- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 07 September 2016 18:46
- Hits: 860
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ตัวเลขเศรษฐกิจแย่ แต่ช่วยหุ้นขึ้นอีกแล้ว
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นโลกและภูมิภาคด้วยความน่าจะเป็นของการที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเดือนนี้ลดลงอีก หลังจากตัวเลขกิจกรรมภาคบริการของสหรัฐออกมาต่ำผิดคาด ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังสหรัฐร่วงกราวรูด แล้วไปกดค่าเงินดอลลาร์ ประเด็นหลังทำให้ความวิตกว่าเงินทุนโลกจะไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ก็ผ่อนคลายลงด้วย ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ค่อนไปทางบวก นายกประยุทธ์จะเร่งให้โครงการรถไฟไทย-จีนเริ่มให้ได้ภายในปีนี้หลังจากหารือนอกรอบกับประธานาธิบดีจีนในช่วงประชุม G20 ที่ผ่านมา ธนาคารโนวาสโกเธียเลื่อนแผนการขายหุ้นธนาคารธนชาต ซึ่งเราเชื่อว่าเพราะกำไรดี ประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : SCC (ราคาปิด 538.00 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 570.50 บาท ; ราคาเป้าหมาย IAA 596.00 บาท)
เราเลือกบมจ. ปูนซีเมนต์ไทย เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยกลยุทธ์ Defensive play จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งโดดเด่น ค่า Beta ที่ต่ำ ประกอบกับ Valuation และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ยังน่าสนใจ เรายังคงเห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังคงสะท้อนมาจากส่วนต่างราคา (Spread) HDPE-Naphtha ที่สามารถยืนเหนือระดับ 700 ดอลลาร์ฯ ต่อตันได้อย่างยาวนานและมั่นคง โดยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวได้ถูกสะท้อนในผลประกอบการของ SCC งวด 1H59 ที่ได้ขยายตัว 18% YoY จากธุรกิจปิโตรเคมีที่ขยายตัวถึง 43% YoY เราเชื่อว่าวงจรขาขึ้นของปิโตรเคมีดังกล่าวจะยาวนานต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งมาจาก Supply ใหม่ในภูมิภาคที่จะยังไม่เกิดขึ้น ในส่วนของธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างแม้กำไรงวดครึ่งปีแรกหดตัว 11% YoY
แต่เชื่อว่าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐซึ่งปัจจุบันได้รับการอนุมัติและดำเนินการอย่างมีความก้าวหน้าจะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศรวมไปถึงผลประกอบการของ SCC นับจากนี้ไป โดยเฉพาะในปีหน้า จากประมาณการกำไรของ IAA consensus คาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปีนี้และปีหน้าจะเติบโตต่อเนื่องอีก 10% YoY และ 5% YoY มาอยู่ที่ 41.43 บ. และ 43.36 บ. ตามลำดับ จากระดับสูงสุดเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCC ปัจจุบันยังมีความน่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER ปีนี้ที่ 13.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 5 ปีที่ 16.0 เท่า และยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอีกราว 3.5% ในส่วนของ Price Pattern ของ SCC ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal อีกทั้ง Price Pattern ของ SCC ยังบ่งบอกถึงโอกาสในการทำ New High ครั้งใหม่อีกด้วย โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SCC มีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 548 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 586 บาท ทั้งนี้ SCC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 508 บาท (แนวต้าน: 538.00, 540.00, 546.00; แนวรับ: 534.00, 532.00, 526.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ความคืบหน้าโครงการระบบราง รมว.คมนาคมกล่าวว่านายกฯ ได้คุยกับประธานาธิบดีจีนในการประชุม G20 ล่าสุด ตั้งเป้าจะเริ่มเฟสแรกของโครงการระบบรางไทย-จีนภายในปีนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาต้นทุนโครงการ คาดว่าจะส่งให้ ครม. ภายใน ก.ย. ถึง ต.ค. สำหรับระบบรางคู่ประจวบ-ชุมพรระยะทาง 167 กม. มูลค่า 1.7 หมื่น ลบ. ซึ่ง ครม. เห็นชอบแล้ว รฟท. จัดทำขอบเขตงาน (TOR) แล้วและจะเปิดประมูลในต้น ต.ค. (InfoQuest)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการโครงการขนส่งมวลชนขนาดรอง หรือโมโนเรล สายสีทองฝั่งธนบุรี เส้นทางกรุงธนฯ-ประชาธิปก ระยะทางเฟสแรก 1.7 ก.ม. และเฟสต่อไป 0.9 ก.ม. นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบการสร้างทางหลวงหมายเลข 2136 เชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิท เพื่อสร้างถนนเชื่อมต่อเข้าไปยังสนามบินอู่ตะเภา สอดรับกับนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของรัฐบาล ใช้งบประมาณ 225 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี (โพสต์ทูเดย์) ความเห็น: ระยะทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทองสั้นมาก คาดว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์กับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากนัก แต่คาดว่าน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัด ส่วนการสร้างถนน เราเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการเปิดพื้นที่ใหม่ ทำให้น่าจะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นตามแนวถนนใหม่ที่การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้น
TCAP (38.50 บ. ซื้อ ราคาเป้าหมาย AWS 46.00 บ.) Scotiabank เลื่อนแผนการขายหุ้นที่ถืออยู่ใน TBANK สัดส่วน 49% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ อ้างอิงจากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรม ทั้งนี้นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานกรรมการ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว (Bangkok Post) ความเห็น: เรามองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานที่เป็นบวกท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนอาจเป็นสาเหตุในการเลื่อนการขายหุ้นดังกล่าว เรายังคงประมาณการการเติบโตของกำไรสุทธิ TCAP ปีนี้ไว้อยู่ที่ 13.1% YoY มาอยู่ที่ 6.1 พันลบ.
ต่างประเทศ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อวันอังคาร หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจแสดงภาคบริการสหรัฐขยายตัวต่ำสุดนับแต่ปี 2551 ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 1% เทียบกับเงินเยน เงินยูโร สวิสฟรังก์ เงินปอนด์ และอีกหลายสกุลเงิน โดยเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมากสุดเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับแต่ช่วงกลางเดือนก.ค. ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 1% อยู่ที่ 94.821 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 26 ส.ค. (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงโดยถ้วนหน้าเมื่อวันอังคาร หลังการเปิดเผยดัชนีภาคบริการสหรัฐในเดือนส.ค. ที่ต่ำกว่าคาด ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 16/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.540% จาก 1.597% เมื่อวันศุกร์ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนปรับตัวลงถึงระดับที่ 1.536% ต่ำสุดนับแต่วันที่ 26 ส.ค. (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร โดยดัชนีแนสแคคปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดไม่ได้สนับสนุนความคิดที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ (Reuters)
เศรษฐกิจในภาคบริการสหรัฐยังคงขยายตัวในเดือนส.ค. แต่ในอัตราชะลอตัวมากกว่าในเดือนก.ค. และขยายตัวลดลงมากสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2551 ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 51.4 จาก 55.5 ในเดือน ก.ค. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 55.0 นอกจากนี้ ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจลดลงอยู่ที่ 51.8 จาก 59.3 ในเดือนก.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 58.8 ดัชนีการจ้างงานลดลงอยู่ที่ 50.7 จากที่ระดับ 51.4 ในเดือนก.ค. และคำสั่งซื้อใหม่ลดลงอยู่ที่ระดับ 51.4 จาก 60.3 ดัชนีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง (ISM Prices Paid) ปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 51.8 จาก 51.9 (Reuters)
โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ในตอนนี้อยู่ที่ 18% เทียบกับ 21% จากช่วงก่อนหน้านี้ จากรายงานของ CME’s FedWatch ส่วนความคาดหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ลดลงเช่นกันอยู่ที่ระดับเหนือ 50% (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวลดลง จากระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่าลงเทียบยูโรจะเป็นปัจจัยกดดันภาคการส่งออกของยูโรโซน นอกจากนี้หุ้นกลุ่มธ.พ. ได้ปรับตัวลดลงนำตลาด รวมไปถึงราคาหุ้น Ingenico ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางด้านธุรกรรมอิเลคทรอนิกส์ (Reuters)
เอเชีย :
นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ตกลงในวันอังคารที่ผ่านมาว่า จะให้เรือลาดตระเวนขนาดใหญ่สองลำ และให้ยืมเครื่องบินสอดแนมอีกห้าลำ กับประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหากรณีพิพาททางทะเลจีนใต้กับจีน โดยจีนอ้างว่ามีปริมาณการค้าผ่านทะเลจีนใต้มากกว่า 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี โดยบรูไน , มาเลเซีย , ฟิลิปปินส์, ไต้หวันและเวียดนาม ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ (Reuters)
ปริมาณการผลิตไฟฟ้าถ่านหินภายใต้การพัฒนาทั่วโลกมีการหดตัวลง 14% ในปีนี้ เป็นผลจากจีนและอินเดียที่ยัง ต่อสู้กับภาวะล้นตลาดของถ่านหิน และความพยายามที่จะส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยรวมปริมาณของ กำลังการผลิตถ่านหินที่วางแผนไว้ก่อนการก่อสร้างได้ลดลง 14% เป็นประมาณ 932 กิกะวัตต์ (GW ) ในเดือนก.ค. จาก 1,090 GW ในช่วงเริ่มต้นของปี (Reuters)
จีนจะใช้นโยบายการคลังเชิงรุก ในขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ แต่ธนาคารจะยอมสนับสนุนสินเชื่อให้เมื่อมีการยืนยันว่าจีนจะลดการผลิตส่วนเกิน และยังเปิดเสรีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อไป (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลงเกือบ 1% วันอังคาร ด้วยความหวังที่ริบหรี่ลงว่าจะมีข้อตกลงเพื่อลดกำลังการผลิตในการแก้ปัญหาอุปทานล้นเกิน ผู้ผลิตน้ำมันทั้ง OPEC และนอก OPEC เช่น รัสเซียจะเจรจาอย่างเป็นทางการในอัลจีเรียวันที่ 26-28 ก.ย. แต่หลายคนในตลาดสงสัยว่าจะมีข้อตกลงเกิดขึ้นได้หรือเปล่า Brent ส่งมอบ พ.ย. ลบ 37 เซนต์ (-0.8%) ปิดที่ 47.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้ากลับบวก 39 เซนต์ (+0.9%) ปิดที่ 44.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัญไม่ได้ทำการในวันจันทร์เพราะเป็นวันหยุดวันแรงงาน (Reuters)
ทองคำบวกเกือบ 2% วันอังคาร เป็นการบวกในรูปร้อยละที่มากสุดนับแต่ มิ.ย. เพราะตัวเลขภาคบริการสหรัฐออกมาแย่ลดการคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำตลาดจรบวก 1.73% ปิดที่ 1,349.29 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำล่วงหน้าสหรัฐส่งมอบ ธ.ค. บวก 2% ปิดที่ 1,354 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094