- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 September 2016 17:36
- Hits: 7247
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1440'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BEM (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดปรับขึ้น 5.20 จุดที่ 1463.39 โดยเป็นการรีบาวด์ต่อเนื่องหลังลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 1410 จุด นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 1.4 พันล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิแต่เพียงเล็กน้อย รายย่อยขายสุทธิไม่มาก ขณะที่พอร์ตบล.นำขายสุทธิ 1.3 พันล้านบาท
สำหรับ วันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐ สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น เนื่องจากการเข้ามาซื้อเก็งกำไรดักก่อนมีการประชุมเฟด 20-21 ก.ย.59 และประชุม BOJ 21 ก.ย.59 อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นยังไม่แข็งแกร่งมากเพราะความไม่แน่นอนเรื่องระยะเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐยังกดดันอยู่ ส่วนการประชุม BOE คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.25% และคงปริมาณซื้อพันธบัตรรัฐบาล & หุ้นกู้เอกชนตามคาด โดยได้ปรับขึ้น GDP growth งวด 3Q59 เป็น +0.3% (เดิม +0.1%) ด้วย ทาง BOE ระบุว่าผลกระทบจาก Brexit ยังไม่มาก แต่ก็ส่งสัญญาณที่จะปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าในการประชุมเดือนพ.ย.ทาง BOE อาจลดดอกเบี้ยเป็น 0.1% สำหรับในประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ที่มีนัยสำคัญ และนักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนที่อาจถูกกระทบจากปัจจัยที่ไม่แน่นอน
กลยุทธ์ : ยังคงแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ธุรกิจและกำไรยังเติบโตได้ดี ทั้งนี้เน้นเพื่อการเล่นเด้งตามรอบไว้ก่อน (จนกว่าจะมีปัจจัยบ่งชี้ทางบวกใหม่เข้ามาแล้วค่อยถือยาว) สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TKN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แต่ยังมีโครงสร้างขาลงระยะกลางกดดัน แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1470, 1480 จุด การอ่อนตัวจนหลุด 1440 จุดแนะนำให้ชะลอการลงทุน/ลดพอร์ตตาม เพราะมีโอกาสลงไปที่ 1400 จุดหรือต่ำกว่าได้ สำหรับหุ้นแนะนำซื้อตามค่าบวก ได้แก่ TCAP, KTB, ADVANC, TASCO, BH, BEM, YUASA, M (ดูรายละเอียดใน Traders Spectrum)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
/+ อังกฤษ : BOE คงนโยบายการเงินไว้ที่เดิม & ปรับเพิ่ม GDP growth 3Q59 เป็น 0.3% (เดิม 0.1%)
เมื่อวานนี้ 15 ก.ย.59 ธนาคารกลางอังกฤษมีมติเอกฉันท์ 9-0 คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.25% และคง QE ไว้เท่าเดิมที่ 4.35 แสนล้านปอนด์+การซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชน 1 หมื่นล้านปอนด์ด้วย รวมทั้งได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3/59 สู่ระดับ 0.3% จากเดิมที่ 0.1% ซึ่งมีการคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้ว โดยรายงานระบุว่ายังไม่เห็นสัญญาณที่เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่จาก Brexit ที่เกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.59
อย่างไรก็ดี BOE ส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในช่วงที่เหลือของปี 59 (BOE มีการประชุมครั้งต่อไปเดือนพ.ย.59 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดดอกเบี้ยเป็น 0.1%) ถึงแม้การลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบน้อยกว่าที่คาดไว้ก็ตาม โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ตั้งข้อสังเกตว่า ผลสำรวจนับตั้งแต่เดือนส.ค.แสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆได้ลดการลงทุนด้านธุรกิจ ซึ่งจะถ่วงเศรษฐกิจลง แต่ตลาดที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวดีกว่าที่คาดไว้
- สหรัฐ : ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.อ่อนลงจากเดือนก่อนหน้า
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนส.ค. -0.3%MoM โดยลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ -0.1% ซึ่งตัวเลขค้าปลีกนี้ที่อ่อนลงกว่าคาด ทำให้นักวิเคราะห์บางคนประเมินว่าเฟดจะยังไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : เด้งขึ้นราว 1% เหนือระดับ 18000 ไป 200 กว่าจุด
ดัชนี DJIA ปิดที่ 18,212.48 จุด เพิ่มขึ้น 177.71 จุด หรือ +0.99% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,249.69 จุด เพิ่มขึ้น 75.92 จุด หรือ +1.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,147.26 จุด เพิ่มขึ้น 21.49 จุด หรือ +1.01% โดยนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรดักก่อนการประชุมเฟด โดยเฉพาะกลุ่มที่เชื่อว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบ 20-21 ก.ย.หลังตัวเลขยอดค้าปลีกส.ค.ชะลอตัวลง รวมทั้งการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบก็หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย
+ ราคาน้ำมันดิบ : เด้งขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 43.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 46.59 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหลังราคาร่วงราว 6% ใน 2 วันก่อนหน้า รวมทั้งมีปัจจัยหนุนจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมัน Colonial Pipeline Line 1 ในรัฐเท็กซัสเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องทำการซ่อมแซมจุดที่รั่วไหล โดยท่อส่งน้ำมันแห่งนี้ได้ลำเลียงน้ำมันเบนซินในปริมาณ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากรัฐเท็กซัสไปจนถึงนิวเจอร์ซี สำหรับการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มโอเปกในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นักลงทุนไม่ได้คาดหวังว่าจะมีข้อสรุปเรื่องการคุมปริมาณการผลิตมากนัก
- ราคาทองคำ : ร่วงลง 0.6%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 8.1 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ระดับ 1,318 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
ไทย : คาดยังไม่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปีนี้
จากกรณีที่คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยเสนอให้คณะกรรมการปรับค่าจ้างเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก 300 เป็น 360 บาท/วันนั้น เห็นว่าเป็นระดับที่สูงเกินไปและจะส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของกิจการโดยเฉพาะ SME ขนาดเล็กที่มีสัดส่วนต้นทุนแรงงานมาก รวมทั้งในขณะนี้กำลังซื้อของระบบเศรษฐกิจยังเพิ่งเริ่มฟื้นตัวทำให้ปริมาณขายสินค้าและบริการในประเทศเติบโตไม่มาก (เพิ่งเริ่มเห็น SSSG เป็นบวกได้ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา) อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นต่อในปี 60 ก็มีโอกาสที่ค่าแรงขั้นต่ำจะขยับขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจจะไปไม่ถึงระดับ 360 บาท/วัน
+ TKN (ราคาปิด 20 บาท, ราคาพื้นฐาน 32 บาท) : เติบโตแข็งแกร่งมากในปี 60
กำไรสุทธิงวด 1H59 โตก้าวกระโดดถึง 173% y-o-y เป็น 345 ล้านบาทเป็นสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้นแกร่งเพราะส่งออกได้ดีขึ้นมาก (+55%) โดยเฉพาะตลาดจีน (+169% ในช่วง 1H59) และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังผลให้ SG&A ต่อยอดขายต่ำลง สำหรับแนวโน้ม 2H59 จะยังคงเติบโตดีมาก เพราะเป็นช่วง High season ของธุรกิจ บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI สำหรับโรงงานใหม่เป็นเวลา 7 ปี (โรงงานใหม่จะเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามา 90% เริ่มผลิตได้ใน 1Q60) บริษัทพยายามหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เช่น ใน CLMV เพื่อขยายฐานรายได้และกระจายความเสี่ยง ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะทำสำเร็จ สำหรับวัตถุดิบสาหร่าย TKN มีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจนี้เองเพื่อลดความเสี่ยง ฐานะการเงินดีมาก โดยเป็นเงินสดสุทธิ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 32 บาท อิงกับ PEG ปี 2559 ที่ 1 เท่า (P/E เป้าหมาย 38 เท่า)
+ COM7 (ราคาปิด 9.90 บาท, ราคาพื้นฐาน 11 บาท) : ไอโฟน 7 และ 7 พลัสหนุนการเติบโต
กำไรสุทธิงวด 2Q59 ออกมา 80 ล้านบาท (+26% y-o-y, -8% q-o-q) ดีกว่าที่เราและตลาดคาดประมาณ 14% รายการรายได้อื่นๆ ที่เพิ่มเป็น 23 ล้านบาท สูงกว่าที่เราคาดไว้ที่ 5 ล้านบาท โดยรายการนี้เกิดจากการที่ Suppliers ให้ส่วนลดกับบริษัท หากไม่นับรายการนี้กำไรหลักก็ยังเติบโตดีเทียบ y-o-y เพราะรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นทำไว้ดีแม้ว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารต่อรายได้จะเพิ่มขึ้นก็ตาม แนวโน้มครึ่งหลังปีนี้ คาดว่ากำไร 3Q59 จะอ่อนลง q-o-q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่จะไปสูงสุดใน 4Q59 ซึ่งเป็นฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย และปีนี้จะมีการวางจำหน่ายไอโฟน 7 และ 7 พลัส ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นยอดขายบริษัทได้เป็นอย่างดี ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อเก็งกำไร โดยราคาพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ทำไว้ที่ 11 บาท มี Upside จากราคาปิดเมื่อวานนี้ 11%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]