- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 September 2016 17:49
- Hits: 1703
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Get back on track…
SET แนวรับ 1,445 ต้าน 1,477 จุด แนะเลือกซื้อเล่นสั้น
วันนี้ แนะเลือกซื้อหุ้นที่ราคาลงมาแรง แต่ยังไม่ค่อยเด้ง สวนทาง ปัจจัยพื้นฐานที่มีพัฒนาการดีขึ้น โดยคัดเลือกจาก (1) แนวโน้มกำไรดีแบบต่อเนื่องหรือโตแรงครึ่งปีหลัง ต่อเนื่องปีหน้า (2) ลงแรงรอบนี้ และ ราคาหุ้นยังติดลบหรือขึ้นน้อยกว่า 5% ตั้งแต่ต้นปี เช่น PLANB BH CENTEL* EPG TPCH
Chg Core Profit (Btmn)
4-Jan-16 (%) 1Q16 2Q16 2H16 2016 2017
PLANB 6.
-23.9
61 112 2
0 463 659
BH 206 -23.3 978 858 1,829 3,665 4,151
CENTEL 42.75 -9.94 758 354 1,562 1,916 2,196
EPG 12.7 3.94 381 NA. 1,267 1,267 1,629
TPCH 16.1 4.35 31 50 220 270 500
As of 13 Sept 2016
สัปดาห์นี้ (ในรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์) เราได้แนะนำแบ่งพอร์ตครึ่งหนึ่ง เริ่มซื้อคืน โดย เน้นหุ้นที่ลงแรง-คาดมีลุ้นเด้งเร็วกว่า ปัจจัยหนุนที่รออยู่ คือ FTSE Rebalance มีผล 19 กย. เป็นต้นไป (KBANK-NVDR, SCC-NVDR, BEM ถูกเพิ่มคำนวณใน FTSE และ PTT SCB BDMS CPN MINT LH RATCH HMPRO BTS TU EGCO ถูกปรับเพิ่มน้ำหนัก) และ สิ้นไตรมาส 3 คาดมี Window dressing จากกองทุนที่ขายไปก่อนหน้ามีเงินรอซื้อเพียบ แนวรับขยับขึ้น เป็น 1,437 จุด และ เป็นจุด Stop loss สำหรับนักเล่นสั้น
รายเดือน กย. คาดแรงซื้อต่างชาติ จะเริ่มชะลอลง จากการรอดูผลการประชุมเฟด และ BOJ 21 กย.นี้ บวกกับ Sell on fact หลังงบออก และขึ้น XD รับปันผล คาดว่าจะมีผลทำให้ดัชนีพักตัว ประเมินแนวรับใหม่ 1,430/1,380 จุด (จากเดิม 1,480/1,460 จุด) แนวต้าน 1,480 จุด (จากเดิม 1,520 จุด) กลยุทธ์แนะนำ “รอ” อ่อนตัวซื้อ สะสมหุ้นที่กำไรผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q16 และ กำไรจะเร่งตัวขึ้นใน 2H16 ส่วนปัจจัยหนุน หุ้นไทยหลังจากกลางเดือนเป็นต้นไป คาดว่าจะมาจาก แรงซื้อนักลงทุนต่างชาติจาก FTSE Rebalance ที่จะมีผล 19 กย. เป็นต้นไป
หุ้นแนะนำวันนี้ CENTEL แนวรับ 39 บ. ต้าน 40/40.25 บ. เมื่อวานอัพเดทตัวเลข RevPar (รายได้ห้องต่อจำนวนห้องที่มี) เดือน กค.-สค. พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 9% y-y ดีกว่า MINT ที่ +5% ส่วน ERW +9%, TCMC แนวรับ 4.40 บ. แนวต้าน 4.68 บ. กำไร 1H16 ที่ 102 ล้านบาท สะท้อน PE ปีนี้ 8.2 เท่า (กำหนดประชุม ผถห. 25 ตค.อนุมัติลงทุน Midland อังกฤษ) ถ้ารวมกำไรจากการซื้อกิจการนี้เข้ามา PE จะลดลงอีก
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) BEM สรุปประเด็นจากการ Roadshow 1) ทางด่วน ศรีรัช-วงแหวน เปิดดำเนินการแล้ว คาดจำนวน ridership จะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีแรก และรายได้เพิ่มสัดส่วนเป็น 60% ของรายได้รวมในระยะยาว 2) สายสีน้ำเงินช่วงสถานีที่หายไปคาดจะเห็นการเซ็นสัญญาในภายในปีนี้ 3) สายสีน้ำเงินตะวันตก คาดเปิดดำเนินการได้ในปี 2018 และเปิดเต็มระบบในปี 2019 คาดจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารได้เท่าตัว จากปัจจุบันที่มี 270,000 คน/วัน 4) รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่รายได้ต่ำกว่าคาดนั้น ไม่มีผลกระทบต่อบริษัทเพราะบริษัทได้รับเงินเป็นค่าบริหารจัดการปีละ 1.4 พันล้านบาท จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา เรามองเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้น เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ (จากเดิม ถือ) ราคาเป้าหมาย 7.60 บาท
