- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 September 2016 18:26
- Hits: 935
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
รอการตัดสินใจของสองธนาคารกลาง
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ โดยนักลงทุนรอผลการตัดสินใจจากการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของสองธนาคารกลางหลักของโลก คือ Fed และ BOJ สำหรับการตัดสินใจของ Fed กว่าจะทราบผลจะเป็นหลังตลาดหุ้นไทยปิดทำการแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่เชื่อกันว่า Fed จะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในครั้งนี้ แต่โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะสร้างความประหลาดใจและหลายคนก็เชื่อเช่นนั้น เห็นได้จากการที่ตลาดผันผวนมาในระยะนี้ ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิตัล หรือมาตรการเงินกู้ผู้สูงวัยโดยใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
หุ้นเด่นวันนี้ : GPSC (ราคาปิด 35.50 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 37.07 บาท)
เราเลือก บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยกลยุทธ์ Defensive play จากลักษณะของรายได้และกระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอของบริษัทฯ รวมถึงอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังน่าสนใจ ก่อนทราบผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่นในช่วงสัปดาห์นี้ นอกเหนือจากลักษณะของผลประกอบการที่มีความเสี่ยงต่ำแล้ว คาดกำไรสุทธิของ GPSC จะยังเติบโตโดดเด่นอย่างมั่นคงในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า จากกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปีสู่ระดับ 2,800 เมกะวัตต์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จากระดับกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 1,370 เมกะวัตต์ที่ดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว โดยปัจจุบัน GPSC ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ที่รอพัฒนาและก่อสร้างในช่วง 2-3 ปีจากนี้แล้วทั้งสิ้น 550 เมกะวัตต์ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งหลังจากการทำ IPO เมื่อปีที่แล้วเชื่อว่าจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ จากประมาณการกำไรของ Bloomberg consensus คาดว่าจะเห็น EPS ปีนี้เติบโตโดดเด่น 23% YoY
และต่อเนื่องอีก 22% YoY ในปีหน้า และ 25% YoY ในปี 2561 สนับสนุนจากการทยอยผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าในมือ นอกจากการเติบโตดังกล่าวแล้วยังสามารถให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลยังน่าสนใจที่ระดับราว 3.5-4.0% ต่อปี ที่ระดับราคาปัจจุบัน ในส่วนของ Price Pattern ของ GPSC ยังมีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เท่านั้นก็จะเป็นการยืนยันถึงการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มรูปแบบ จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal นั่นเอง โดย Price Pattern ของ GPSC จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 37 บาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ GPSC มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 37.75 บาท โดย GPSC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 31.75 บาท (แนวต้าน: 36.00, 36.50, 37.25; แนวรับ: 35.00, 34.25, 33.75)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
เตรียมจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ไทยแลนด์ในปี 2561 ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ มีแผนจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ไทยแลนด์ (Digital Thailand Infrastructure Fund) โดยคาดว่าจะจัดตั้งได้ในปี 2561 มูลค่าเริ่มต้น 2.0 หมื่นล้านบาท ที่จะมาจากโครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้รับการอนุมัติจากครม. และคาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปี 2560 และโครงการเคเบิ้ลใต้น้ำมูลค่า 5 พันล้านบาท (The Nation/InfoQuest)
รัฐบาลต้องการให้ดาวเทียมของ THCOM (20.90 บาท, ถือ, ราคาเป้าหมาย 40 บาท) กลับมาอยู่ภายใต้ระบบสัมปทานแทนที่จะเป็นระบบใบอนุญาต รองนายกฯ ประจินกล่าว โดยคิดว่าส่วนต่างระหว่างสัมปทานกับใบอนุญาตเดิมนั้นกว้างไป ก.ดิจิทัลจะเรียก THCOM มาเจรจาเรื่องโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ในเดือนหน้า เขากล่าวว่าถ้า THCOM ไม่เห็นด้วยกับโครงสร้างรายได้ใหม่ก็อาจเจรจาประนีประนอมได้ (Bangkok Post) ความเห็น: แม้รัฐบาลจะเปิดให้เจรจาได้ แต่สถานการณ์ก็ดูแย่ลง จากการที่รัฐแสดงเจตนาชัดเจนขึ้น แสดงว่ามีโอกาสมากขึ้นที่จะนำธุรกิจดาวเทียมกลับเข้าระบบสัมปทาน ถ้าเป็นเช่นนั้น THCOM น่าถูกกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น
เตรียมสรุปรายละเอียดของเงินกู้จำนองแบบย้อนกลับ (Reverse mortgage) สำนักงานเศรษฐกิจการคลังกำลังหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในรายละเอียดและกฎเกณฑ์ของเงินกู้จำนองแบบย้อนกลับ ซึ่งสามารถให้ผู้สูงอายุที่มีบ้านเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง สามารถกู้เงินโดยนำบ้านมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งจะใช้แทนการจ่ายเงินต้นคืนเมื่อเสียชีวิต หลังจากมองเห็นว่าสังคมผู้สูงอายุกำลังเพิ่มมากขึ้น โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารออมสินจะเป็นผู้ให้กู้ดังกล่าว (Bangkok Post)
ต่างประเทศ :
