- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 September 2016 15:50
- Hits: 948
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดยังมีโอกาสปรับขึ้น แต่อยู่ในกรอบจำกัด ภายใต้การปรับขึ้นของดัชนีในช่วง 2 วันที่ผ่านมา กว่า 30 จุด ซึ่งคาดได้สะท้อนปัจจัยหนุนจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะผลการประชุมทั้งของ BOJ และเฟด ไปแล้วระดับหนึ่ง และคาดการส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ของเฟด จะยังเป็นปัจจัยที่กลับมากดดันภาพรวมตลาดฯ อีกครั้ง โดยเฟดเหลือการประชุม 2 ครั้งในปีนี้ (1 – 2/11/59 และ 13 – 14/12/59)
ทางด้านประเด็นในประเทศ แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow โดย YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมของต่างชาติ เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 136,000 ล้านบาท ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคาดส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน พร้อมแนะติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปก และรัสเซีย อย่างไม่เป็นทางการ 26 – 28/9/59 ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน รวมถึง Window Dressing – 3Q/59 ที่จะมีการปิดงบในวันที่ 30/9/59
นอกจากนี้แนะติดตามหุ้นในกลุ่มค้าปลีก รวมถึงหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เน้นลูกค้าระดับล่าง – กลาง เช่น DCC และ DRT เป็นต้น ที่คาดได้รับประโยชน์จากการที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โดยลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่คาดช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
SET SET50 SET100
1,505.99 +18.82 961.13 +12.80 2,150.09 +29.68
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +98.76, NASDAQ +44.34, S&P +14.06 FTSE +76.63, CAC +100.27 และ DAX +237.69
ภายใต้ปัจจัยหนุน (1) เฟด มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% และส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ หลังปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น (2) ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด ลดลง 8,000 ราย อยู่ที่ 252,000 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่กลางเดือนก.ค. สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 262,000 ราย และ (3) กลุ่มพลังงานที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น
ขณะที่ได้รับปัจจัยลบบ้างจาก (1) ยอดขายบ้านมือสอง – ส.ค. อยู่ที่ 5.33 ล้านยูนิต ลดลง 0.9%MoM จาก 5.38 ล้านยูนิต เมื่อก.ค. และลดลงมากกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.45 ล้านยูนิต และ (2) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐ – ส.ค. ลดลง 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อก.ค.
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตในฝรั่งเศส – ก.ย. อยู่ที่ 103 เพิ่มขึ้นจาก 101 เมื่อส.ค. และดีกว่าที่คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 101
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ย. +US$0.98 อยู่ที่ US$46.32
ต่อบาร์เรล โดยยังได้รับปัจจัยบวกจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ล่าสุด ที่EIA เปิดเผยไปก่อนหน้า ซึ่งลดลง 6.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.15 1.92 3.14
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 46,459.72
สถาบัน 1,112.83
บัญชีหลักทรัพย์ 1,506.74
ต่างประเทศ 2,007.34
ในประเทศ -2,329.81
ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซีย อย่างไม่เป็นทางการ ในวันที่ 26 -28/9/59 ที่แอลจีเรีย ซึ่งจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามการเจรจาหลายครั้งก่อนหน้านี้ของกลุ่มฯ ไม่ประสบผลสำเร็จ
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$13.3 อยู่ที่ US$ 1,344.7 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากเฟด มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ซึ่งสามารถชดเชยปัจจัยกดดันจาก (1) ตัวเลขแรงงานข้างต้น ที่ดีกว่าความคาดหมาย และ (2) เฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ หลังปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้มีน้ำหนักมากขึ้น
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +2,007 ล้านบาท สะสม YTD +135,765 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 23 ก.ย. 2559
23/9/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT และกลุ่มเดินเรือ จาก Baltic Dry Index (BADI) ล่าสุดอยู่ที่ 937 จุด เพิ่มขึ้นจาก 756 จุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำจุดสูงสุดใหม่ในปีนี้
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 1.63% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.28 อยู่ที่ 12.02
หุ้นแนะนำ : SYNTEC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788