- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 September 2016 17:18
- Hits: 1815
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
จุดสนใจอยู่ที่ Fed และ BOJ
คาดว่าหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยวันนี้ นักลงทุนระมัดระวังและรอเฝ้าดูผลการประชุมของสองธนาคารกลางหลักของโลก คือ Fed และ BOJ ซึ่งเริ่มวันนี้ ตลาดลงความเห็นว่า Fed จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในขณะที่ BOJ จะหยุดการขยายมาตรการ QQE แต่จะหันไปมุ่งเน้นนโยบายดอกเบี้ยและมาตรการเสริมที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวขยับขึ้นในขณะที่ดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงต่ำอยู่ ปัจจัยภายในประเทศส่วนใหญ่เป็นบวกวันนี้ตัวเลขขอจดทะเบียนธุรกิจใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์บ่งชี้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของ SMEs ดีขึ้นมากเป็นสัญญาณดี ในขณะที่การท่องเที่ยวไตรมาส 4 มีแนวโน้มสดใสอันเป็นมุมมองของผู้สันทัดกรณี ซึ่งหมายความว่า เหตุระเบิดภาคใต้ก่อนหน้านี้มีผลน้อยมาก
หุ้นเด่นวันนี้ : KKP (ราคาปิด 50.25 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 55.50 บาท)
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นแนะนำในวันนี้เนื่องจากการคาดการณ์ของการเติบโตของกำไรอย่างแข็งแกร่ง มีอัตราเงินปันผลตอบแทนค่อนข้างน่าสนใจ และยังมีค่า Beta ของหุ้นที่ต่ำเพียง 0.82 ถึงแม้ว่า KKP จะประสบกับปัญหาสินเชื่อหดตัวถึง 2 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 57 แต่ธนาคารคาดว่าสินเชื่อปีนี้จะฟื้นตัวโดยจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งธนาคารวางแผนที่จะขยายสินเชื่อรายย่อย เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ด้วยกลยุทธ์ผ่านตัวแทนขายตรงทั้งการขายทางโทรศัพท์และแบบตัวต่อตัว นอกจากนี้ สินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อ Lombard จะเป็นอีกตัวขับเคลื่อนหนึ่งสำหรับการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ เราคาดการณ์กำไรปี 59 จะเติบโตถึง 32.7% ซึ่งส่วนหนึ่งหนุนโดยราคารถยนต์มือสองที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ธนาคารสามารถบันทึกกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายได้ ก่อนที่กำไรในปี 60 จะลดระดับมาเติบโตที่ 9.2% อีกทั้ง หุ้น KKP ยังมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจมากที่ 5.6% Price Pattern ของ KKP ยังมีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เท่านั้นก็จะเป็นการยืนยันถึงการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มรูปแบบ จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal นั่นเอง โดย Price Pattern ของ KKP จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 52 บาท ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KKP มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 54.75 บาท โดย KKP มีจุด Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 47.50 บาท (Resistance: 50.50, 51.00, 51.50; Support: 49.75, 49.25, 48.75)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ จากรายงานล่าสุดของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จำนวนการจดทะเบียนธุรกิจใหม่เดือน ส.ค. ขยายตัว 26% YoY ซึ่งนับเป็นการขยายตัวมากที่สุดในปีนี้ จากแรงหนุนของการใช้มาตรการกระตุ้นต่างๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีต่างๆ รวมไปถึงพรบ.หลักประกันธุรกิจที่เห็นชอบให้ผู้ประกอบการ SME ขนาดเล็กสามารถใช้สินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน (Bangkok Post) ความเห็น: ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการก่อสร้าง สอดคล้องกับการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กำลังจะมาถึง และยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น
3 กระทรวงเซ็น MoU ในโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (Megafarm) กระทรวงพาณิชย์วานนี้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยในแผนการพัฒนาและสนับสนุนแบบครบวงจรในการพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (Megafarm) ให้เกษตรกร ตั้งเป้าครอบคลุมพื้นที่กว่า 800,000 ไร่ ใน 426 แปลงภายในปีนี้ โดยการสนับสนุนจะประกอบไปด้วย การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลิตภาพ รวมไปถึงการทำการตลาดและขายข้าว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้จัดหาผู้ที่สนใจจะเข้ามาซื้อ (Bangkok Post)
จำนวนนักท่องเที่ยวคาดเติบโตก้าวกระโดดในไตรมาสสุดท้าย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดจำนวนนักเที่ยวในไตรมาส 4/59 จะพุ่งสูง 17.8% YoY หนุนโดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตัวเลขที่สดใสนี้แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ระเบิดในภาคใต้ตอนกลางและตอนล่างของประเทศในช่วงที่ผ่านมามีผลกระทบที่จำกัด (Bangkok Post) ความเห็น: ผลประกอบการของกลุ่มท่องเที่ยวน่าจะยังดูสดใสในไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น และกลุ่มดังกล่าวยังดูน่าสนใจสำหรับการลงทุนอีกด้วย
ต่างประเทศ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันจันทร์ หลังจากเทรดเดอร์ได้บันทึกกำไรที่เกิดจากอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในช่วงก่อนหน้า ก่อนการประชุมนโยบายทางการเงินของเฟดและของธนาคารกลางญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปิดเพิ่มขึ้น 2/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.694% ลดลง 0.7 bps จากเมื่อวันศุกร์ ส่วนต่างระหว่างพันธบัตรอายุ 5 ปี และ 30 ปี หดตัวอยู่ที่ 124 bps หลังจากถึงที่ระดับ 130 bps เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนต่างที่กว้างที่สุดนับแต่วันที่ 27 มิ.ย. (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อวันจันทร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เทียบกับเงินสกุลหลัก ๆ เมื่อวันศุกร์เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าการดำเนินการใด ๆ ของบีโอเจในสัปดาห์นี้จะไม่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงและเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบื้ย ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปิดลดลง 0.30% อยู่ที่ระดับ 95.822 หลังจากที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 วันที่ 96.108 เมื่อวันศุกร์ เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.49% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.78 เยน ส่วนเงินยูโรแข็งค่าขึ้น0.22% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1178 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับลงเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันอังคารและพุธนี้รวมทั้งการโต้วาทีครั้งแรกของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันจันทร์หน้า หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นสวนกับหุ้นแอปเปิลที่ร่วงลง ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปิดลดลง 0.1% แม้ว่าราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในระหว่างการซื้อขาย (Reuters)
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐฯ (NAHB) อยู่ที่ระดับ 65 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 60 และสูงกว่าดัชนีในเดือนส.ค. ที่ระดับ 59 (Reuters)
ยุโรป:
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวสูงขึ้นปานกลาง หลังจากปรับตัวลดลงในรายสัปดาห์ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ล่าสุด นำโดยการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นหลังเวเนซูเอลาออกมาเปิดเผยว่ากลุ่ม OPEC และผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อื่นๆ สามารถตกลงกันในการควบคุมอุปทานน้ำมันดิบโลก (Reuters)
เอเชีย :
BOJ จะทำให้อัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายการเงิน ตลาดที่ทรงตัวสูงเคลื่อนไหวผันผวนตอบรับการยกเลิก QQE เผยให้เห็นการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้ผลของธนาคารกลางทั่วโลก โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวจะเป็นหลักในการประเมินโปรแกรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ BOJ จะดำเนินการตรวจสอบผลเป็นเวลาสองวัน เริ่มต้นในวันอังคารนี้ (Reuters)
ค่าเงินหยวนของจีนยังมีเสถียรภาพในระดับที่เหมาะสมและสมดุล นายกรัฐมนตรีจีน Li Keqiang (หลี่เค่อเฉียง) กล่าวไว้เมื่อเขาได้พบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัก โอบา ในนิวยอร์ก ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว ไม่มีมาตรฐานใด ๆ วัดการลดค่าเงินหยวนอย่างยั่งยืน โดยนายหลี่อ้างเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจจีนได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีช่องทางมากเพียงพอที่จะดำเนินการ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ ก่อนที่จะมีข้อเสนอของเวเนซุเอลาให้มีการพูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงผลผลิตน้ำมันของโอเปก และมีข้อบ่งชี้ว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาซื้อขายล่วงหน้าของน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 18 เซนต์ (+0.4%) มาอยู่ที่ 45.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งก่อนหน้านี้มีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 2% ไปถึง 46.93 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้น 27 เซนต์ (+0.6%) มาอยู่ที่ 43.30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยระหว่างชั่วโมงซื้อขายปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 44.15 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ท่ามกลางค่าเงินสหรัฐฯที่อ่อนแอลง สาเหตุจากความกังวลที่พุ่งไปที่การประชุมเฟดและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ราคาสปอตของทองคำเพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 1,315.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ เมื่อเทียบกับระดับที่อ่อนตัวลงมาต่ำที่ 1,306.26 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ ในวันศุกร์ อ่อนตัวสุดนับตั้งแต่ 1 ก.ย. ส่วนราคาทองคำล่วงหน้าในตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% มาอยู่ที่ 1,318.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094