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันอังคาร จากเทรดเดอร์เข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวมากขึ้นเพราะมีความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ส่วนต่างระหว่างพันธบัตรอายุ 5 ปี และ 30 ปี แคบลงเล็กน้อยอยู่ที่ 123 bps หลังจากหดตัวอยู่ที่ระดับ 120 bps ในช่วงเช้าของวันอังคาร ทั้งนี้ ส่วนต่างดังกล่าวได้ขยายถึงที่ระดับ 130 bps ซึ่งเป็นส่วนต่างที่กว้างที่สุดนับแต่วันที่ 27 มิ.ย. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนจำกัดความเคลื่อนไหวก่อนทราบผลการประชุมของบีโอเจและเฟด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 0.15% อยู่ที่ระดับ 95.995 ใกล้ระดับที่ 96.108 เมื่อวันศุกร์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 1 ก.ย. ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินสกุลหลัก 6 สกุลแต่เพิ่มขึ้นเมื่อคิดเป็นอัตราร้อยละในรอบ 1 วันนับแต่ปลายเดือนก.ค. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันอังคาร เนื่องจากหุ้นกลุ่มบริการด้านสุขภาพปรับตัวขึ้นสวนกับหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงก่อนจะทราบผลการประชุมของเฟดและบีโอเจ (Reuters)
ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านลดลงเกินคาดในเดือนส.ค. เนื่องจากการสร้างบ้านลดลงหลังจากเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน แต่การขออนุญาตสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นบ่งบอกถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงแข็งแกร่ง ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในเดือนส.ค. ดิ่งลง 5.8% สู่ระดับ 1.14 ล้านยูนิต ใบขออนุญาตสร้างบ้านลดลง 0.4% อยู่ที่ระดับ 1.14 ล้านยูนิตในเดือนก่อนเนื่องจากใบขออนุญาตก่อสร้างอาคารอยู่อาศัยรวม (Multi-family) ที่ได้รับการอนุมัติลดลง 7.2% สู่ระดับ 402,000 ยูนิต ส่วนใบขออนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวซึ่งเป็นส่วนใหญ่ที่สุดของตลาดที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้น 3.7% อยู่ที่ระดับ 737,000 ยูนิต นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขเริ่มสร้างบ้านจะลดลงอยู่ที่ระดับ 1.19 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. และใบขออนุญาตก่อสร้างบ้านจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.17 ล้านยูนิต (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลและจับตาต่อผลการประชุมกำหนดนโยบายทั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามหุ้นอิตาลีปรับตัวลดลงมากที่สุดท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่อการลงประชามติต่อแผนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของประธานาธิบดี Matteo Renzi (Reuters)
เอเชีย :
ยอดส่งออกของญี่ปุ่นลดลง 9.6% YoY ในเดือน ส.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ยังไม่ได้นับรวมผลของอุปสงค์จากต่างประเทศที่ซบเซา การลดลงดังกล่าวมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าลดลง 4.8% ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องจากเดือน ก.ค.ที่ลดลง 14.0% ขณะที่การนำเข้าลดลง 17.3% ในเดือน ส.ค.เทียบกับประมาณการเฉลี่ยที่คาดว่าลดลง 17.8% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 18.7 พันล้านเยน (184 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เมื่อเทียบกับประมาณการเฉลี่ยที่คาดว่าจะเกินดุล202.3 พันล้านเยน เป็นขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน (Reuters)
ประเทศจีนตั้งเป้าหมายที่จะรักษาโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ นายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง กล่าวอย่างมั่นใจว่าในไตรมาสที่สามของปีนี้หรือจนกว่าจะสิ้นปีนี้ เศรษฐกิจของจีนจะรักษาโมเมนตัมของการเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายการเติบโตของจีนในปีนี้คือ 6.5%-7.0% โดยในไตรมาส 2/59 เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.7% YoY (Reuters)
ราคาบ้านใหม่โดยเฉลี่ยใน 70 เมืองใหญ่ของจีนเพิ่มขึ้น 9.2% YoY ในเดือน ส.ค. และเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.9% ของเดือน ก.ค. ในขณะที่มีกำไรที่แข็งแกร่งนี้ก็ยังมีความกังวลต่อการเจริญเติบโตที่ไม่สม่ำเสมอในตลาดที่อยู่อาศัยของบางเมือง ซึ่งบางเมืองก็เพิ่มขึ้นบางเมืองก็ลดลง แต่ข้อมูลโดยรวมบ่งชี้ถึงความเชื่อที่ว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่ภาคอุตสาหกรรมของประเทศจีนที่ยังมีการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวกวังอังคาร ด้วยความหวังว่าท่อส่งเบนซินหลักของประเทศน่าจะกลับมาใช้การได้หลังมีการรั่วไหลกว่าหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยหนุนอุปสงค์ได้ ขณะที่ Brent ร่วงเนื่องจากมีข้อกังขาว่าจะบรรลุข้อตกลงการควบคุมปริมาณผลิตน้ำมันได้หรือเปล่า Brent ลบ 7 เซนต์ ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 14 เซนต์ ปิดที่ 43.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลและเบนซินล่วงหน้าราคาลดลง 4% หลัง Colonial Pipeline Co กล่าวว่าจะเริ่มเดินท่อส่งเบนซินในวันพุธ (Reuters)
ราคาทองคำทรงตัวเมื่อวันอังคาร เนื่องจากการประชุมนโยบายของเฟดได้เริ่มขึ้นแล้วและนักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ย ราคาทองคำ (spot gold) เพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 1,314.54 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยโดยเพิ่มขึ้น 0.03% อยู่ที่ 1,318.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094