- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 September 2016 17:50
- Hits: 748
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET ลดลงเกือบ 10% ในช่วงเวลาสั้น ๆ จนมี Expected P/E 15.7 เท่า จึงน่าจะเป็นโอกาสสะสมรายหุ้น ที่มีพื้นฐานเกร่ง & เงินปันผลสูง (ASK, RATCH, TTW, EASTW, ADVANC, INTUCH, MCS) Top picks คือ ASK([email protected]) และ BLA([email protected]) ผลตอบแทนพันธบัตรยังคงกระเตื้องขึ้น หนุนกำไรงวด 2H59
ตลาดหุ้นโลกผันผวน ขึ้นกับความเชื่อ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว????
ตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนตามการตีความของประธาน Fed แต่ละสาขา ที่แสดงความเห็น ขัดแย้งกัน เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ กล่าวคือ วานนี้ นางลาเอล เบรนนาร์ด (1 ใน คณะผู้ว่าการFed ซึ่งมีสิทธิออกเสียง) ให้ความเห็นว่า Fed ควรหลีกเลี่ยงการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป (ASPS ตั้งสมมุติฐานว่า Fed จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้) แม้จะสวนทางกับความเห็นของนายอีริค โรเซนเกรน (ประธานสาขาบอสตัน มีสิทธิออกเสียง) และนายโรเบิร์ต แคปแลน (ประธานสาขาดัลลัส ไม่มีสิทธิออกเสียง) ที่สนับสนุนให้ Fed ควรจะรีบขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด
ด้วยเหตุนี้ทำให้ Fed fund future ขึ้นลงตามความคาดหวัง โดยล่าสุด คาดโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยรอบ 20-21 ก.ย. แกว่งตัวอยู่ที่ 22% (เดิม 30%) รอบ 1-2 พ.ย. 27% (เดิม 35%) รอบ ธ.ค. 57.4% (เดิม 59%) ส่งผลให้ค่าเงิน Dollar index แกว่งตัวในทิศทางอ่อนค่า และมีแนวโน้มที่แกว่งตัวต่ำกว่า 95.15 จุด อาจจะช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบโลกทรงตัวที่ระดับ 45 เหรียญฯต่อบาร์เรล
ตลาดหุ้นกดดันจากค่าเงินเอเชียอ่อนค่า มีแรงทำกำไร Bond ดีต่อ BLA
ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินที่กลับมาอ่อนค่าอีกรอบ แต่สอดคล้องกับทุกสกุลในภูมิภาคเอเซีย (เป็นการกลับมาอ่อนค่า หลังจากที่เงินทุกสกุล แข็งค่าต่อเนื่องนับจากต้นปี เพราะมีเงินทุนไหลเข้ามาทั้งตลาดตราสารหนี้ และทุน) กล่าวคือเงินเปโซอ่อนค่ามากสุดราว 3% จากปลาย ส.ค. - วานนี้ ตามมาเงินริงกิตอ่อนค่าเกือบ 2% และ เงินบาทอ่อนค่าเกือบ 1% ในช่วงเดียวกัน ยกเว้นเงินนรูเปียะห์อินโดนีเซีย ที่เพิ่งอ่อนค่าวานนี้วันเดียว 1.3% หลังจากที่แข็งค่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะหลังรัฐเตรียมยกเลิกภาษี ดอกเบี้ย/กำไรจากการลงทุนในพันธบัตร
ทั้งนี้คาดว่าค่าเงินเอเชียที่อ่อนค่า น่าจะเกิดจากแรงซื้อต่างชาติชะลอตัว หรือมีการขายสลับซื้อ ทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น สะท้อนจากตลาดหุ้นไทย ที่ต่างชาติเริ่มซื้อน้อยลง หรือมีการซื้อสลับขายในช่วง 2-3 สัปดาห์ผ่านมา (ในลักษณะเดียวกันเพื่อนบ้านในกลุ่ม TIP) ทำให้ยอดซื้อสะสมสุทธิหุ้นไทยสุทธิอยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท ล่าสุดทรงตัวที่ 1.28 แสนล้านบาท เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ หลังจากที่ยอดซื้อสะสมสูงสุดสูงสุด 3.67 แสนล้านบาท (30 ส.ค. 2559) ยังคงทรงตัวในระดับนี้ เพราะการซื้อสลับขาย และคาดว่าภาพน่าจะเกิดในลักษณะเดียวกันในภูมิภาคเอเชีย ยกเว้นเพียงอินโดนีเซีย ที่มีการซื้อตราสารหนี้ ราว 265.7 เหรียญสหรัฐ (MTD) จากผลบวกภาษีข้างต้น
