตลาดหุ้นทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิ ดบวก 133.47 จุดหรือ 0.74% สู่ 18,228.30, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 13.83 จุดหรือ 0.64% สู่ 2,159.93 และดัชนี Nasdaq ปิ ดปรับตัวขึ้น 48.22 จุดหรือ 0.92% สู่ 5,305.71
- ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิ ดร่วงลงในวันอังคาร และเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดตํ่าสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์โดยดัชนีได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นธนาคารบางแห่ง โดยเฉพาะหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิ ดร่วงลง 10.37 จุด หรือ 0.15 % สู่ 6,807.67 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,768.86-6,865.45
+ ดัชนีนิกเกอิที่ตลาดหุ้นโตเกียวปิ ดเพิ่มขึ้นท่ามกลางภาวะซื้อขายผันผวนในวันอังคาร โดยฟื้นตัวจากระดับตํ่าสุดในรอบ 7 สัปดาห์ครึ่งที่เข้าทดสอบในช่วงเช้า หลังจากความเชื่อมั่นได้แรงหนุนจากมุมมองที่ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตชนะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันในการโต้วาทีนัดแรกทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิ ดตลาดเพิ่มขึ้น 139.37 จุด หรือ 0.84% ที่ 16,683.93 โดยฟื้ นตัวขึ้นจากระดับตํ่าสุดในช่วงเช้านี้ที่ 16,285.41 ซึ่งเป็นจุดตํ่าสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.
+ ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลง 2.7 % ในวันอังคาร หลังจากซาอุดิอาระเบียและอิหร่านทำลายความหวังในตลาดที่ว่า ทั้งสองประเทศนี้อาจจะสามารถประนีประนอมกันได้ในการประชุมที่กรุงแอลเจียร์สในสัปดาห์นี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ดิ่งลง 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.7% มาปิดตลาดที่ 44.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล