- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 September 2016 18:06
- Hits: 670
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : THANI
Our Portfolio Sep 2016 : ARROW, BCH, BJC, BLA, KTC
แม้ SET จะย้อนลงแรง แต่มองเป็นการพักเพื่อรอขึ้นต่อ จึงถือรอบวกได้
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET มีจังหวะปรับลง หลังจากหลายวันที่ผ่านมาดัชนีขยับขึ้นมาค่อนข้างเร็วและแรงพอควร โดยคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงขายลดความเสี่ยง เพื่อรอลุ้นผลประชุมเฟดในค่ำวันนี้(21 ก.ย.) อีกครั้ง รวมทั้งความกังวลของนักลงทุนหลังจากเห็นแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในวันก่อนหน้าประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังค่อนข้างผันผวนและอ่อนตัวด้วย
แนวโน้มตลาดวันนี้ : ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนขณะที่ SET เริ่มมีแรงขายกดดันบ้างวานนี้ ทำให้ FSS คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังมีสิทธิแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามความคาดหวังที่ว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนในการประชุมค่ำนี้ ยังช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปบางส่วนปิดเป็นบวกได้ รวมทั้งยังมีลุ้นผลประชุม BOJ ที่อาจช่วยหนุนตลาด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มบวกกลับขึ้นได้บ้าง จากคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจจะบรรลุข้อตกลงเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมันได้ ทำให้มีแนวโน้มที่กรอบลบของ SET จะเริ่มจำกัดมากขึ้น และมีลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับไปแกว่งด้านบวกได้ดีขึ้นอีกครั้งตามคาด
กลยุทธ์ : หลังจาก SET ปรับตัวลงเพื่อลดความร้อนแรงจากการรีบาวด์ช่วงสัปดาห์เศษที่ผ่านมาลงไปพอควร คาดว่าจะเริ่มทรงตัวได้และลุ้นดีดขึ้นใหม่ดังนั้นตลาดอ่อนตัว-ซื้อต่อ แล้วเน้นถือเพื่อรอรอบบวกใหญ่ต่อไป
แนวรับ 1472-1466 , 1460-1455 จุด
แนวต้าน 1476-1482 , 1485-1488 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AUCT, TTA(buy back) , VNG(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$131ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$88ล้าน ไทย US$51ล้าน และไต้หวัน US$36ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$34ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางชะลอการลงทุนชั่วคราวเพื่อรอผลประชุม Fed ที่จะจบในคืนวันนี้ ตลาดส่วนใหญ่คาดว่า Fedจะคงอัตราดอกเบี้ย ส่วน BOJ จะมีการประชุมในวันนี้เช่นกัน นักลงทุนส่วนใหญ่จึงมีท่าทีไปในเชิงระมัดระวังเพื่อรอผลการประชุมก่อน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) ทิศทางตลาดระยะสั้นขึ้นกับผลการประชุม Fed และ BOJ ว่าจะเป็นไปตามที่ตลาดคาดหรือไม่ สำหรับ BOJ ตลาดคาดว่าจะลดดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้น (ปัจจุบัน -0.1%) และเพิ่ม QE (ปัจจุบัน 80 ล้านล้านเยน) แต่นักลงทุนควรเผื่อใจเพราะดอกเบี้ยที่ติดลบยาวนาน เป็นลบต่อภาคสถาบันการเงินมาก ส่วน Fed ตลาดคาดคงดอกเบี้ยรอบนี้ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันในเดือน ธ.ค. (ตลาดคาดมีโอกาสสูง 58%) ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจะเกิดขึ้นต้น พ.ย. จากนี้ไปกระแสเงินทุนจากต่างชาติอาจไม่หนาแน่นเหมือนเดือน ก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา แต่เรายังมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยด้วยFundamental ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และดอกเบี้ยที่ติดลบในตลาดต่างประเทศยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในเอเชีย รวมถึงไทย
• (0) สินเชื่อแบงก์ยังทรงๆในเดือน ส.ค. SCB มีสินเชื่อ +0.08% M-M (+1.03%YTD) ส่วนสินเชื่อ BBL +0.3% M-M (+0.76% YTD) เราคาดการเติบโตของสินเชื่อSCB +5% ในปีนี้และ +6% ปีหน้า โดยจะโดดเด่นมากใน 3Q16 จากดีลที่ปล่อยกู้ให้กับJAS (คิดเป็น 2% ของสินเชื่อรวม) ในเดือน ก.ย. นี้ ยังคงแนะนำซื้อ SCB ราคาพื้นฐานปีหน้า 190 บาท ส่วน BBL เราคาดสินเชื่อปีนี้โตเพียง +3% และปีหน้า +4% แม้ว่าเราจะชอบน้อยกว่า SCB แต่ด้วย PBV ปี 2017 ที่ต่ำเพียง 0.8 เท่า จึงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 200 บาท
• (+) THANI แม้เราจะคาดว่ากำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งใน 3Q16 และ4Q16 ตามยอดจดทะเบียนรถบรรทุกใหม่ที่มีโมเมนตัมดี แต่อัตราการเติบโตไม่ได้สูงจนน่าตื่นเต้น เราคาดกำไร 3Q16 +3% Q-Q, 4% Y-Y เพราะการตั้งสำรองฯยังสูงกว่าปกติแต่ยังคงคาดกำไรทั้งปีนี้ +18% และปีหน้า +7.8% การฟื้นตัวของการลงทุน การก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน และการค้าชายแดน เอื้อต่อสินเชื่อของ THANI โดยตรงเราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 6.20 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
• (+) K พรุ่งนี้ (22 ก.ย.) จะขึ้น XD จ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ +เงินสด 0.006 บาท เป็นปันผลของผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกปีนี้ แม้จะคิดเป็น Yieldเพียง 1% แต่หลังจากนี้น่าจะได้เห็นการจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งทั้งรูปแบบของหุ้นและเงินสดตามกำไรที่เริ่มขยายตัวในอัตราเร่ง เราคาดกำไรปี 2017-18 โตเฉลี่ย 28% จากงานShop brand ตามห้างที่เปิดใหม่เช่น Icon Siam, กลุ่มเดอะมอลล์, กลุ่มเซ็นทรัล, และกลุ่ม TCC ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PE 13.7 เท่า ถูกกว่ากลุ่มที่ 25 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานปีหน้า 8.80 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20-21 ก.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
21 ก.ย. - ไทย: ยอดขายรถ (ส.ค.)
- BOJ ประชุม
22-28 ก.ย. - ไทย: กกพ.ให้ยื่นขายไฟโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมไม่เกิน 50 MW
22 ก.ย. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
23 ก.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ย.)
24 ก.ย. - ไทย: ดุลการค้า (ส.ค.)
26 ก.ย. - สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ส.ค.)
27 ก.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราการใช้กำลังการผลิต (ส.ค.)
28 ก.ย. - สหรัฐ: คำสั่ง ซื้อสินค้าคงทน (ส.ค.)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปิดบวกได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯที้จะเสร็จสิ้นในวันนี้
(0) ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทรงตัวเช่นกันโดยนักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยจับตาดูผลการประชุมBoJ ในวันนี้รวมถึงการประชุม FED ในช่วงดึก
(+) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวค่อนมาในทางแข็งค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70-34.78 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.14ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 43.44 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นเรื่องกลุ่ม OPEC ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงในการตรึงกำลังการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ขยับขึ้น 0.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,318.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซาโดยตลาดจับตาดูผลการประชุม FED ในคืนวันนี้
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research