แรงขายพันธบัตรรัฐบาลในหลายประเทศ หนุนผลตอบแทนจากพันธบัตร 10 ปี (Yield) มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากวานนี้ และจากจุดต่ำสุดกลางเดือน ส.ค. กล่าวคือ ของไทยขยับขึ้นจาก 2.13% วานนี้มาอยู่ที่ 2.18% (จากจุดต่ำสุดที่ 1.54% เดือน ส.ค.) เช่นเดียวกับเพื่อนบ้าน (ข้อมูล update ล่าสุดเมื่อศุกร์) อินโดนีเซียอยู่ที่ 6.894% ฟิลิปปินส์ 3.197% มาเลเซีย 3.535% ฟื้นจากจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค. ที่ 6.812%, 3.12% และ 3.482% ตามลำดับ (จีน ล่าสุด 2.795% กระเตื้องจาก 2.76% วานนี้ และสหรัฐ อยู่ 1.676% กระเตื้องจาก 1.6% วานนี้) นับว่าดีต่อ BLA([email protected]) เพราะภาระหนี้สินที่เกิดจากการออกกรมธรรม์ลดลง ภาระการตั้งสำรองฯ ลดลง ตรงข้ามกับช่วงที่ Yield ลดลง ภาระตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น
ยังมีแรงขายจากสถาบันในประเทศ ....LTF/RMF ครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน
วานนี้ SET ยังคงลดลงกว่า 33.43 จุด หรือ 2.31% ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงมาจากนักลงทุนสถาบันฯราว 3.3 พันล้านบาท และ พอร์ตโบรกเกอร์อีกราว 2.1 พันล้านบาท ตรงข้ามกับต่างชาติที่ซื้อสุทธิสูงถึง 3.4 พันล้านบาท ตรงข้ามกับต่างชาติที่ยังซื้อสุทธิในไทยวานนี้ 98 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4) แต่ภาพโดยรวมต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ด้วยมูลค่าสูงถึง 560 ล้านเหรียญ แรงขายส่วนใหญ่มาจาก หุ้นไต้หวันขายสุทธิสูงถึง 486 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 3) และ เกาหลีใต้ 172 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 6 วัน) ส่วนอีก 2 ตลาดคือ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียหยุดทำการ เนื่องจากเป็นวัน Hari Raya Haji
หากพิจารณาแรงขายของสถาบันในประเทศ พบว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการขายสุทธิไปแล้วกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท และเฉพาะช่วงเดือน ก.ค. 59 จนถึงปัจจุบัน มีการขายสุทธิหนาแน่นถึง 4.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าแรงขาย LTF ยังมีอีกมาก เนื่องจากนักลงทุนที่ซื้อ LTF ในช่วง ปี 2552 ถึง 2555 ซึ่งครบกำหนด 5 ปี ซึ่งมีต้นทุนขณะนั้น SET อยู่ระหว่าง 1408.76 - 1402.86 จุด เทียบกับล่าสุดอยู่ที่ 1411.85 จุด
กลยุทธ์เน้นหุ้นปันผลสูง : ASK, ADVANC, INTUCH, TTW, EASTW, GLOW
วานนี้ SET Index ยังคงปรับลดลงหนัก ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. ดัชนีปรับลดลงไปแล้วถึง 8.82% และผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันลดลงจากกว่า 20% เหลือเพียง 9.6% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การปรับฐานที่เกิดขึ้นก็เป็นการลดความร้อนแรงของหุ้นไทยลงจากที่เคยซื้อขายกันบน Expected P/E สิ้นปีสูงถึง 17.6 เท่า ลงสู่ Expected P/E สิ้นปีนี้ที่ 15.7 เท่า (อิง EPS ที่ 90.3 บาท ประเมินโดย ASPS) ซึ่งน่าจะสะท้อนปัจจัยลบทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไประดับหนึ่ง
ท่ามกลางความกลัวที่ยังมีอยู่ ทำให้การเก็งกำไรในตลาดลดลง และหากมองโลกในแง่ร้ายที่ยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ คาดว่า SET มีโอกาส ลดลงที่บริเวณ Expected P/E 15.50 เท่า หรือเทียบเท่าดัชนี 1,400 จุด และถัดมาคือ Expected P/E 15 เท่า หรือเทียบเท่าดัชนี 1355 จุด ณ ระดับปัจจุบันถือว่าเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐาน จากความสามารถในการทำกำไรรายกลุ่มยังอยู่ในเกณฑ์ดี อาทิ กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ส่งออกอาหาร ส่งออกชิ้นส่วนฯ และ ค้าปลีก เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุนภายใต้ความผันผวน แนะนำเลือกรายหุ้น ที่มีผลตอบแทนเงินปันผลสูง ที่เข้าเงื่อนไขคือ เงินปันผลสูงเกินกว่า 4% ต่อปี, Ex.P/E ไม่เกิน 15 เท่า, มีความผันผวนต่ำ (Beta ไม่เกิน 1) และมี upside สูงเกินกว่า 15% คือ
