- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 September 2016 16:57
- Hits: 812
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อกรอบจำกัด
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ แกว่งตัว/บวกแคบๆ ฟันด์โฟลว์ยังแข็งแกร่ง ก่อนการรีบาลานซ์ดัชนี FTSE ซึ่งจะมีผลวันพรุ่งนี้ (วานนี้ดัชนีฯ ขึ้นต่อ แข็งกว่าคาด) ตลาดหุ้นหลักๆ ในต่างประเทศซื้อขายในกรอบจำกัดเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้ในระดับของดัชนีฯ คงมีทางขึ้นไม่แรงนักในวันนี้ ประกอบกับหุ้นพลังงานอาจรับแรงกดดันจากราคาน้ำมันสหรัฐฯ ที่ลงต่ออีก 3.0% หลังตลาดยังกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกินที่อาจยืดยาวไปถึงกลางปี 2560 ผนวกกับรายงานข่าวที่ว่าลิเบียจะสามารถเร่งผลิตน้ำมันกลับมาภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า หลังถูกกระทบจากกลุ่มกบฎก่อนหน้านี้ ด้านปัจจัยภายใน กนง. ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปี 2559 เล็กน้อย เป็นสัญญาณบวกต่อภาพระยะปานกลางของตลาด (อ่านเพิ่มในข่าวเศรษฐกิจวันนี้) อย่างไรก็ดีสำหรับการเทรดดิ้งสั้น ให้ระมัดระวังความเสี่ยงที่ฟันด์โฟลว์จะชะลอในต้นสัปดาห์หน้า ก่อนเหตุการณ์สำคัญเช่นการประชุมเฟด และการประชุม ธ.กลางญี่ปุ่น วันที่ 20-21 ก.ย.
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
รับเสี่ยงได้เก็งกำไร TPBI, GLOBAL* / กลัวเสี่ยงเน้นปันผล JASIF, DIF
TPBI (เป้าพื้นฐาน 15 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่มพลาสติก ที่ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันต่ำ 2) ราคาหุ้นมีโอกาสรีบาว์ที่แนวรับ 13 บาท แนวต้านแรก 13.6 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 14.5 บาท (Stop loss 12.7 บาท) 3) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 โต QoQ จาก High season ของการส่งออก 4) คาดมีดีลซื้อกิจการในต่างประเทศ (ผู้บริหารให้ข้อมูลใน Opportunity day ล่าสุดวันที่ 11 ส.ค.) ภายในปลายปีนี้
GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 17 บาท) 1) แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินแนวรับ 13 บาท และถัดไปที่ 12.5 บาท แนวต้านแรก 13.4 บาท และถัดไปที่ 14.4 บาท (Stop loss 12.4 บาท) 2) ในเชิงพื้นฐานฝ่ายวิจัยฯประเมิน Upside หุ้น GLOBAL* มากกว่า HMPRO* (GLOBAL upside 30% / HMPRO upside 17%) 3) ประเมินการบริโภคในประเทศฟื้นตัว โดยเฉพาะในต่างจังหวัด (พ้นภัยแล้ง+ราคาสินค้าเกษตรเริ่มฟื้น)
หุ้นกองทุน Infrastructure fund ปันผลดี (DIF, JASIF) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ในช่วงภาวะตลาดฯผันผวน อาจพิจาณาเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำอย่างกองทุน Infrastructure fund ที่มีปันผลสูงรองรับ เช่น DIF (Consensus คาด Dividend yield 6.6%) และ JASIF (Consensus คาด Dividend yield 8%)
หุ้นในกระแส
LST (ยังไม่มีเป้า Consensus) ข้อมูลจาก Opportunity day วานนี้ 1) เราประเมินราคาหุ้น LST ถูก Discount ความเป็นธุรกิจปาล์มมากเกินไป โดยปัจจุบัน LST ถือหุ้น UFC 99% (น้ำผลไม้ / น้ำมะพร้าว) มีผลการดำเนินงานที่โตเด่น โดยในปัจจุบันกำไรของธุรกิจน้ำผลไม้/น้ำมะพร้าวของ UFC คิดเป็น 65% ของกำไรรวม หากสมมติฐานให้กำไรของ UFC ใน 2H59 ใกล้เคียงกับใน 1H59 จะได้ EPS ราว 0.30 บาท/หุ้น 2) ในเชิง Valuation หากใช้การคำนวณมูลค่าเหมาะสมแยกรายธุรกิจ (Sum of the parts) โดยใช้ PE 15 เท่ากับธุรกิจ UFC (Discount จากกลุ่มเครื่องดื่มที่ PE 20-25 เท่า) จะได้มูลค่าธุรกิจ UFC = 4.5 บาท สูงกว่าราคาหุ้น LST (เปรียบเสมือนได้ธุรกิจสวนปาล์มและโรงกลั่นฟรี) 3) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 3.8 บาท แนวต้าน 4.0 บาท และถัดไปที่ 4.2 บาท
หุ้นกลุ่มสินค้าเกษตร (TWPC, CPF*, TFG, GFPT*) ผลจากการใช้ ม.44 คุ้มครองเจ้าหน้าที่ระบายสต๊อก ข้าวโพด + มันสำปะหลัง คาดจะทำให้อุปทานข้าวโพดและมันสำปะหลัง เพิ่มขึ้นในตลาดฯ (ราคาลง) ทำให้ 1) ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง (+ CPF*, GFPT*, TFG) และ 2) ต้นทุนการผลิตแป้งมันของ TWPC ลดลง
รอจังหวะเก็บหุ้นเข้า FTSE ปลายสัปดาห์ (SCC*, KBANK*, BEM*) นักลงทุนอาจพิจารณาเข้าเก็งกำไรหุ้นหลักดักเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจากการปรับเพิ่มหุ้นเข้าคำนวณดัชนี FTSE ในปลายสัปดาห์ อาทิ SCC*, KBANK*, BEM*
หุ้นมีข่าว
