- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 27 September 2016 18:15
- Hits: 783
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไซด์เวย์ แรงซื้อฝั่งสถาบันช่วยจำกัดความเสี่ยง
KGI คาด SET วันอังคารแกว่งตัวแคบๆ และคงมองดาวน์ไซด์จำกัด แนะเข้าเก็งกำไร (วานนี้ดัชนีฯ แกว่งลง แย่กว่าคาดเล็กน้อย) เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นประเทศหลักๆ ปรับลงค่อนข้างแรง หลังนักลงทุนรอติดตามการดีเบตของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้ราคาหุ้นธนาคารทั่วโลกลงแรง หลังหุ้นดอยช์แบงก์ร่วง 7% ตามข่าวรัฐบาลเยอรมันไม่มีแผนช่วยเหลือธนาคาร กรณีคดีค่าปรับ 1.4 หมื่นล้านเหรียญฯ กับสหรัฐฯ ทั้งนี้เราไม่กังวลเรื่องนี้นัก เพราะฐานทุนของดอยช์แบงก์ยังสูงที่ 7 หมื่นล้านเหรียญฯ และหุ้นธนาคารไทยมีความเชื่อมโยงน้อยกับแบงก์ในยุโรป ด้านราคาน้ำมันรีบาวด์และจะยังผันผวนก่อนการประชุมโอเปกที่แอลจีเรียวันพรุ่งนี้ เราคงมอง SET มีทางลงจำกัด เนื่องจากแรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศ เพื่อปิดงวดบัญชีไตรมาส 3/59 น่าจะมีพอควรหลังสถาบันขายสุทธิค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
รับเสี่ยงได้เก็งกำไร TPCH, KTC*
TPCH (เป้าพื้นฐาน 22 บาท) 1) รูปแบบราคาเริ่มเกิดสัญญาณซื้อต่อเนื่องหลัง i) Breakout กรอบ Sideway และ ii) ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแบบ EMA ที่ 17.4 ขึ้นมาได้ ล่าสุดกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น 3 – 15 วัน เริ่มตัดขึ้น (Golden Cross) ราคาหุ้นวานนี้ปิดทดสอบแนวต้านที่เราประเมินไว้ที่ 18.3 บาท หากทะลุผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 19 บาท (กรณีไม่ผ่าน 18.3 บาท แนะนำ “ซื้อแนวรับ” 17.8 บาท) 2) ในเชิงพื้นฐานประเมินแนวโน้มกำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง 3 – 5 ไตรมาสติด จากการทยอย COD โรงไฟฟ้าชีวมวลที่มี PPA แล้วตามแผน 3) Catalyst ที่รออยู่คือการเปลี่ยนสัญญา LOI เป็น PPA (20MW ที่ จ.ปัตตานี)
KTC* (เป้าพื้นฐาน 160 บาท) 1) รูปแบบราคาแข็งกว่าตลาดฯ คาดแกว่งตัวในกรอบ Uptrend line channel ที่ 132 – 155 บาท โดยมีแนวต้านแรกที่บริเวณ 142.5 บาท 2) ฝ่ายวิจัยฯประมาณการฯกำไรเติบโต 18% ต่อปี CAGR 2558 – 2561 จากสมมติฐานสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่คาดต้นทุนเงินทุนคงที่ (คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายยังต่ำต่อเนื่อง) 3) ตอนนี้ PEG เท่ากับ 0.96 เท่า ยังต่ำกว่า 1 เท่า
หุ้นในกระแส
NDR (ยังไม่มีเป้า Consensus) แจ้งมติที่ประชุมบอร์ด i) แจกวอร์ 2:1 (โดยกำหนดอัตราการใช้สิทธิ 1:1 และราคาใช้สิทธิ 3.0 บาท) ii) มีมติลงทุนในธุรกิจผลิตยางล้อรถยนต์และยางล้อรถบรรทุก มูลค่าเงินลงทุน 300 ล้านบาท (ถือหุ้น 30%) ... วันนี้มีประชุมนักวิเคราะห์
หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสจะถูกทำ Window Dressing สูง: เราประเมินหุ้นที่นักลงทุนสถาบันถือหุ้นเยอะ + สภาพคล่องการซื้อขายไม่มากมีโอกาสที่จะถูกทำ Window Dressing ได้ไม่ยาก i) หุ้น Big cap เช่น AOT*, BJC* และ ii) หุ้น Medium-Small cap ได้แก่ CHG, RJH, TPBI, BR, SMPC, TPCH
หุ้นรับเทศกาลงานบุญ (LST, SALEE) เริ่มเทศกาลกินเจปีนี้ต้น ต.ค. และเริ่มเทศกาลออกพรรษา (เริ่มทอดกฐิน) กลาง ต.ค. จะเป็นช่วง High season ต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้อง อาทิ
1) LST (ยังไม่มีเป้า Consensus) คาดเครื่องดื่มน้ำนมถั่วเหลือง (ยี่ห้อ “Home Soy” ผลิตภายใต้ UFC บ.ลูกของ LST ถือหุ้น 99%) และสินค้าเครื่องดื่มน้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำมะพร้าวยี่ห้อ UFC จะรับอานิสงส์เทศกาลกินเจปีนี้ โดยกำไรจาก UFC ใน 1H59 คิดเป็น 65% ของกำไรรวม ดังนั้นเราประเมินราคา Laggard หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มด้วย PE ตอนนี้เพียง 11.6 เท่า (MALEE PE 25.2 เท่า / SAPPE PE 28.3 เท่า)
2) SALEE (เป้า Consensus 2 บาท) ธุรกิจที่เพิ่งซื้อเข้ามา (บ.เพชรสยามและบ.บงกชแก้ว) ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเครื่องสังฆทาน และพลาสติกเครื่องใช้ในบ้านเรือน (วางขายใน Modern trade อาทิ BIGC*, เทสโก้ โลตัส เป็นต้น) จะทำให้ผลการดำเนินงาน SALEE เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/59 (คาดเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน ก.ค.) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับแรก 1.47 บาท และถัดไปที่ 1.45 บาท แนวต้าน 1.60 บาท
หุ้นกองทุน Infrastructure fund ปันผลดี (DIF, JASIF) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ในช่วงภาวะตลาดฯผันผวน + ดอกเบี้ยต่ำ อาจพิจาณาเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำอย่างกองทุน Infrastructure fund ที่มีปันผลสูงรองรับ เช่น DIF (Consensus คาด Dividend yield 6.5%) และ JASIF (Consensus คาด Dividend yield 7.9%)
หุ้นมีข่าว
(+) พาณิชย์เผย ส่งออกเดือนส.ค.บวก 6.5%, คาดทั้งปี 59 ติดลบไม่เกิน 1% ส่งออกของไทยในเดือน ส.ค.มีมูลค่า 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยมีปัจจัยหลักจากการส่งออกรถยนต์ที่เติบโตสูง ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 1.5%YoY ดุลการค้าเกินดุล 2.13 พันล้านดอลลาร์ การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในเดือนส.ค. ลดลง 4.1%YoY เนื่องจากภาวะภัยแล้ง และการชะลอตัวของอุปสงค์โลก รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำตามทิศทางราคาน้ำมัน สินค้าส่งออกสำคัญที่ลดลง เช่น ยางพารา น้ำตาลทราย และ ข้าว ลดลง 31.9%, 21.4% และ 8.0% ตามลำดับ ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม กลับมาขยายตัว 9.0% โดยได้รับอานิสงค์จากการส่งออกยานยนต์ ที่ขยายตัวในระดับสูง โดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวสูง เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัว 40.4% เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ขยายตัว 44.5% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัว 25.0% การส่งออกในเดือนส.ค.ที่ขยายตัวสูงมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งออกในหมวดยานยนต์ ที่ไม่ได้ลงบันทึกในเดือนก.ค. จำนวน 370 ล้านดอลลาร์ และมาบันทึกเป็นการส่งออกในเดือนส.ค. แต่แม้หักการส่งออกยานยนต์ในส่วนนี้แล้ว การส่งออกในเดือนส.ค.ก็ยังขยายตัวถึง 4.4% การส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยังติดลบ 1.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่การนำเข้า ลดลง 8.8% ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์ (Bisnews) มูลค่าส่งออกปี 2559 มีแนวโน้มดีกว่าที่เราคาดไว้ที -2% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วน ขณะที่มูลค่าส่งออกในช่วงปลายปีจะกลับมาขยายตัวตามที่เราคาดไว้ก่อนหน้าเนื่องจากราคาน้ำมันดิบสูงกว่าปีก่อน ส่งผลให้ราคาส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป มูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวพันกับราคาคาน้ำมัน และ มูค่าส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น คาดว่าจะตลาดจะปรับคาดการณ์มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นและพร้อมกับปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัว GDP ปี นี้ขึ้นมาเท่ากับตัวเลขของเราที่ 3.4%
(+) CKP* เทรดสนั่นเก็งครึ่งปีหลังกำไรพุ่ง 300 ล. (ข่าวหุ้น) “CKP” เทรดสนั่นทำนิวไฮรอบ 18 เดือน วิ่งรับคาดการณ์งบครึ่งปีหลังกำไรพุ่ง 300 ล้านบาท เติบโต 53% จากปีก่อน เหตุรับผลบวกปริมาณน้ำโครงการน้ำงึม 2 สูงทะลัก ดันกำลังผลิตไฟฟ้าพุ่งกระฉูด
(0) TFD จ่อฮุบฮอทพอท ผู้บริหารรับสนใจแตกไลน์ธุรกิจใหม่ (กรุงเทพธุรกิจ) แจงเลื่อนขายรีทมูลค่า 2 พันล้านบาทเป็นต้นปีหน้า โบรกคาด 'ทีเอฟดี' เตรียมประกาศซื้อกิจการ "ฮอท พอท" ด้านผู้บริหารชี้เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และมีแผนแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป พร้อมยอมรับรายได้ปีนี้ พลาดเป้า 5,000 ล้านบาท หลังเลื่อนจัดตั้งกองรีท มูลค่า 2,000 ล้านบาท
(+) ITEL คืนหนี้ 600 ล.เดือนนี้ ดี/อีลดฮวบเหลือ1.1เท่า Q4 รอลุ้นประมูลงานกฟภ.มูลค่า 400 ล้าน (ข่าวหุ้น) “ITEL” เตรียมนำเงินไปชำระคืนหนี้ 600 ล้านบาทภายในเดือนนี้ กด D/E ลดฮวบเหลือ 1.1 เท่า จากเดิม 6.4 เท่า ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ 20 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 4/59 รอลุ้นประมูลงานกฟภ.มูลค่า 400 ล้านบาท ล่าสุดเซ็นสัญญากับ ADVANC ให้เช่าโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกในพื้นที่ภาคใต้ 21 จังหวัด
(0) “พิชญ์”รวบ JAS* ถือ 66% พรุ่งนี้ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ (ข่าวหุ้น) “พิชญ์” กว้านซื้อหุ้นไม่หยุด ทุ่ม 4,400 ล้านบาท เก็บหุ้น JAS เพิ่มเป็น 66.89% พร้อมรวบซื้อ JAS-W3 ถือเพิ่มเป็น 30.94% จับตาพรุ่งนี้ทำคำเสนอซื้อหุ้น JAS ขณะที่ JTS เทรดคึกคักหลังปลด SP วิ่งขึ้นสวนราคาเทนเดอร์ 1.50 บาท
(+) ANAN* มองอสังหาฯรุ่ง-ผุดคอนโดใหม่ (คมชัดลึก) "อนันดา" จับมือมิตซุย ฟูโดซัง ผุด 5 คอนโดแนวรถไฟฟ้า มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน เตรียมเปิดตัวปีหน้า มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 1.56 หมื่นล้าน ครึ่งแรกทำได้แล้ว 5,480 ล้าน เชื่อธุรกิจอสังหาฯ สดใส อานิสงส์รัฐลงทุนโครงการใหญ่
