- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 September 2016 18:41
- Hits: 1090
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ยืนเหนือระดับ 1450 ได้ แนวต้านถัดไป 1480-1490
SET Index: 1454.21 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่ 1450 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคทะลุผ่านแนวต้านที่ 1440 จุดขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1480-1490 จุด ซึ่งเราแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะขายหุ้นออกบางส่วนเพื่อลดพอร์ต หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวรับที่ 1410 จุด แต่การฟื้นตัวกลับขึ้นมายังมีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง
แนวต้าน : 1460 และ 1464
แนวรับ : 1454 และ 1450
JAS = 6.20 / 6.30, ITEL = 7.80 / 8.30, PTT = 320 / 325, SCB = 153 / 155, JAS-W3 = 2.90 / 3.10
Superblock (SUPER TB; THB 1.46) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.60 และ 1.64
แนวรับ : 1.46 และ 1.44
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวเหนือระดับ 30
แนะนำซื้อ SUPER โดยมีแนวรับที่ 1.46 และ 1.44 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.60 และ 1.64 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.40 ลงไป
Sahamitr Pressure Container (SMPC TB; THB 12.40) - ซื้อ
แนวต้าน : 13.00 และ 13.50
แนวรับ : 12.40 และ 12.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวทดสอบระดับ 50
แนะนำซื้อ SMPC โดยมีแนวรับที่ 12.40 และ 12.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 13.00 และ 13.50 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 12.00 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 11.60 เป็นแนวรับสำคัญ
SET50 Index Futures
S50U16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวโน้มลงที่ 922 ขึ้นมาได้ หลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค เราแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long ต่อเนื่องหลังจากทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 940 แต่ถ้ามีแรงขายทำกำไรออกมาในระยะสั้นที่ 928-930 การปิดต่ำกว่า 920 จะเป็นจุด STOP LOSS
แนวต้าน : 928 และ 930
แนวรับ : 924 และ 922
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน S50U16 ที่แนวรับ 922-924 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 940
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า S50U16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 920 ลงไป
JASU16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 6.15-6.20 ขึ้นไป ซึ่งเดิมเราคาดว่า น่าจะเป็นแนวต้านสำคัญและมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่บริเวณ 6.00 แต่การปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.20 และ 7.70
แนวต้าน : 6.40 และ 6.50
แนวรับ : 6.20 และ 6.15
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ STOP LOSS สถานะ Short ใน JASU16 หลังจากทะลุผ่านแนวต้านที่ 6.16 ขึ้นไป เปลี่ยนเป็นสถานะ Long
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า JASU16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 6.02 ลงไป
BLANDU16
เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณ 1.60 เหนือแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 1.56 หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงที่บริเวณ 1.80-1.84 แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.64-1.66 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1.70 และ 1.74
แนวต้าน : 1.64 และ 1.66
แนวรับ : 1.60 และ 1.58
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน BLANDU16 ที่แนวรับ 1.60 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.64 และ 1.66
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า BLANDU16 ปิดต่ำกว่าระดับ 1.56 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ประคับประคองตัวได้
แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ยังหนักแน่นและมั่นคง ในตลาดหุ้นไทย พิสูจน์เห็นได้จาก ช่วงที่ตลาดผันผวน จนดัชนีลงมาที่ 1410 จุด นักลงทุนต่างประเทศยังเป็นคนซื้อสุทธิมาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง เหตุในทางพื้นฐานน่าจะมาจาก 1. ตลาดลงมาลึกใกล้จุดซื้อในช่วง Brexit วันที่ 23 มิ.ย. ทำให้แรงกดดันเรื่องตลาดแพงเริ่มคลายตัวลง 2.แรงซื้อน่าจะเป็นนักลงทุนระยะกลางถึงยาว ที่ไม่สนใจปัจจัยระยะสั้น (รวมถึงแรงซื้อจากการปรับพอร์ทของ FTSE ที่จะมีผลบังคับใช้ภายในราคาปิดวันที่ 16 ก.ย.) เพราะมองว่าการเปลี่ยนการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น ยังไม่น่าจะได้ผลตอบแทนเท่าตลาดหุ้น ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลจะทรงตัวในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง 3. อัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ ดูรูปด้านซ้าย ตอนนี้ค่า EPS growth 12 เดือนล่วงหน้าของตลาดหุ้นไทยขยายตัวประมาณ 12% สูงกว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก (11.8%) และตลาดหุ้นเกิดใหม่เอเชีย(10%) 4. ปัจจัยที่เข้ามากระทบเป็นแค่ระยะสั้น
