- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 September 2016 17:54
- Hits: 766
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้าน 1450 มีโอกาสทะลุผ่านขึ้นไป
SET Index: 1441.25 ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวต้านที่ 1440 จุด หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวรับที่ 1410 จุด ในขณะที่เครื่องมือทางเทคนิคยังอยู่ในระดับขายมากเกินไป จึงทำให้การฟื้นตัวในระยะสั้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1450 จุด ถ้สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1480-1490 จุด
แนวต้าน : 1444 และ 1450
แนวรับ : 1440 และ 1436
PTT = 317 / 320, KBANK = 184 / 186, CPALL = 57.50 / 58.50, SCC = 528 / 530, SCB = 148 / 150
Thai Solar Energy (TSE TB; THB 4.54) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.80 และ 5.00
แนวรับ : 4.54 และ 4.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงทดสอบระดับ 40
แนะนำซื้อ TSE โดยมีแนวรับที่ 4.54 และ 4.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.80 และ 5.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.44 ลงไป
Asefa (ASEFA TB; THB 6.80) - ซื้อ
แนวต้าน : 7.50 และ 8.00
แนวรับ : 6.80 และ 6.70
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูงมาก
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ฟื้นตัวเหนือระดับ 40
แนะนำซื้อ ASEFA โดยมีแนวรับที่ 6.80 และ 6.70 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.50 และ 8.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.55 ลงไป
SET50 Index Futures
S50U16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปปิดต่ำกว่าระดับ 900 ซึ่งเราแนะนำให้ STOp LOSS สถานะ Long ออกไปแล้ว หลังจากปรับตัวลดลงมาปิดต่ำกว่า 899 อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 925-928 และมีแนวรับสำคัญที่ 900
แนวต้าน : 918 และ 920
แนวรับ : 914 และ 910
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน S50U16 ที่แนวรับ 910 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 925 และ 940
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า S50U16 ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 905 ลงไป
JASU16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 6.00 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างแรงเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค แต่เมื่อพิจารณาโครงสร้างในระยะยาวที่ปรับตัวลดลงหลุดแนวโน้มขาขึ้นลงไป ทำห้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 5.30-5.40 และมีแนวต้านสำคัญที่ 6.00
แนวต้าน : 6.00 และ 6.04
แนวรับ : 5.70 และ 5.60
คำแนะนำ: เรายังคงแนะนำให้ Open Short ใน JASU16 ที่แนวต้าน 5.90-6.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 5.50 และ 5.40
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า JASU16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 6.16 ขึ้นไป
ITDU16
เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 5.00 หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรงหลุดแนวรับที่ 5.90 และ 5.60 ลงไป อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาการปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับที่ 5.00 ตามกรอบแนวโน้มขาลง เราคาดว่า น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิคในระยะสั้น โดยมีแนวต้านที่ 5.60
แนวต้าน : 5.20 และ 5.30
แนวรับ : 5.00 และ 4.96**
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long ใน ITDU16 ที่แนวรับ 5.00 เพื่อรอคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.30 และ 5.50
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า ITDU16 ปิดต่ำกว่าระดับ 4.96 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...แรงกดภายนอกจะมีผลต่อดัชนีไม่มาก
หลังทิศทางดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ถูกกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐ ในการประชุม FOMC ในเดือนนี้ ซึ่งจะมากหรือน้อย คงต้องจับตาดูการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ อย่าง ยอดค้าปลีก อัตราเงินเฟ้อ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค หากส่วนใหญ่ออกมาในทิศทางเดียวกันคือ ดีขึ้นเรื่อยๆ ตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะเกิดการแกว่งตัวที่แรง จากการคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC วันที่ 20-21 ก.ย. ไม่ว่าทิศทางดอกเบี้ยจะขึ้นในเดือนนี้หรือ ธ.ค. แต่ตอนนี้ดูเหมือนอารมณ์ของตลาดจะเปราะบางขึ้นเรื่อยๆ หลังดัชนีตลาดหุ้นต่างขึ้นมายืนที่สูงมากๆ