MCS ([email protected]) คาด 3Q59 ผลประกอบการโดดเด่นจากปริมาณการส่งออกรวมทรงตัวระดับสูง รวมทั้งการแข็งค่าของเงินเยน และมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการ
RATCH (FV@B60) หุ้น Defensive เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว คาดหวัง upside จากโครงการต่างประเทศได้
และ ASK ([email protected]) ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 7% ทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากโครงการก่อสร้างภาครัฐหนุนความต้องการใช้สินเชื่อรถบรรทุก
ส่วนอีกกลุ่ม สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังการฟื้นตัวของราคาหุ้นหลังจากปรับลดลงมาค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ต้องการหุ้นที่มีความปลอดภัย คือ หุ้นที่มี Dividend Yield ค่อนข้างสูง (ตั้งแต่ 3.5% ขึ้นไป), ซื้อขายกันบนระดับ P/E ไม่สูงกว่าตลาดฯ และมี upside ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป แนะนำ
TTW ([email protected]) หุ้นปันผลสูง ราคาหุ้นไม่ผันผวน ขณะที่ปัญหาภัยแล้งผ่านพ้นไปแล้ว หนุนผลประกอบการดีขึ้น ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาช่วยเพิ่ม upside ให้น่าสนใจอีกครั้ง
เช่นเดียวกับ EASTW ([email protected]) หุ้นปันผลสูงเช่นกัน ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาเป็นจังหวะดีในการเข้าสะสม ส่วนผลประกอบการน่าจะดีขึ้นในช่วง 2H59 หลังผ่านช่วงภัยแล้งไปแล้ว และกำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้งปี 2560
GLOW (FV@B95) จุดเด่นที่กระแสเงินสดในระดับสูง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลมีความสม่ำเสมอ อีกทั้งยังสามารถคาดหวังปันผลพิเศษที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2559 และ 60 อาจปรับตัวลดลงจากโรงไฟฟ้า IPP ที่รายได้ค่าความพร้อมจ่ายตามสัญญา (AP) อยู่ในช่วงขาลง อีกทั้งยังมีการ shutdown ทั้ง planned และ unplanned เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม GLOW ยังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการลงทุนใหม่ ถือเป็น upside ในอนาคต
HANA (FV@B39) งวด 3Q59 เข้าสู่ช่วงฤดูกาลส่งออก ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 2H59 จะกลับมาเติบโตโดดเด่น จากสินค้าในกลุ่มยานยนต์ การแพทย์ และ RFID ขณะที่ราคาหุ้นยัง laggard SET และกลุ่มฯ ค่อนข้างมาก ราคาที่ปรับลงถือเป็นจุดเข้าสะสมที่ดี โดยมี PER เพียง 10.5 เท่า และยังคาดหวังปันผลได้มากกว่า 6%
SCCC (FV@B342) แผนการลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศสร้างผลกำไรที่เติบโตในระยะยาว โดยฐานะการเงินแข็งแรงพอสำหรับการลงทุน แต่อาจมีโอกาสเพิ่มทุนบางส่วนเพื่อลด Net Gearing ลง
PTT (FV@B400) ราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขึ้นในช่วงสั้น
ADVANC (FV@B189) ยังเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสุดของกลุ่มสื่อสาร ศักยภาพการแข่งขัน และรักษาตำแหน่งผู้นำอย่างยั่งยืนด้วยการมีคลื่นในมือกว่า 55 MHz อย่าวงไรก็ตาม ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง ทำให้การเติบโตของกำไรในปีนี้ลดลง ก่อนจะกลับมาเติบโตในปีหน้า
INTUCH (FV@B73) บริษัทแม่ของ ADVANC ที่ยังคงจ่ายปันผลยังอยู่ในระดับสูงน่าพอใจ
รวมทั้งหุ้นเด่นในชุดแรก คือ ASK, MCS และ RATCH
รวมทั้งเลือกลงทุนในหุ้น property fund ที่มีความผันผวนต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ได้แก่ CPNRF และ TFUND
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์
ตะลึ่ง คุณป้าแต่ยังสาวเหมือนสาว 20 เคล็ดลับง่าย ๆ เพียงแค่... |
ดูเด็กลง 15 ปีได้ในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น! เคล็ดลับง่าย ๆ เพียงแค่.. |