- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 September 2016 16:23
- Hits: 782
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Thailand Daily Focus 6 September 2016
ตลาดปรับตัวลงมาให้เป็นโอกาสเลือกหุ้นซื้อ จากนั้นเน้นถือรอรอบบวก!
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวลงรุนแรงมากในช่วงสาย ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นภูมิภาคจะแกว่งตัวบวกตอบรับคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังตัวเลขการจ้างงานฯ ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดโดย SET มีแรงขายในลักษณะ panic sell กดดัน แต่ก็เป็นเพียงช่วงสั้นๆหลังจากนั้นยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยพยุงตลาดไว้ได้ตลอดทั้งวันที่เหลือ ทำให้ดัชนีเริ่มมีจังหวะแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นบ้าง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แม้ว่าเช้านี้จะไม่มีตลาดหุ้นสหรัฐเป็นตัวชี้นำ เนื่องจากเมื่อคืนนี้ปิดทำการในวันแรงงาน ส่วนตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่แม้จะยังปิดเป็นลบอีก แต่กรอบลบค่อนข้างแคบ โดยยังมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแรง และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก่อนวันหยุดแรงงานสหรัฐ ก็ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก ประกอบกับตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงค่อนข้างรุนแรงพอควรแล้วในช่วง 2 วันที่ผ่านมาขณะที่นักลงทุนต่างประเทศในบ้านเรายังมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่อง ทำให้ FSS
คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ทรงตัวได้ดีขึ้น และพร้อมที่จะรีบาวด์กลับไปแกว่งบวกขึ้นหาเป้า 1650 จุดได้ในช่วงถัดไปตามคาด
กลยุทธ์ : SET ปรับลง...เราแนะนำให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมต่อเนื่อง จากนั้นเน้นถือเพื่อรอรอบบวกใหญ่ต่อไป
แนวรับ 1490-1485 , 1480-1475 จุด
แนวต้าน 1495-1500 , 1505-1510 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BCH, VTE , AAV(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$569ล้าน นำโดยไต้หวันUS$274ล้าน และเกาหลีใต้ US$216ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$72ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$13ล้าน และเวียดนาม US$13ล้านแนวโน้มเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าภูมิภาค ตลาดคลายกังวลชั่วคราวหลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐอ่อนแอกว่าคาดซึ่งอาจทำให้ Fed ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และลุ้นผลประชุม ECB ว่าจะมีการยืดอายุ QE หรือไม่ศุกร์นี้ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (+) Valuation สะท้อนว่าน่าซื้อ SET Index ที่ปรับลงแรงวานนี้ทำให้ Forward PE ปี2017 ปรับลงเหลือ 14 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา กลับมาถูกที่สุดในกลุ่ม TIPsอีกครั้ง รวมถึงถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลไทยจะขยับขึ้น(Trend เดียวกับ Bond yield ทั่วโลก) แต่อยู่ในระดับต่ำที่ 2.27% และไม่มีแนวโน้มจะขึ้นแรงในเร็วๆนี้ ทำให้ Earnings yield gap อยู่ที่ 4.8% สะท้อนว่าผลตอบแทนของ SETมากกว่าผลตอบแทนของ Govt bond yield ถึง 4.8% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.9%ตลาดหุ้นกลับมาอยู่ในจุดที่น่าซื้ออีกครั้ง
• (0) ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่าในระยะถัดไป วานนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็วกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก แต่มีโอกาสกลับมาแข็งค่าในระยะถัดไป เพราะแนวโน้มFlow ที่มีโอกาสไหลเข้า การประชุม ECB ในวันพฤหัสนี้ มีโอกาสที่ ECB จะขยายอายุ QEออกไปเป็น ก.ย. 2017 ขณะที่ญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
• (+) SCB เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2017 ที่ 190 บาท และยังคงเป็น Top Pick ของกลุ่ม เพราะ ROE ในปี 2017-18 ที่ 14% ถือว่าดีที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งกลุ่ม สำหรับกำไรปี 2016 แม้เราคาดโตเพียง 3% Y-Y แต่เป็นแบงก์เดียวที่มีกำไรเติบโต ส่วนปี 2017 คาด +7% Y-Y เราชอบ SCB ที่กระจายความเสี่ยงสินเชื่อไปในกลุ่มธุรกิจและรายย่อยได้เหมาะสม 60:40 คุณภาพสินเชื่อแข็งแกร่งขึ้นหลังผ่านเรื่อง SSI มาแล้ว และคาดการณ์เงินปันผล 3.7-4% ต่อปี
• (-) RS เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 9.80 บาท จากการปรับกำไรปี 2016-17 เราคาดกำไรปีนี้ -31.6% แนวโน้ม 3Q16 น่าจะดีขึ้นจาก 2Q16 ที่ขาดทุนปกติ 75 ล้านบาทแต่มีโอกาสขาดทุนหรือกำไรเพียงเล็กน้อยเพราะยอดขายของสินค้า Health & Beauty(MAGIC, REVIVE) น่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้า ส่วนรายได้จากธุรกิจทีวีดาวเทียม โดยเฉพาะช่อง 2 ลดลงมากกว่าที่เคยคาด ส่วนปีหน้า แม้กำไรจะฟื้น 57% แต่มี PE สูงถึง 69 เท่าราคาหุ้นที่ปรับลงยังมี upside บ้างแต่ไม่มากพอให้แนะนำซื้อ ยังคงแนะนำถือ