WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'ซื้อ/ถือเมื่อ SET ไม่หลุด 1460'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลง 18.95 จุด ปิดที่ 1473.78 จากแรงขายทำกำไรหลังดัชนีปรับขึ้นต่อเนื่อง 5 วันทำการ (จากระดับปิด 1411.85 เป็น 1492.73 หรือ +5.7%) นักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.นำขายสุทธิ ส่วนต่างชาติพลิกกลับเป็นซื้อสุทธิ 1.8 พันล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิต่อ 1.3 พันล้านบาท
ตลาดหุ้น สัญญาน้ำมันดิบและทองคำเมื่อคืนนี้แกว่งแคบก่อนการประชุม FED และ BOJ ส่วนดัชนีค่าเงินดอลลาร์ยืนที่ 96+/- ทั้งนี้ตลาดประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 20-21 ก.ย.นี้ และรอฟังถ้อยแถลงเพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป (ทั้งในเรื่องระยะเวลาและจำนวนครั้งในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งตามผลสำรวจล่าสุดของบางสำนักออกมาว่า จำนวนครั้งในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปี 60 ลดลงจาก 3-4 ครั้งเป็น 2-3 ครั้ง ส่วนในปี 59 ราว 50-60% มองว่าจะปรับขึ้นครั้งเดียวในการประชุมเดือนธ.ค.59 เพราะสหรัฐจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเฟดน่าจะรอให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อนการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน) นอกจากนั้นตลาดยังรอดูว่า BOJ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอย่างที่หวังกันไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าผลประชุมออกมาตามคาดหรือแย่กว่าคาด ตลาดก็อาจมี Sell on fact แต่ถ้าดีกว่าคาดก็ปรับขึ้นต่อ ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป สำหรับในประเทศ ยังคงติดตามความคืนหน้าของการลงทุนภาครัฐ
กลยุทธ์ : ยังคงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ธุรกิจและกำไรยังเติบโตได้ดี ทั้งนี้เน้นเพื่อการเล่นเด้งตามรอบไว้ก่อน สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น LH
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นลบเล็กๆ แต่ยังไม่ทิ้งโอกาสรีบาวด์ก่อนลงต่ำ ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1480, 1490 จุด การอ่อนตัวจนหลุด 1460 จุดแนะนำให้ชะลอการลงทุน/ลดพอร์ตตาม เพราะมีโอกาสอ่อนตัวลงแรงได้
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่ คือ BAFS, JASIF, BWG ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BA, CPN, CKP, CPALL, TOP, CWT, AAV หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit -ไม่มี-

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
สหรัฐ : Core CPI เดือนส.ค.ยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2.0%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดย +0.2%MoM และ +1.1%YoY ในเดือนส.ค. หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค. โดยมีสาเหตุจากค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ที่พุ่งขึ้น สวนทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง สำหรับ Core CPI เดือนส.ค. +0.3%MoM และ +2.3%YoY ซึ่งเพิ่มจากก.ค.ที่ +2.2%YoY และสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของเฟดที่ 2.0% แล้ว

สหรัฐ : การเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนส.ค.ลดลงหลังเพิ่มมากใน 2 เดือนก่อน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลงมากเกินคาดในเดือนส.ค. โดย -5.8% สู่ระดับ 1.14 ล้านยูนิต หลังเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.19 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. สำหรับการอนุญาตก่อสร้างบ้าน -0.4% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.14 ล้านยูนิต ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.17 ล้านยูนิต

/- สหรัฐ : เฟดแอตแลนตาหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจใน 3Q59 หลังตัวเลข CPI และการสร้างบ้านซบเซา
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่าแบบจำลองการคาดการณ์ GDP Now แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้ม +2.9% ในไตรมาส 3/59 หลังเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และการเริ่มต้นสร้างบ้านของสหรัฐ (ก่อนหน้านี้โมเดลให้ค่าเป็น +3.0%)

ตลาดหุ้นสหรัฐ : แกว่งแคบก่อนการประชุม FED และ BOJ
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,129.96 จุด เพิ่มขึ้น 9.79 จุด หรือ +0.05% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,241.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.32 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.64 จุด หรือ +0.03% โดยตลาดจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 21 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ แม้คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้แต่ก็รอฟังถ้อยแถลงเพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้ นอกจากนั้นก็รอผลประชุม BOJ ด้วยว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมอย่างที่นักลงทุนคาดหวังไว้หรือไม่

ราคาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นเล็กน้อย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 43.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้สมาชิกกลุ่มโอเปกหลายประเทศมีทีท่าจะหาข้อตกลงเพื่อสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ซึ่งกลุ่มฯจะจัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกจากนั้น เลขาธิการโอเปกกล่าวว่ากลุ่มฯอาจจัดการประชุมพิเศษขึ้นอีกครั้งถ้ามีความคืบหน้าในการหารือช่วงการประชุมนอกรอบ