(+) กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% “…คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและ ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมีแนวโน้มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปี และภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ...” (ธนาคารแห่งประเทศไทย) เรายังคาดว่า กนง. คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ไปจนถึงปลายปีหน้า ดัชนีเศรษฐกิจหลักและ GDP รายไตรมาสยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังไม่มีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องปรับลด อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจรายไตรมาสและรายปีที่ยังคงต่ำกว่า 4.0% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวในระดับที่ไม่สูง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ กนง. ยังไม่จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น เรายังคงคาดว่าอัตราการขยายตัว GDP ปี 2559 ไว้ที่ 3.4% และมีโอกาสขึ้นไปเป็น 3.5% กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ไปจนถึงปลายปีหน้า
(+) ITEL เจ๋งราคาพุ่ง 56% ซิวงานใหม่ 52.67 ล้าน (ข่าวหุ้น) ITEL ฟอร์มเจ๋งเทรดวันแรกราคาพุ่ง 56% รับพื้นฐานแกร่ง-นโยบายรัฐหนุน “ณัฐนัย” ลั่นเป้า 3 ปีนี้ปั๊มรายได้โตปีละ 40-60% มั่นใจรายได้ปีนี้พุ่ง 650 ล้านบาท ล่าสุดคว้างานใหม่ 52.67 ล้านบาท ฟาก ILINK เซ็นงานเพิ่มอีก 563 ล้านบาท
(+) QTC หั่นรายได้ปีนี้เหลือพันล้าน เล็งประมูลงาน 3 พันล้าน-รุกธุรกิจพลังงาน (ข่าวหุ้น) “คิวทีซี” ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 1,000 ล้านบาท เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว-รายได้ต่างประเทศลด เล็งประมูลงานใหม่ 3,000 ล้านบาท ตั้งบริษัทย่อยลุยธุรกิจพลังงานทดแทน จ่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว คาดสรุปได้ไตรมาส 4/59
(+) คมนาคมชงกรรมการ PPP วันนี้ ร่วมทุน Gross Cost มอเตอร์เวย์ (ข่าวหุ้น) “คมนาคม” ชงกรรมการ PPP วันนี้ ใช้รูปแบบร่วมทุน Gross Cost จ้างเอกชนรับงานวางระบบและซ่อมบำรุงมอเตอร์เวย์ 2 สาย “อาคม” เผยหากได้รับความเห็นชอบ พร้อมเปิดประมูลได้ภายในปลายปี 59
(+) ASK สินเชื่อโตโดดเด่น ส่องผลงานครึ่งหลังนิวไฮ (ทันหุ้น) ASK คาดผลงานไตรมาส 3/2559 ยังเติบโตแข็งแกร่ง หลังความต้องการใช้สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รับแรงส่งจากการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล มั่นใจยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ด้านโบรกประเมินกำไรของ ASK ทำนิวไฮต่อเนื่องทุกไตรมาส หลังต้นทุนการเงินลดลง ขณะที่สินเชื่อยังโตอัตราเร่ง
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
TMT (เป้าพื้นฐาน 14.2 บาท) ประมาณการฯล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯคาดปันผลปีนี้ 1.6 บาท/หุ้น (คิดเป็น Dividend yield 12.8%) ... อย่างไรก็ดี คาดปันผลปีนี้มากเป็นพิเศษเพราะราคาเหล็กที่ฟื้นตัวแรงในไตรมาส 2/59 เป็นหลักดังนั้น ในปีหน้าคาดปันผลจะลดลงสู่ระดับปกติที่ ±6%
ILINK (เป้า Consensus 24.1 บาท) รูปแบบราคาแกว่งตัวในกรอบ 19.0 – 22.2 บาท หากทะลุแนวต้าน 22.2 บาทได้ มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 22.9 บาท … หุ้นลูก ITEL (ILINK ถือหุ้น 60%) เข้าเทรด เป็นการปลดล๊อกมูลค่าของ บ.ลูก
IFEC* (อยู่ระหว่างพิจารณาปรับประมาณการฯ) เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับลงแรงหลุดแนวรับสำคัญลงมา นักลงทุนระยะสั้นอาจพิจารณาหาจังหวะปรับพอร์ตการลงทุนโดยขายตัดขาดทุนในจังหวะรีบาวด์จากภาวะ Oversold … ในเชิงพื้นฐานยังประเมิน Replacement cost (หรือ Liquidation value) ที่ 6.1 บาท
TPCH (เป้า Consensus 24.6 บาท) ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว สำหรับนักลงทุนที่ขายตัดขาดทุนไปแล้ว อาจพิจารณา ซื้อสะสมใหม่ หากยืนบริเวณ 17.4 บาทได้ (เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แบบ EMA) ... ในเชิงพื้นฐานยังคงประเมินแนวโน้มกำไรทำนิวไฮ 3-5 ไตรมาสติด + รอ Catalyst การได้ PPA 20MW (เปลี่ยนจาก LOI)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
BCH* แนะนำ “ซื้อ” (ปรับขึ้นจาก “ถือ”) เป้าพื้นฐาน 14.3 บาท คาดว่าผลประกอบการใน 2H59 น่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง นำโดย WMC และการขยายความสามารถในการให้บริการของ KH และ KR + การปรับราคาค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย.
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1459 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1459 จุดได้นั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1459-1478 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1459 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1459-1443 จุด
แนวรับวันนี้: 1450/1444 แนวต้านวันนี้: 1459/1472
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]
---------------------------------------