- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 September 2016 16:42
- Hits: 2187
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ (26/09/59)
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ก่อน (19-23 กันยายน 59)
SET ไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนเนื่องจากในช่วงต้นสัปดาห์นักลงทุนมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ย. โดยหลังจาก FED ประกาศยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยตลาดมีการตอบรับในเชิงบวกก่อนจะถูกขายทำกำไรออกมาหลังจากนั้น (หลังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้) โดยกลุ่มที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นได้แก่กลุ่มอาหาร (+2.25%WoW) และกลุ่มพลังงาน (+1.8%WoW) สรุป SET index ปิดที่ 1,492.88 จุด เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 13.81 จุด (+0.93%WoW)
ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้
(-) ราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาลงแรงกว่า 4% มาอยู่ที่ 44.48 US/Barrel จากการที่ซาอุดิอาระเบียกังวลว่า OPEC จะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการประชุมวันที่ 26-28 นี้ได้ กระทบดัชนีหุ้นทั้งสหรัฐ และยุโรป ที่ปิดไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงในทุกตลาดหลัก
(-) วันศุกร์นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ ในตลาดหุ้นไทยออกมา 624 ลบ. แต่ตลอดสัปดาห์ยังเป็น Net Buy อยู่เล็กน้อยที่ 44 ลบ.
(-) ธ.ก.ส. ปรับลดเป้าสินเชื่อโครงการ 1 ตำบล 1 SMEsเกษตรในปีนี้เหลือ 4 หมื่นลบ. จากเดิมตั้งไว้ที่ 7.2 หมื่นลบ. (YTDปล่อยสินเชื่อไป 2.5 หมื่นลบ.)
(+) SET ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับปัจจัยบวกจากผลการประชุม FOMC ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25%-0.5% หากแต่ช่วงปลายสัปดาห์ความกังวลปัจจัยในประทศ กดดันให้สัปดาห์ที่ผ่านมา SET บวกเพียง 14 จุด
(+) ดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาบวกไป 18%WoW มาอยู่ที่ 941 จุด หรือทำจุดสูงสุดในรอบ 11 เดือน
(+) ครม.เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะมีการช่วยเหลือสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย+ การช่วยเหลือเกษตรกรผ่านการปล่อยสินเชื่อ ธ.ก.ส.
(+/-) คุณพิชญ์ฯ ประกาศทำ Tender หุ้น JTS ที่ราคา 1.50 บาท (ต่ำกว่าราคาปิดล่าสุดที่ 1.66 บาท) หลังการเข้าซื้อหุ้น JAS เพิ่มทำให้สัดส่วนการถือ JTS เกินเกณฑ์ต้องทำ Tender Offer
(+/-) บอร์ด TOT อนุมัติในหลักการกำนดกรอบงบประมาณโครงการอินเทอร์เน็ตประชารัฐ วงเงิน 9.5 พันลบ. คาดดำเนินการภายใน 1ปี นับจากวันลงนามในสัญญา
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
การประชุมกลุ่ม OPEC+รัสเซีย เพื่อหาแนวทางในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน ในวันที่ 26-28 ก.ย. รวมทั้งติดตามท่าทีของอิหร่าน
ไทย จะมีการรายงานตัวเลขดุลการค้า ในเช้าวันจันทร์ที่ 26 ก.ย.
สหรัฐฯ จะมีรายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในวันนี้, วันอังคารรอดูรายละเอียดถ้อยแถลงของประธาน FED และยอดซื้อสินค้าคงทนเดือน ส.ค. ส่วนวันพุธมีตัวเลข GDP 2Q59 รอบสุดท้าย
เยอรมันสัปดาห์นี้จะมีรายงานตัวเลขอัตราการว่างงาน เดือน ก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. และตัวเลขเงินเฟ้อ
จีน จะรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิต, ส่วนญี่ปุ่น มีตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค. และอัตราการว่างงาน
ความคิดเห็น
คาดหมายการแกว่งตัว Side Way ของดัชนีในสัปดาห์นี้ โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงในวัน ศุกร์ จากการคาดหมายว่าจะไม่มีการลดกำลังผลิตจากการประชุม OPEC ในสัปดาห์นี้ จะกดดันราคาหหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่มองปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้นเพิ่มเติม
กลยุทธ์การลงทุน (26-30 กันยายน 59)
ประเมินดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้าง เพื่อรอปัจจัยใหม่ แนะนำ เก็งกำไรกลุ่มที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 เด่น เพื่อดักการเข้าสู่ช่วง Preview ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเช่น กลุ่มโรงพยาบาล และ BA ซึ่งได้ช่วง High Season ของเกาะสมุย หนุน หรือเก็งกำไรสั้น ในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง เช่น สายการบิน และ กลุ่มขนส่ง
วิเคราะห์ SET ประจำสัปดาห์ 26 -30 ก.ย. 59
สัปดาห์ที่ผันผวน
SET Closed 1,492.88 จุด
High: 1,506.70 จุด
Low: 1,467.55 จุด
Resistant: 1,498, 1,512
Support: 1,480, 1,466
SET ขึ้นทดสอบใกล้แนว 1,510 จุด เป็นสัปดาห์ที่สอง และไม่สามารถผ่านไปได้ ประกอบกับเกิด Overbought ในระยะสั้นกับเครื่องมือ F-stoch ส่งผลให้มีแรงขายกดดันให้มีการทิ้งตัวลง โดยกราฟแท่งเทียนก่อตัวเป็นรูป Engulfing เชิงลบ ซึ่งจะทำให้ทิศทางในระยะต้นสัปดาห์มีแนวโน้มของการอ่อนตัว และจะแกว่งตัวมากตลอดสัปดาห์นี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่กำลังฟอร์ม pattern ทำให้ผันผวนได้สองทิศทาง อย่างไรก็ตามการหลุด 1,480 จุดมีความเป็นไปได้ และจะทำให้อ่อนตัวเร็วขึ้น จึงต้องระมัดระวัง
กลยุทธ์
1. เน้นการซื้อเมื่ออ่อนตัว เก็งกำไรสั้นระหว่างวัน เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
2. หากหลุด 1,480 จุด ให้ถือหุ้นน้อยลง และหากหลุด 1,466 จุด ถือหุ้นน้อยที่สุด
3. หากปลายสัปดาห์สามารถกลับมายืนสูงกว่าราคาเปิดต้นสัปดาห์ ให้เพิ่มน้ำหนักหุ้น
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
BCH ราคาปิด 12.00 บาท
ผลประกอบการ WMC แข็งแรงขึ้นโดยมี EBITDA พลิกเป็นบวกในเดือน ก.ค.-ส.ค.
คาดผลประกอบการ 2H59 เติบโตจากช่วง 1H59 จากผลขาดทุนที่ลดลงจาก WMC และรายได้จากสำนักงานประกันสังคมที่คาดว่าจะสูงกว่าที่ BCH ตั้งเป็นรายได้ค้างรับไว้
การปรับราคายา และค่าธรรมเนียม LABS 5-10% ซึ่งเริ่มเดือน มิ.ย. หนุนผลประกอบการ
BCH
แนวรับ 11.80 บาท
แนวต้าน 13.80 บาท
กราฟ BCH อยู่ในระหว่างการฟื้นตัวจากแนว minor down trend เป็น minor up trend โดยมีสัญญาณการเด้งตัวเกิดขึ้นใน RSI และมีแนวทดสอบสำคัญที่ปลายไหล่ขวา บริเวณ 13 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไร
ทีมวิเคราะห์