ราคาทองคำ : เคลื่อนไหวช่วงแคบ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,318.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาก่อนการประชุม FED

/- การเมืองสหรัฐ : ผลสำรวจชี้..."ทรัมป์"ทำคะแนนตีตื้นขึ้น
ผลการสำรวจของ CNBC Fed Survey พบว่าชัยชนะของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เริ่มมีคะแนนนิยมเพิ่มสูงขึ้น โดยผลการสำรวจนักเศรษฐศาตร์ นักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุน จำนวน 41 ราย พบว่า 51% คิดว่านางฮิลลารีจะชนะการเลือกตั้ง (ลดลงจากจำนวน 84% ที่สำรวจในเดือนส.ค.), 26% เชื่อว่านายทรัมป์จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง (เพิ่มขึ้นจาก 11%) อย่างไรก็ดีผู้ถูกสำรวจ 53% มองว่านโยบายของนางฮิลลารีและพรรคเดโมแครตส่งผลดีต่อตลาดหุ้นมีคะแนนเพิ่มขึ้น ขณะที่มองว่านโยบายของนายทรัมป์ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นมีคะแนนลดลง ในด้านคะแนะนิยม นายทรัมป์มีคะแนนนิยม 49% เพิ่มขึ้น 7 จุด ขณะที่ นางฮิลลารีมี 39% ลดลง 9 จุดจากก่อนหน้านี้

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
กลต.คุมเข้มทริกเกอร์ฟันด์
ทางก.ล.ต.เข้ามากำกับดูแลกองทุนทริกเกอร์ฟันด์มากขึ้น หลังพบทริกเกอร์ฟันด์กว่า 200 กองทุนทำผลตอบแทนไม่ถึงเป้า โดยกำหนดว่าบ.ล.จ.ห้ามการันตีผลตอบแทนและห้ามขายหน่วยลงทุนก่อนกำหนด รวมทั้งให้ปรับการ"โฆษณา-เปิดเผยข้อมูล" ของเพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าใจ "ลักษณะสำคัญ-ความเสี่ยง" ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยประกาศมีผลใช้บังคับ 1 ต.ค.59

/- กรมธนารักษ์ชงพัฒนา 2 โครงการมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท...กระทบกับ IMPACT
กรมธนารักษ์เผยว่าสิ้นปี 59 จะมีเงินลงทุนโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุขนาดใหญ่ 2 โครงการ มูลค่าราว 3.1-3.5 หมื่นล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ประกอบด้วยการพัฒนาที่หมอชิตเป็นขนส่งและอาคารพาณิชย์มูลค่าราว 2.6 หมื่นล้านบาท และปรับปรุงศูนย์ประชุมสิริกิติ์
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : การพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นบวกกับกรมธนารักษ์ แต่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อหลักทรัพย์บางแห่ง เช่น กองทุน IMPACT ทั้งนี้กองทุนฯเองมีโอกาสที่จะซื้อสินทรัพย์ใหม่จาก BLAND ได้ช้าออกไปจากแผนเดิมที่จะซื้อ 3 โครงการเข้ากองทุนฯภายในปี 60 สืบเนื่องจาก BLAND ได้ตัดสินใจขายที่ดินศรีนครินทร์ที่มูลค่า 13 พันล้านบาทออกไปให้ผู้ประกอบการอสังหาฯหลายราย ดังนั้น BLAND จึงมีความเพียงพอในกระแสเงินสดที่จะใช้ในระยะกลางแล้ว จึงยังไม่จำเป็นต้องรีบขายสินทรัพย์เข้าสู่ IMPACT และคู่แข่งขันคือศูนย์ประชุมนานาชาติสิริกิติ์จะมีการขยายพื้นที่ (QSNCC) เพิ่มเติม ซึ่ง N.C.C.เปิดเผยว่าปัจจุบันศูนย์มีพื้นที่ให้เช่า 25,000 ตารางเมตร จะขยายเพิ่มเป็น 100,000 ตารางเมตร (ปัจจุบัน IMPACT มีพื้นที่ให้เช่า 122,165 ตารางเมตร) โดยใช้เวลาก่อสร้างและพัฒนาประมาณ 2-3 ปี และใช้เงินลงทุนประมาณ 6 พันล้านบาท ทำให้ IMPACT มีโอกาสจะสูญเสียส่วนครองตลาดได้ในอนาคตเมื่อส่วนขยายศูนย์สิริกิติ์แล้วเสร็จ ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำเต็มมูลค่า (Fully Valued) สำหรับ IMPACT ให้ราคาพื้นฐาน 14.60 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF (WACC 6.5%)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

BSP

 

adsoptimal100

paidtoclick copy

 

  

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!