เมื่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยรวมๆ เริ่มทรงตัว การดีดตัวของดัชนี SET น่าจะไปได้ต่อ เพราะตอนนี้อย่างน้อยคนที่ขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้ จะต้องซื้อคืน ขณะที่ต่างชาติอาจซื้อเพิ่มพื่อเฉลี่ยต้นทุนหลังดัชนีลงมาที่เส้นต้นทุนเก่า บริเวณ 1430-1440 จุด (นักลงทุนต่างชาติเริ่มซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยหลังการลงประชามติในอังกฤษ (Brexit Vote) โดยการรีบาวน์ของดัชนี SET ในรอบนี้เรามองอยู่ในระดับ 3-4% จะมากหรือน้อยกว่ายังต้องติดตามทิศทางการประชุม FOMC หากไม่ขึ้นเดือนนี้ ดัชนี SET อาจดีดตัวขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ แต่หากมีแนวโน้มว่าจะขึ้นในเดือนนี้แน่ๆ ดัชนี SET คงจะรีบาวน์ในกรอบที่วางไว้ อย่างไรก็ตามช่วงการรีบาวน์ที่ผ่านมา การรีบาวน์มักจะอยู่ในระดับ 2 ใน 3
ประเด็นที่ยังพอประคับประคองตลาดไปถึงสิ้นเดือนหรือต้นเดือนหน้าคือ การ Review งบ Q3/16 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แนวโน้มการทำปิดงบรายไตรมาส และแรงกดจากปัจจัยภายในน่าจะคลายตัวลง แม้แนวโน้มการรีบาวน์ ในรอบนี้จะยังอยู่ในกรอบไม่สูงมากนัก จากความกังวลของประเด็นภายใน แต่เมื่อต่างชาติยัง Bullish ตลาดหุ้นไทยโดยไม่สนปัจจัยกระทบภายใน ก็น่าจะช่วยประคับประคองตลาดไปได้ ความผันผวนจากปัจจัยภายนอก ยังคงเป็นความกังวลเรื่องแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก
ในช่วงความผันผวนที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. ถึงวันที่ 12 ก.ย. กลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงมากที่สุด คือ อสังหาริมทรัพย์ ตามมาด้วย เกษตร ค้าปลีก โรงพยาบาล อาหาร พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ลงไปมากว่า 8% ขณะที่ตลาดลงไปประมาณ 8.3% ดังนั้นการรีบาวน์กลับได้แรงๆ น่าจะเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่ลงไปลึก การที่ดัชนี SET สามารถปิดได้ในระดับ 1440+/- จุด เรามองว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่จะทำให้การรีบาวน์ไปได้ต่อ
วันนี้มองทิศทางดัชนี SET น่าจะรีบาวน์ขึ้นต่อหลังได้รับแรงหนุนของการซื้อคืนของกองทุนและนักลงทุนต่างประเทศ นอกจากนั้นการที่ดัชนีตลาดในภูมิภาคและราคาน้ำมัน เริ่มทรงตัวแถว 45 +/- ดอลลาร์/บาร์เรล น่าจะเป็นปัจจัยหนุนทางอ้อม อย่างไรก็ตามจากการที่ดัชนีปรับขึ้นแรงเมื่อวานนี้อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมาบ้างในวันนี้ วันนี้เรามองแนวรับที่ 1437-1440 จุดและแนวต้านที่ 1451-1460 จุด หุ้นแนะนาวันนี้เป็น BEM LH MAJOR
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,454.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.37 จุด (+0.51%) มูลค่าการซื้อขาย 26,282.11 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ต่อ สวนทางตลาดต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นลบ เนื่องจากนักลงทุนกังวลทิศทางที่ไม่แน่นอนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดแสดงความเห็นที่แตกต่างกัน บ้านเราคาดมีแรงซื้อจากต่างชาติก่อนการปรับพอร์ตของ FTSE ปลายสัปดาห์นี้ ติดตามการประชุม กนง. (วันนี้) และประชุม BoE (พรุ่งนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย ผันผวน ภาพรวม SET ยังอยู่ในกรอบแนวโน้มลง ตราบใดที่ SET ยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือระดับ 1468 จุด ระยะสั้น SET ดีดตัวหลังเกิดสัญญาณ Oversold รุนแรง ทำให้มีเทคนิเคลรีบาวน์ตามมา แต่โดยปกติหลังจากการปรับตัวลงของ SET หลุดเส้น 200 วัน ที่ 1440 จุด โดยธรรมชาติจะมีเทคนิเคลรีบาวน์อย่างน้อย 1 ครั้ง กลับไปที่บริเวณกรอบแนวต้านล่างสุดในกรอบขาขึ้น ซึ่งก็คือระดับ 1468 จุด และหากดีดตัวไม่ผ่านระดับดังกล่าวจะเป็นการยืนยันการเข้าสู่แนวโน้มลงของ SET ระยะสั้นเราให้จับตาดูค่าเงินบาทหากอ่อนตัวเกิน 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะยืนยันสัญญาณการปรับฐานใหญ่ของ SET ที่ชัดเจน ซึ่งลักษณะนี้ จะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไป โดยกลยุทธ์ช่วงนี้ยังเน้นไปที่การขายในจังหวะที่ SET รีบาวน์เกินระดับ1455 -1468 จุด และไปรอซื้อกลับ1385-1400 จุด โดยหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้(weekly idea) เราเลือก BWG BA TWPC EPG
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Superblock (SUPER TB; THB 1.46) - ซื้อ
Sahamitr Pressure Container (SMPC TB; THB 12.40) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : COM7* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]