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้า Consensus 10.5 บาท ... เป้าสูงสุด 12 บาท) ประเมินแนวต้านปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 11.3 บาท และถัดไปที่ 12 บาท โดยมีแนวรับ 10.4 บาท และถัดไปที่ 10.2 บาท ... คาดผลตอบรับ iPhone7 ในไทยจะดีเป็นบวกต่อ COM7 (ประเมินผู้บริโภคจะยังกังวลต่อปัญหาแบตเตอรี่มือถือของคู่แข่งอย่าง Samsung ที่เกิดเหตุระเบิด ในทางกลับกันหาก Samsung กลับมาขายดี ก็จะเป็นบวกต่อยอดขายในร้าน Banana IT ของ COM7 อยู่ดี) + ผลการเป็นพันธมิตรกับ TRUE* คาดจะเริ่มเห็นผลในงบการเงินไตรมาส 3/59 (ขายเครื่องพ่วงซิม + เริ่มเข้าบริหาร TRUE shop)
TACC (เป้า Consensus 10.6 บาท) ประเมินแนวรับ 8.7 บาท และถัดไปที่ 8.55 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ที่แนวรับ และประเมินแนวต้าน 8.9 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 9.3 บาท ... ปลายเดือนนี้เริ่มวางขายสินค้าใหม่ในร้าน 7-Eleven อาทิสินค้า Hello Kitty และ โดนัท
TMT (เป้าพื้นฐาน 14.2 บาท) ประมาณการฯล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯคาดปันผลปีนี้ 1.6 บาท/หุ้น (คิดเป็น Dividend yield 12.3%) ... อย่างไรก็ดี คาดปันผลปีนี้มากเป็นพิเศษเพราะราคาเหล็กที่ฟื้นตัวแรงในไตรมาส 2/59 เป็นหลักดังนั้น ในปีหน้าคาดปันผลจะลดลงสู่ระดับปกติที่ ±6%
IFEC* (อยู่ระหว่างพิจารณาปรับประมาณการฯ) ในเชิงพื้นฐานประเมิน Replacement cost (หรือ Liquidation value) ที่ 6.1 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
TASCO* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 26.5 บาท (ปรับลงจาก 38.85 บาท) ประเมินอุปสงค์การใช้ยางมะตอยในตลาดส่งออกที่อ่อนแอกว่าคาด ส่งผลกระทบต่อปริมาณขายยางมะตอยปีนี้ต่ำกว่าคาด (ปรับลดประมาณการกำไรลง 24% สะท้อนประเด็นนี้) อย่างไรก็ดีปริมาณยอดขายและราคา ยางมะตอย ที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิปี 2560 ฟื้นตัวขึ้น 5.0% YoY และการที่ราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายไปแล้วและปัจจุบันเทรดที่ระดับ PE เพียง 11.9 เท่า ฝ่ายวิจัยฯจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐาน
ADVANC* อยู่ระหว่างปรับประมาณการฯ จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเด็นสำคัญคือ คาดกำไรไตรมาส 3/59 จะลดลงมาอยู่ที่ 7.6 พันล้านบาท (-21% QoQ และ -12% YoY) จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น (เช่น ค่าเช่าเสาสัญญาณและอุปกรณ์ของ TOT, ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตคลื่น 900MHz และอัตรากำไรจากการขายเครื่องโทรศัพท์มือถือจะลดลงจากการใช้โปรโมชั่นลดราคา) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯประเมินผลการดำเนินงานของ ADVANC จะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 4/59
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ยังอยู่ที่นัยรับ 1490 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1490 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1490-1472 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1490 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1490-1515 จุด
แนวรับวันนี้: 1490/1476 แนวต้านวันนี้: 1497/1506
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]