เมื่อหันกลับมาดูการขึ้นลงของดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก (MSCI Emerging market) ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา จะพบว่าช่วงการขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด จะแตกต่างกันไป แต่ที่น่าสังเกตเวลาลงต่ำสุด แล้วดีดตัวกลับขึ้นมา จะขึ้นได้ประมาณที่ลง อย่าง รอบปัจจุบันลงมาประมาณ 35% แล้วดีดขึ้นมาได้ 35% เช่นกัน คล้ายๆ กันหลายๆรอบ จากพฤติกรรมการขึ้นลงดังกล่าว น่าจะบอกได้ว่า หากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ หรือความกังวลเรื่องทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ไม่คลายตัวลง ดัชนี MSCI EM มีสิทธิ จะปรับตัวลงหลังจากนี้ แต่จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละตลาด
เงื่อนไข ที่เรามองว่า หากเกิดความผันผวนจากปัจจัยภายนอก (ความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐ) อย่างเดียว ดัชนี SET น่าจะลงน้อยกว่าตลาดอื่นๆ เนื่องจาก หากวัดการขึ้นของดัชนีจากแรงซื้อของต่างชาติแล้วดันให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นแรงช่วงหลังเกิด Brexit ในวันที่ 23 มิ.ย. ถึงปัจจุบัน ดัชนีหุ้นไทย กลับลงมากกว่าช่วงวันที่ 23 มิ.ย. และเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่หรือดัชนีตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ยังขึ้นประมาณ 6-8% ขณะที่ไทยติดลบเกือบ -2% จากรูปด้านขวา จะพบว่า หุ้นไทย underperform ค่อนข้างมาก ตรงนี้น่าจะบอกได้ว่า หากลงคงไม่มาก เว้นแต่จะมีแรงกดจากปัจจัยภายในขึ้นมาอีก
ภายใต้เงื่อนไข แม้จะเริ่มมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกเพิ่มขึ้น (แต่ยังอยู่ในความคาดหมาย) ขณะที่แรงกดดันจากปัจจัยภายในนิ่งลง เรามองว่าดัชนี SET น่าจะรีบาวน์ ขึ้นมาในระดับ 3-4% หรือคิดครึ่งหนึ่งของการขึ้นของดัชนีในภูมิภาค แต่หากแรงกดดันภายในไม่คลายตัวและยังกดตลาดต่อเนื่อง ดัชนี SET จะค่อยๆ ซึมตัวลงมาที่ระดับ 1400+/- จุด และมีสิทธิลงไปที่ 1300+/- จุดในกรณีเกิดแรงกดภายในรุนแรงขึ้น
สภาพตลาดที่เริ่มมีปัจจัยกดดันภายนอกเกิดขึ้น เรามองว่า ยังไม่น่าจะกดให้ตลาดลงได้มาก เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยลงมาลึกก่อนหน้านี้ ขณะที่ต่างชาติยังซื้อต่อเนื่อง เนื่องจากในรอบนี้ อัตราการเติบโตกำไร 12 เดือนล่วงหน้าของตลาดหุ้นไทย โดดเด่นกว่าภูมิภาค ขณะที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ส่วนผลการดำเนินงาน Q3/16 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำลังทยอยประกาศ คาดหุ้นใหญ่จะออกมาดีขึ้นเมื่อเทียบ Q2/16 และ Q3/15 วันนี้คาดดัชนี SET จะเริ่มรีบาวน์ จากแรงหนุนของตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวกลับรวมทั้งแรงซื้อของต่างชาติ โดยวันนี้มองเปิดขึ้นมาจะดีดตัวขึ้น สลับมีแรงขายหุ้นแต่คาดคงไม่ทำให้หุ้นลง วันนี้มองแนวรับที่ 1405-1400 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1425-1430 จุด หุ้นที่จะนาตลาดวันนี้ คือ กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ รับเหมา และอาหาร
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,441.25 จุด เพิ่มขึ้น 29.40 จุด (+2.08%) มูลค่าการซื้อขาย 28,037.75 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ หลังปรับตัวลงมาต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บ้านเรามีแรงหนุนจากตลาดทิศทางของตลาดต่างประเทศ หลังหนึ่งในกรรมการของเฟดแนะให้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ติดตามการประชุม กนง. (14 ก.ย) และประชุม BoE (15 ก.ย.)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย มีโอกาสลดช่วงบวกลง ช่วงเช้าตลาดปรับตัวขึ้นตามการดีดตัวขึ้นของตลาดต่างประเทศ จากความกังวลที่ลดลงเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายตลาดเอเชียโดยส่วนใหญ่กลับมาอยู่ในแดนลบ หรือไม่ก็ ลดช่วงบวกลงไป ประกอบกับแรงซื้อ Cover short น่าจะชะลอลง หากตลาดไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1440 จุด ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ต่อเนื่อง ภาพรวมตลาดยังคงไม่มีสัญญาณกลับตัว โดยมองการรีบาวน์วันนี้เป็นแค่เทคนิเคลรีบาวน์ จากการที่ตลาดเกิดภาวะ over sold ระยะสั้นยังแนะนำให้อาศัยจังหวะรีบาวน์ขายทำกำไรเล่นรอบออก มุมมองคำแนะนำยังให้ชะลอการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่เน้นการถือลงทุนระยะกลางและยาว โดยรอจังหวะที่ปัจจัยต่างเริ่มที่จะคลีคลายแล้วจึงเริ่มกลับเข้ามาช้อนซื้อส่วนเก็งกำไรระยะสั้น รอซื้อรอบใหม่ที่ระดับ 1395-1405 จุด แต่ต้อง Stop loss หากหลุด 1390 จุด
Technical Pick (PM) ...
Thai Solar Energy (TSE TB; THB 4.54) - ซื้อ
Asefa (ASEFA TB; THB 6.80) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]
ตะลึ่ง คุณป้าแต่ยังสาวเหมือนสาว 20 เคล็ดลับง่าย ๆ เพียงแค่... |
ดูเด็กลง 15 ปีได้ในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น! เคล็ดลับง่าย ๆ เพียงแค่.. |