- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 September 2016 16:09
- Hits: 1138
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ ปัจจัยภายนอกยังหนุนฟันด์โฟลว์
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ขึ้นต่อ ฟันด์โฟลว์ยังแกร่งในช่วงสั้น ตามข่าวเฟด-บีโอเจ (วานนี้ฟื้นตัว ตามคาด) เมื่อคืนนี้เฟดโหวต 7:3 คงดอกเบี้ยระยะสั้น เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ KGI และตลาดคาด ทั้งนี้เฟดแถลงปรับลด GDP สหรัฐฯ ปีนี้จาก 2% สู่ 1.8% แต่ยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้และ dot-plot map ของเฟดมองปี 2560 จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง (ตามคาด) ด้านบีโอเจปรับกรอบนโยบายจากเดิมกำหนดปริมาณซื้อพันธบัตร มาเป็นการควบคุม yield curve แทน ทั้งนี้เงินบาทน่าจะแข็งขึ้นในช่วงสั้นและหนุนฟันด์โฟลว์ต่อไป ส่วนสัปดาห์หน้าคาดว่าประเด็นการลงทุนจะเปลี่ยนมาเป็นปัจจัยภายใน ได้แก่ i) การรายงานเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. ii) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ เน้นช่วยเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย iii) การทำ window dressing สำหรับไตรมาส 3/2559 ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นหลังสถาบันปรับพอร์ตขายสุทธิไปมากในช่วงครึ่งแรกของ ก.ย.
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร TACC / ซื้อสะสม COM7*
TACC (เป้า Consensus 10.6 บาท) 1) เราประเมินหุ้นกลุ่มการบริโภคในประเทศ (สินค้าบริโภคทั่วไป) จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าที่จะมีในปลายปีนี้ (รองนายกฯ ดร สมคิด สัมภาษณ์ นสพ กรุงเทพธุรกิจ) ... TACC ขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านช่องทางร้าน 7-Eleven 2) คาดสินค้าใหม่คือ i) สินค้า Hello Kitty และ ii) โดนัท (คาดจะมีการทำโปรโมชั่นคู่กับเครื่องดื่มของ TACC) จะวางขายปลาย ก.ย.นี้ในร้าน 7-Eleven กระตุ้นผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 3) ประเมินแนวต้านสั้น 8.9 บาท แนวรับ 8.70 บาท หากทะลุผ่านแนวต้านแรกที่ 8.9 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±9.3 บาท และ ±10 บาท ตามลำดับ
COM7* (เป้า Consensus 10.15 บาท ... เป้าสูงสุด 12 บาท) 1) วานนี้ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ ประเทศไต้หวัน ออกบทวิเคราะห์ Apple insight เผยผลสำรวจยอดจอง iPhone7 ดีกว่าคาด (ผลจากโทรศัพท์คู่แข่งอย่าง Samsung มีปัญหาทางเทคนิค แบตเตอรี่ระเบิด) ขณะที่หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Apple ในภูมิภาคปรับขึ้นหมดแล้ว แต่ COM7 ยัง Laggard 2) คาดผลตอบรับ iPhone7 ในไทยจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับต่างประเทศเป็นบวกต่อ COM7 3) ผลการเป็นพันธมิตรกับ TRUE* คาดจะเริ่มเห็นผลในงบการเงินไตรมาส 3/59 (ขายเครื่องพ่วงซิม + เริ่มเข้าบริหาร TRUE shop) 4) ประเมินแนวรับ 9.95 บาท แนวต้านแรกคือ 10.4 บาท หากทะลุผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป 11.3 บาท
หุ้นในกระแส
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (รับอานิสงส์ผลการประชุมเฟด) เราประเมินค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เป็นบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไร กลุ่มน้ำตาล (KSL) กลุ่มยางพารา (STA) กลุ่มน้ำมันปาล์ม (LST) กลุ่มเดินเรือ (TTA) กลุ่มโรงกลั่น (IRPC*)
หุ้นโรงไฟฟ้าขยะ (BWG, GENCO) กกพ จะเริ่มเปิดให้ยื่นเสนอขายไฟฟ้า (จากขยะอุตสาหกรรมฯ รวมกำลังการผลิต 50MW) ในวันที่ 22-28 ก.ย. 2559 คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มฯ แนะนำ “เก็งกำไร”
หุ้นส่งออกที่งบ 2H59 จะดี (CPF*, TCMC) เราประเมินผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ของหุ้นกลุ่มส่งออกจะโตเด่น (High season + หุ้นบางตัวมีประเด็นบวกเฉพาะตัว เช่น TCMC)
1) CPF* (เป้าพื้นฐาน 42 บาท) คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ได้อานิสงส์ราคาหมู + ไก่ โตแรง (วัตถุดิบอาหารสัตว์ลง) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 31.75 บาท แนวต้าน 33.5 บาท
2) TCMC (ยังไม่มีเป้า Consensus) คาดผลการดำเนินงาน 2H59 ยังโตจากการรับรู้รายได้ธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการมาในปลายปีที่แล้ว (ผลิตโซฟาที่ประเทศอังกฤษ) และการเตรียมเข้าซื้อธุรกิจผลิตโซฟาที่ประเทศอังกฤษเพิ่มเติมอีก (ประชุมผู้ถือหุ้นปลาย ต.ค.นี้ อนุมัติการเข้าซื้อ) ปัจจุบัน PE 11.9 เท่า และคาดจะลดลงอีกหลังการเข้าซื้อกิจการฯ แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 4.8 บาท แนวต้าน 5.25 บาท
หุ้นกองทุน Infrastructure fund ปันผลดี (DIF, JASIF) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ในช่วงภาวะตลาดฯผันผวน + ดอกเบี้ยต่ำ อาจพิจาณาเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำอย่างกองทุน Infrastructure fund ที่มีปันผลสูงรองรับ เช่น DIF (Consensus คาด Dividend yield 6.6%) และ JASIF (Consensus คาด Dividend yield 7.9%)
หุ้นมีข่าว
(+) Fed คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25-0.50% (The Federal Reserve) เป็นไปตามคาด โดยคณะกรรมการฯ มีมติ 7:3 ให้คงอัตราดอกเบี้ย แต่ส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานมีแนวโน้มดีขึ้น สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตแรงขึ้น การคงอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นผลมาจากอัตราการว่างงานเดือนสิงหาคมทรงตัวที่ 4.9% และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แต่ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะเข้าสู่ช่วงสูงสุดของปี (high season) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคมปีหน้า บวกกับอัตราเงินเฟ้อ core PCE ที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักๆที่ทำให้ Fed ตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 ธันวาคมที่จะถึงนี้ เราคาดว่าปีหน้า Fed จะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เพียง 2 ครั้ง ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ ไตรมาสที่ 4 ปี 2560 การที่ Fed คงอัตราดอกเบี้ยเมื่อคืนจะส่งผลค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ฯ มาทดสอบที่ 34.50 หรือ อาจจะต่ำกว่านั้นเล็กน้อย เป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ไทย แต่ค่าเงินบาทจะกลับไปอ่อนค่าลงเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนก่อนการประชุม FOMC วันที่ 13-14 ธันวาคม
(+) เอไอเอส (ADVANC*)-ทีโอที (TOT) บรรลุข้อตกลงทดลองใช้คลื่น 2100 ของ TOT หลังจากนี้อีก 6 เดือนจึงจะลงนามในสัญญาจริง โดยทีโอทีจะมีรายได้จากการให้ ADVANC ใช้คลื่นดังกล่าว 325 ล้านบาทต่อเดือน (ที่มา : ไทยรัฐ) เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น ADVANC เพราะจะทำให้มีคลื่นใช้ได้เพิ่มขึ้นอีก 15 MHz เป็น 55 MHz เท่ากับคู่แข่งอย่าง TRUE โดยคาดว่า ADVANC จะเอาคลื่น 2100 ของ TOT ไปให้บริการ 3จี เพื่อรองรับการใช้งานด้านดาต้าให้มีบริการที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งคาดจะช่วยให้มีความสามารถในการแข่งขันที่เข้มแข็งขึ้น และช่วยลดการอัตราการย้ายค่ายลง หลังมีคลื่นจาก TOT เข้ามาเสริมและมีบริการที่ดีขึ้น เรามองว่าหุ้น ADVANC ยังมีความน่าสนใจเพราะ 1) ราคาหุ้นยังมี upside 19% และ 2) คาดผลตอบแทนสำหรับปันผลช่วง 2H59 ที่ราว 3.2% ส่วนปี 60 คาดยังให้ yield ราว 5%