(+) ILINK เมื่อวันที่ 13/9 บริษัทได้รับงาน ก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี มูลค่าราว 310 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 14/9 บริษัทได้รับงาน สร้างสถานีไฟฟ้าระบบ 115-22 เควี มูลค่าราว 563 ล้านบาท งานใหม่ที่บริษัทได้รับหนุนให้บริษัทมี Backlog รวมราว 2,000 ล้านบาท หนุนให้กำไรในปี 2017 ที่เราคาดเติบโต 55% เป็น 401 ล้านบาท มี backlog รองรับ 100% และมีโอกาสดีกว่าคาดหากมาร์จิ้นในงานที่ได้รับดีกว่าคาด ซึ่งเรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรขึ้นหลังจากประชุมกับผู้บริหารฯ เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 30 บาทปัจจุบันหุ้นเทรด P/E 19 เท่า คาดราคาหุ้นจะ Re-Rate P/E ตาม backlog ที่เพิ่มขึ้น (ในอตีดบริษัทเคยเทรด P/E 30 เท่า เมื่อมี backlog ราว 2 พันล้านบาท)
(+) ITEL บริษัทได้งานจ้างเหมา ออกแบบ จัดหาพร้อมติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสงฯมูลค่าราว 53 ล้านบาท คาดเห็นการเริ่มรับรู้รายได้จากงานนี้ทันทีใน 4Q16 หนุนกำไร ครึ่งปีหลังเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งเรามีโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นหลังจากประชุมกับผู้บริหารฯ เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท ปัจจุบันหุ้นเทรดบน PEG 0.41 เท่า เรามองว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามการเติบโตของกำไรที่เราคาดเฉลี่ย 78%/ปี ในช่วง 2016-18 (CAGR) และมีโอกาสดีกว่าคาด
(-) TVO เราปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ถือ จากมุมมองของโอกาสการเกิดลานีญาใน 1H17 ที่ลดลงจาก 70-75% ในเดือน มิ.ย. ไปที่ 55-60% ในเดือน ส.ค. และล่าสุดเดือน ก.ย. โอกาสการเกิดลดลงมาอยู่ที่ 30-40% ในทางตรงกันข้ามโอกาสการเกิด ENSO-Neutral (อากาศสมดุล) ได้เพิ่มขึ้นไปที่ 55-60% ในช่วงปัจจุบันไปจนถึงราว พ.ค. 2017 (ซึ่งจะส่งผลให้ราคากากถั่วเหลืองในตลาดโลกและอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทคงที่ แทนที่จะอยู่ในช่วงขาขึ้นตามที่เราคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้น อ้างอิงจากรายงานอุปทาน/อุปสงค์สำหรับถั่วเหลืองของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ผลผลิตต่อพื้นที่เพาะปลูกในสหรัฐฯ ถูกคาดการณ์ว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ และผลผลิตที่ยังออกมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามองว่าราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกจะลงมาเทรดที่ $8.5-9.5/บูเชล ผลประกอบการของ TVO จะถูกกดดันจากมุมมองดังกล่าวข้างต้น ทำให้เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2017 ลง 12% และปรับราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 34 บาท แต่เรามองว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจราว 6.6% จึงมีการแนะนำ ถือ เพื่อรับเงินปันผล
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) VIBHA ซื้อหุ้น โรงพยาบาลบางโพ 28.57% มูลค่า 300 ล้านบาท (รับรู้กำไรเป็น เงินปันผล) ที่มา ตลท.
(-) ITD ชี้ปีนี้อาจขาดทุนจากตั้งสำรองหนี้สูญ ได้แก่ โครงการเหมืองแม่เมาะ ที่มีมูลค่างานกว่า 1 หมื่นล้านบาท ต้องตั้งสำรองต่อเนื่องไปอีก 2ปี 2060-61 และ โครงการ LPG Terminal 2 ที่ร่วมกับ SAMSUNG มูลค่าโครงการราว7-8 พันล้านบาท ส่วนปีหน้า คาดพลิกมีกำไร (ที่มา อินโฟเควส)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) นสพ.นิกเกอิ รายงาน BOJ จะพิจารณาลดดอกเบี้ยลงอีก ในการประชุม 20-21. กย.นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน (ที่มา ASPEN)
(+) เมื่อวาน กนง.คงดอกเบี้ย 1.5% และปรับเป้าการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ขึ้นเป็น 3.2% จาก 3.1% ส่วนปีหน้า คาด 3.2% ตามเดิม (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US Industrial production สค. คาด -0.2% จาก +0.7% m-m. Euro area HICP inflation สค.คาด +0.2% ส่วน Core HICP คาด +0.8% y-y. ธนาคารกลางอังกฤษ BOE คาด คงดอกเบี้ย 0.25% และคง QE 4.35 แสนล้านปอนด์ อินโดนีเซีย รายงานส่งออก สค.คาด -10.8% จาก -17% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(-) ศุกร์ US Consumer prices สค.คาด +0.1% จาก 0% m-m. US Core CPI คาด +0.2% จาก 0.1%, EU-27 summit (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค