- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 September 2016 16:18
- Hits: 1373
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวรับ 1450 มีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น แนวต้าน 1480
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1455.38 จุด ลดลง 31.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 81,643 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญที่ 1490 จุด ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้นลงไป ทำให้โครงสร้างในระยะยาวหลุดแนวโน้มขาขึ้นลงไปแล้ว
Daily: ปรับตัวลดลงต่อเนื่องค่อนข้างแรง พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1500 จุดเมื่อวันก่อน แต่การปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1490 จุดลงไปปิดต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้นเป็นสัญญาณสิ้นสุดแนวโน้มขาลง แต่การปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับที่ 1450 จุด เมื่อเข้าสู่ระดับขายมากเกินไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัว
กลยุทธ์ :SET Index ปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1490 จุดลงไปเป็นสัญญาณในเชิงลบต่อโครงสร้างในระยะยาว แต่การปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับที่ 1450 จุด น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น โดยมีแนวต้นสำคัญที่ 1480-1490 จุดเป็นจังหวะขายหุ้นออกบางส่วนเพื่อปรับพอร์ต
Asia Fund Flow : 8 กันยายน 2559
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ขายสุทธิ 53 ล้านเหรียญ (9 ก.ย.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 77 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 19 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ขายสุทธิ 46 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 18 ล้านเหรียญ
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
CPALL สัญญาณขายหลังหลุดแนวรับที่ 60.00 แนวโน้มลงทดสอบ 58.00 และ 56.00 58.50 / 58.00 60.00 / 60.50
ADVANC แนวโน้มลงทดสอบ 155 และ 150 หลังหลุดแนวรับที่ 160 ลงไป 156 / 155 160 / 162
SCC สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 500 แนวต้าน 520 514 / 510 520 / 524
THAI สัญญาณขายหลังหลุด 26.00 แนวโน้มลงทดสอบ 22.00 และ 20.00 23.00 / 22.00 24.50 / 25.00
PTT สร้างฐานเหนือแนวรับสำคัญ 330 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 350 และ 360 332 / 330 338 / 340
AOT สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 390 และ 384 แนวต้าน 400 392 / 390 398 / 400
KBANK แนวโน้มลงทดสอบ 184 และ 180 แนวต้าน 192 และ 194 186 / 184 190 / 192
SCB สัญญาณขายต่อเนื่อง แนวโน้มลงทดสอบ 144 แนวต้าน 150 146 / 144 148 / 150
BEM ซื้อที่แนวรับ 7.00 และ 6.90 แนวต้าน 7.30 และ 7.50 แนวรับสำคัญ 6.75 7.00 / 6.90 7.30 / 7.50
TRUE แนวรับสำคัญ 6.90-7.00 แนวต้าน 7.50 7.00 / 6.90 7.20 / 7.30
Thai Oil (TOP TB; THB 65.25) - ซื้อ
แนวต้าน : 68.00 และ 69.00
แนวรับ : 65.00 และ 64.50
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 71.00 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่การปรับตัวลดลงมีปริมาณการซื้อขายไม่สูงมาก ทาให้การปรับตัวลดลงเข้าใกล้แนวรับสำคัญมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 40
แนะนำซื้อ TOP โดยมีแนวรับที่ 65.00 และ 64.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 68.00 และ 69.00 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 64.00 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 58.00
Loxley (LOXLEY TB; THB 2.88) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.00 และ 3.08
แนวรับ : 2.88 และ 2.84
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบ พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มบวปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50
แนะนำซื้อ LOXLEY โดยมีแนวรับที่ 2.88 และ 2.84 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.00 และ 3.08 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.74 ลงไป
Trading Pick Follow up: แนวรับ แนวต้าน
SAWAD แนวโน้มลงทดสอบ 33.50-34.00 แนวต้าน 36.00 34.50 / 34.00 35.50 / 36.00
SCN แนวรับสำคัญ 7.50 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย แนวต้าน 8.00 7.50** / 7.20 7.80 / 8.00
RML สัญญาณขาย แนวโน้มลงทดสอบ 1.10 แนวต้าน 1.30 1.22 / 1.20 1.30 / 1.32
EASON สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 5.00 แนวรับ 4.50 4.50 / 4.40** 4.80 / 4.90
EPG สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 41.00 และ 42.00 แนวรับสำคัญ 36.00 37.00 / 36.00 39.00 / 40.00
MEGA สัญญาณขายหลังหลุด 19.70 ลงไป แนวต้าน 19.50 แนวรับ 18.00 18.50 / 18.00 19.50 / 19.80
BEM ซื้อที่แนวรับ 7.00 และ 6.90 แนวต้าน 7.30 และ 7.50 แนวรับสำคัญ 6.75 7.00 / 6.90 7.30 / 7.50
WHA แนวรับสำคัญ 3.14 ถ้าหลุดแนวรับถัดไป 3.02 แนวต้าน 3.40 3.14** / 3.02 3.30 / 3.40
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...อัตราการทำกำไรของกลุ่มธนาคาร ค่อยๆดีขึ้น
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่เริ่มยืนๆและมีแรงซื้อเข้ามา น่าจะมาจากนักวิเคราะห์เริ่มมีมุมมองกับกำไรของกลุ่มดีขึ้น โดยอัตราการทำกำไรของหุ้นธนาคารใหญ่และกลาง 5 ธนาคารในปีนี้ คือ BBL KBANK KTB SCB และ BAY เริ่มติดลบน้อยลงและกำลังจะเป็นบวก คือ ติดลบแค่ -0.92% จากการคาดการณ์ในเดือนที่ผ่านมาติดลบ -1.62% สะท้อนการค่อยๆฟื้นตัวของกำไร
นอกจากอัตราการทำกำไรในปีนี้ค่อยๆ ดีขึ้น เราจึงมองว่าอัตราการทำกำไรของกลุ่มน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ส่วนกำไรใน 12 เดือนล่วงหน้าหรือ EPS growth ตอนนี้ขึ้นมาสูงสุดของปีคือประมาณ 10% (ดูจากรูปด้านซ้าย) ส่วนจะดีขึ้นไปอีกหรือไม่ ต้องจับตาดูการประกาศงบ Q3/16 ในกลางเดือนหน้า อย่างไรก็ตามหากมาดูค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของกลุ่มในตอนนี้ถือว่า ไม่แพง เพราะยังเทรดกันในระดับค่าเฉลี่ย P/E 10 ปี (ดูรูปด้านขวา) เราจึงมองว่าหากสถานการณ์ภายในเริ่มคลายตัว หุ้นในกลุ่มนี้น่าจะเป็นตัวนำตลาด โดยหุ้นที่เราแนะนำ คือ KBANK และ SCB
การดีดตัวของราคาน้ำมันดิบ จากการรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการของสหรัฐ (EIA) ปรากฏว่า ลดลงถึง 14.5 ล้านบาร์เรล ถือว่าลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1999 ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบรนท์ดีดตัวขึ้นไปที่ 50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ หากยืนได้ เรามองว่าจะส่งผลด้านบวกกับหุ้นพลังงาน อย่าง PTT และ PTTEP ส่วนการประชุม ECB ที่ประชุมไม่มีอะไรออกมา โดยทางประธาน ECB บอกเพียงว่า หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร อาจจะต้องรอไปถึง เดือน มี.ค. ซึ่งจะหมดอายุของมาตรการ ผลดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐมากนัก
ทิศทางดัชนี SET แม้จะยังมีกรอบในการขึ้นจำกัด จนกว่าตลาดจะย่อยข่าวเชิงลบ หรือคลายความกังวลลง เรามองว่าหุ้นที่น่าจะลงน้อย จะเป็นหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักที่พร้อมจะดีดตัวกลับหากสถานการณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์สร้างบ้าน สื่อสารใหญ่และ โรงพยาบาล นอกจากนั้นจะเป็นหุ้น Turnaround อย่าง BANPU และ IVL แม้สภาพตลาดยังคงเปราะบางและพร้อมที่จะเกิดความผันผวนได้ทุกเมื่อ แต่มีจุดเด่นที่ มุมมองของต่างชาติต่อพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย ยังเป็นเชิงบวกใน 12 เดือนข้างหน้า
การแกว่งตัวของดัชนี SET ในสัปดาห์หน้า คาดไม่ต่างจากสัปดาห์นี้ คือยังขึ้นและลงได้แรง ตามสถานการณ์ที่เข้ามากระทบ หากไม่มีปัจจัยลบจากภายใน คาดจะเป็นสัปดาห์ที่อาจเห็นการดีดตัวกลับของดัชนี SET และแรงซื้อหุ้นคืนจากการทำ FTSE rebalancing ที่จะเริ่มมีผลในวันที่ 19 ก.ย. แต่หากยังไม่ดีขึ้น ดัชนี SET ยังลงได้อีก
วันนี้ทิศทางดัชนี SET คาดยังไร้ทิศทาง โดยแรงขายยังมีอย่างต่อเนื่อง และไม่เห็นสัญญาณการซื้อที่เด่นชัดในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากมี คาดจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (SCB KBANK) พลังงานใหญ่ (PTT PTTEP) และปิโตรเคมี (IVL) ส่วนในด้านขายยังจะกระจัดกระจายในทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตามการดัชนี SET ลงไปต่ำ ที่ 1450 จุด แล้วค่อยๆดีดขึ้นมา ในทางเทคนิค ถือเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง วันนี้มองแนวรับที่ 1445-1440 จุดและแนวต้านที่ 1465-1470 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: ทิศทางดัชนี SET แม้จะยังมีกรอบในการขึ้นจำกัด จนกว่าตลาดจะย่อยข่าวเชิงลบ หรือคลายความกังวลลง เรามองว่าหุ้นที่น่าจะลงน้อย จะเป็นหุ้นใหญ่ในกลุ่มหลักที่พร้อมจะดีดตัวกลับหากสถานการณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์สร้างบ้าน สื่อสารใหญ่และ โรงพยาบาล นอกจากนันจะเป็นหุ้น Turnaround อย่าง BANPU และ IVL แม้สภาพตลาดยังคงเปราะบางและพร้อมที่จะเกิดความผันผวนได้ทุกเมื่อ แต่มีจุดเด่นที่ มุมมองของต่างชาติต่อพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย ยังเป็นเชิงบวกใน 12 เดือนข้างหน้า การแกว่งตัวของดัชนี SET ในสัปดาห์หน้า คาดไม่ต่างจากสัปดาห์นี้ คือยังขึ้นและลงได้แรง ตามสถานการณ์ที่เข้ามากระทบ หากไม่มีปัจจัยลบจากภายใน คาดจะเป็นสัปดาห์ที่อาจเห็นการดีดตัวกลับของดัชนี SET และแรงซื้อหุ้นคืนจากการทำ FTSE rebalancing ที่จะเริ่มมีผลในวันที่ 19 ก.ย. แต่หากยังไม่ดีขึ้น ดัชนี SET ยังลงได้อีก วันนี้ทิศทางดัชนี SET คาดยังไร้ทิศทาง โดยแรงขายยังมีอย่างต่อเนื่อง และไม่เห็นสัญญาณการซื้อที่เด่นชัดในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากมี คาดจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (SCB KBANK) พลังงานใหญ่ (PTT PTTEP) และปิโตรเคมี (IVL) ส่วนในด้านขายยังจะกระจัดกระจายในทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตามการดัชนี SET ลงไปต่ำ ที่ 1450 จุด แล้วค่อยๆดีดขึ้นมา ในทางเทคนิค ถือเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง วันนี้มองแนวรับที่ 1445-1440 จุดและแนวต้านที่ 1465-1470 จุด
Themes play :
Defensive Play : เราแนะนำ ซื้อ หุ้นที่มีความปลอดภัยของรายได้, ผลกำไรและกระแสเงินสดสูง (Defensive play) จากโมเดลธุรกิจ (Business model) ที่มีผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจภายในชะลอตัวต่ำ นอกจากนั้นยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง 5-7% ซึ่งจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงได้เป็นอย่างดี อย่าง ADVANC INTUCH JAS และ JASIF ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยเราคาดว่าหุ้นเก็งกำไร (high beta) และหุ้นพื้นฐานดีที่มีราคาเกินราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์มีโอกาสจะถูกขายทำกำไรออกมามากหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ ในขณะที่คาดว่านักลงทุนและกองทุนจะเลือกพักเงินในหุ้น defensive play เพื่อรอให้ระดับราคาหุ้นพื้นฐานดีกลับมาอยู่ในระดับน่าสนใจเข้าลงทุนอีกครั้งก่อนที่จะกลับเข้ามาซื้อลงทุนใหม่ โดยเราให้ราคาที่เหมาะสมของ ADVANC ไว้ที่ 205 บาท, JAS 6.65 บาท, INTUCH 64 บาทและ JASIF ที่ 13.50 บาท
ประเด็นในสัปดาห์
9 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Wholesale Inventories MoM เดือน ก.ค.
13 ก.ย. : จีนประกาศตัวเลข Industrial Production YoY เดือนส.ค.
14 ก.ย. : การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%
15 ก.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Retail Sale in Advance MoM เดือนส.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.0%
Opportunity Day
9 ก.ย. : GUNKUL GIFT TTCL SCN TNP
12 ก.ย. : SITHAI NWR MBKET TKS
13 ก.ย. : DIMET UREKA TPCH TACC PPP DRT SR
14 ก.ย. : BRR UAC CBG K UPOIC LST
Fundamental Stock :
BANKS : Sector Note (คำแนะนำ : Overweight Top pick : SCB, KBANK)
Technical Pick:
SET Index มีแนวรับ 1440-1435 จุด แนวต้าน 1475-1480 จุด
Thai Oil (TOP TB; THB 65.25) - ซื้อ
Loxley (LOXLEY TB; THB 2.88) - ซื้อ
SET Index : ผันผวน
Retail Research Team