(+) กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กำหนดราคาขั้นต่ำราคาทัวร์จีน 1 พันบาท/หัว/วัน (บางกอกโพสต์) เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว แม้ในระยะสั้น (2-3 เดือนข้างหน้า) อาจเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวชะลอตัวลงบ้าง เนื่องจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญของไทยในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบดังกล่าว เราประเมินว่า ไม่รุนแรงต่อผู้ประกอบการสายบิน แต่อาจมีผลกระทบบ้างต่อผู้ประกอบการสนามบิน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่มาท่องเที่ยวไทยในรูปทัวร์ศูนย์เหรียญ ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นกลุ่มที่มากับเครื่องบินเช่าเหมาลำ (charter flight) จากจีน ซึ่งสัดส่วนประมาณ 3% ของปริมาณผู้โดยสารทั้งหมดของ AOT อย่างไรก็ตาม ในช่วง 4Q จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย ซึ่งยังเป็นปัจจัยหนุนที่แข็งแกร่งต่อภาพรวมการท่องเที่ยว เรายังแนะนำซื้อ AOT*, AAV* และ BA*
(+) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง; รถไฟไทย-จีนเตรียมเปิดประมูลบางส่วนเดือนพ.ย.และคาดจะเริ่มก่อสร้างเดือนธ.ค.นี้ (เนชั่น) แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่ามูลค่าการก่อสร้างที่สูงกว่า 1.7 แสนล้านบาท สำหรับการก่อสร้างช่วงแรก 3.5 กม.ช่วงสถานีกลางดง จากเส้นทางช่วงกทม/โคราช ระยะทางรวมทั้งหมด 250 กม จะไม่คุ้มค่าการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากตัดประเด็นดังกล่าวออกไป เราประเมินว่าการเริ่มก่อสร้างดังกล่าว จะช่วยให้รัฐบาลไทยและจีน สามารถเร่งหารือและนำไปสู่การประมูลในเส้นทางช่วงที่เหลือในปีหน้าได้ ดังนั้น ทิศทางของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ยังสดใส ทำให้เรายังคงน้ำหนัก “มากกว่าตลาด” และเลือก CK* เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม (ราคาเป้าหมาย 39.50 บาท)
(+) 'RJH' ซุ่มเจรจาซื้อกิจการ ต่อยอดรายได้ในอนาคต (ทันหุ้น) RJH วางแผนซื้อโรงพยาบาลต่อยอดรายได้ในอนาคต พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ขยายโรงพยาบาลและเปิดศูนย์ MRI รองรับผู้ป่วยเพิ่ม "นพ.วชิระ วุฒิกุลประพันธ์" มั่นใจผลงานครึ่งปีหลัง เติบโตกว่าครึ่งปีแรก รับไฮซีซันการันตีรายได้ปีนี้ตามเป้าหมาย เติบโต 10-15%
(+) 'TCMC' โชว์ผลงานฟ้าผ่า วางหมากเทกธุรกิจหนุนโต (ทันหุ้น) TCMC ลั่นผลงานครึ่งปีหลังโตเด่นเด้งรับช่วงไฮซีซัน ชี้กลุ่มโรงแรม-ห้างสรรพสินค้า-ศูนย์การบันเทิง-กลุ่มอสังหาเรียงคิวป้อนออเดอร์พรมเพื่อรีโนเวตสถานที่เพียบแถมรับทรัพย์ธุรกิจใหม่ DMM และ บุ๊กอัลสตันส์เต็มปี การันตีทั้งปี 2559 รายได้โตทะลุเป้า 25-30% ด้านผู้บริหาร "พิมล ศรีวิกรม์" เปิดเกมเทกโอเวอร์ต่อเนื่อง หวังยกระดับธุรกิจโตแกร่ง
(0) BH* ตื่นตัวสู้น้ำมันขาลง เพิ่มลูกค้ากลุ่มอินโดจีน จับมือ 36 พันธมิตรแทนซื้อกิจการ (โพสต์ทูเดย์) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ตั้งเป้ารายได้ปี 2560 โต 8-10% จากปีนี้รับรายได้ทรงตัว ลุยเปิดศูนย์เฉพาะทางใหม่เพียบ นายนำ ตันธุวนิตย์ กรรมการและผู้อำนวยการด้านบริหาร บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เปิดเผยว่า นายโรนัลด์ ลาเวเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่ม เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในเดือน ก.ย. 2559 และได้มอบนโยบายให้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนไข้ต่างชาติในกลุ่มอินโดจีน รวมถึงในกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 8-9% ของรายได้รวม ใกล้เคียงกับกลุ่มคนไข้จากตะวันออกกลาง
(0) “พิชญ์” เปิดหมดเปลือกยันไม่ขายหุ้น JAS* ออก ไม่ควบกิจการกับใคร-จ่อนำหุ้นซื้อคืนมาลดทุน (ข่าวหุ้น) “พิชญ์” เปิดใจหมดเปลือก ประกาศทำเทนเดอร์หุ้น JAS และ JAS-W3 รวมถึงช้อนซื้อหุ้นในกระดาน เหตุต้องการเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น JAS ให้มากขึ้น มองธุรกิจบรอดแบนด์อนาคตยังสดใส ยืนยันไม่มีแผนขายหุ้นหรือควบรวมกิจการกับใคร พร้อมเล็งนำหุ้นซื้อคืน 1,200 ล้านหุ้นมาตัดลดทุนเหมือนในอดีต
(+) WHA* เพิ่มมูลค่าบริษัทส่ง WHAUP เข้าตลท. (ข่าวหุ้น) “WHA” เพิ่มมูลค่ากิจการสูงขึ้น ดัน “WHAUP” ขายไอพีโอ 229.50 ล้านหุ้น คาดระดมทุนเฉียดหมื่นล้านบาท จ่อเข้าเทรดไตรมาส 1/60 ผู้บริหารลั่นนำเงินระดมทุนเคลียร์เงินกู้ซื้อ HEMRAJ เกลี้ยง กด D/E ลดเหลือ 1.2 เท่า จาก 1.8 เท่า
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
TMT (เป้าพื้นฐาน 14.2 บาท) ประมาณการฯล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯคาดปันผลปีนี้ 1.6 บาท/หุ้น (คิดเป็น Dividend yield 12.7%) ... อย่างไรก็ดี คาดปันผลปีนี้มากเป็นพิเศษเพราะราคาเหล็กที่ฟื้นตัวแรงในไตรมาส 2/59 เป็นหลักดังนั้น ในปีหน้าคาดปันผลจะลดลงสู่ระดับปกติที่ ±6%
IFEC* (อยู่ระหว่างพิจารณาปรับประมาณการฯ) ในเชิงพื้นฐานประเมิน Replacement cost (หรือ Liquidation value) ที่ 6.1 บาท
MONO (เป้า Consensus 3.82 บาท) ประเมินแนวรับ 3.0 บาท (Stop loss ถ้าต่ำกว่า 2.9 บาท) โดยมีแนวต้านแรก 3.12 บาท และต้านถัดไปที่ 3.2 บาท ... ประเมินการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ + เรตติ้งทีวีดิจิตอลของ MONO ที่ขึ้นมาเกาะอันดับที่ 4 (รองจาก WORK*) จะเป็นตัวหนุนผลการดำเนินงานใน 2H59
SMT (เป้าพื้นฐาน 8.25 บาท) ประเมินแนวรับ 5.7 บาท และถัดไปที่ 5.6 บาท โดยมีแนวต้านแรกที่ 6.05 บาท และถัดไปที่ 6.3 บาท ... ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H59 โตเด่นจากออเดอร์สินค้า High margin ทีเพิ่มขึ้น
TPCH (เป้าพื้นฐาน 22 บาท) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 17 บาท โดยประเมินแนวต้านแรกที่ 17.4 บาท (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แบบ EMA) หากผ่านได้มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 18.3 บาท ... ในเชิงพื้นฐานยังคงประเมินแนวโน้มกำไรจะทำนิวไฮ 3-5 ไตรมาสติดต่อกัน + Catalyst เพิ่มเติมเร็วๆนี้ คือการเปลี่ยนสัญญา LOI เป็น PPA (20MW ที่ จ.ปัตตานี)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มอสังหาฯ น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันแสดงว่าเรากำลังการก้าวเข้าสู่ช่วงที่สองของวัฏจักรขาขึ้นของตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับอุปทานที่เพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนเนื่องจากเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง เลือก AP* เป็นหุ้นเด่น เป้าพื้นฐาน 10.2 บาท
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1490 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1490 จุดนั้น อาจทรงลงในกรอบ 1490-1472 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1490 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1490-1511 จุด
แนวรับวันนี้: 1480/1472 แนวต้านวันนี้: 1490/1507
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]