WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

คาด SET ยังอยู่ในช่วงแกว่งลงให้เป็นโอกาสค่อยๆ ทยอยซื้อสะสมต่อ

 ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ขยับบวกได้เพียงเล็กน้อยในช่วงเปิดทำการ ก่อนจะมีแรงขายกดดันให้ดัชนีกลับไปแกว่งตัวด้านลบอีกครั้ง โดยปรับตัวลงไปต่ำสุดของวันเป็นลบเกือบ 10 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในการประชุมเฟดครั้งถัดไป (20-21 ก.ย.) หลังรองประธานเฟดส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยให้เห็น แต่ก็ยังมีแรงซื้อพยุงให้ดัชนีมีลักษณะแกว่งทรงตัวด้านลบในกรอบจำกัดเกือบตลอดทั้งวันได้
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET อาจจะแกว่งทรงตัวได้ต่อ แต่ FSS คาดว่ายังเน้นหนักทางด้านแกว่งลง หลังเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐสามารถขยับขึ้นมาแกว่งตัวบวกทั้งวัน และปิดเป็นบวกถึงกว่า 100 จุด โดยเป็นการขานรับรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน รวมทั้งมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์จากกระแสคาดการณ์เรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดด้วย ทำให้การบวกขึ้นมาของดัชนีดาวโจนส์คงไม่ช่วยหนุนแรงซื้อในบ้านเรามากนัก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังแกว่งตัวอ่อนแอ จากข่าวการเพิ่มการผลิตของกลุ่มโอเปก โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังรอดูตัวเลขจ้างงานฯ ของสหรัฐในช่วงท้ายสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยด้วย
  กลยุทธ์ : ยังแนะนำให้เลือกหุ้นค่อยๆ ทยอยซื้อช่วง SET ลบต่อไปดีกว่า โดยเราคาดว่าหลัง SET ปรับพักตัวสักระยะแล้ว มีสิทธิกลับไปขยับขึ้นรอบใหม่ได้


  แนวรับ 1540-1538 , 1532-1530 จุด
  แนวต้าน 1546-1550 , 1553-1558 จุด
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : CKP, AUCT, TTCL(short)
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$115ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$70ล้าน และไทย US$52ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$11ล้าน (ฟิลิปปินส์ปิดทำการ) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอลงหลังมีกระแสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+)CK-BEM เมื่อวานนี้มีแรงขายออกมาจากข่าวที่ว่าผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินขอยืนเวลาออกไปเพราะรฟม.ส่งมอบพื้นที่ไม่ทันตามกำหนด แต่ขยายเวลาออกไปเพียง 3 เดือนเท่านั้นจากเดิมมิ.ย. 2016 เป็น ก.ย. 2016 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสั้น ดังนั้นเราคาดว่าไม่กระทบต่อพื้นฐานของ CK โดยยังคาดกำไรปกติปี 2016 โต 999% Y-Y ส่วนปี 2017 แม้คาดชะลอตัว 25% Y-Y จากฐานที่สูงในปีนี้แต่ยังถือว่าเป็นระดับที่แข็งแกร่งถ้าเทียบกับในอดีต เรายังแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานปี 2016 ที่ 44 บาท ส่วนเรื่องการเดินรถที่คาดว่าจะกระทบ BEM จากความล่าช้านี้โดยเลื่อนรับรู้รายได้แบบเต็มเส้นทางออกไปเป็นปี 2020-2021 จากปี 2019 แต่มองว่าส่งผลจำกัดต่อราคาพื้นฐานปี 2016 ที่ 12 บาท ขณะที่กำไรปกติปี 2016 และ 2017 คาดว่ายังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 55% Y-Y และ 28% Y-Y ตามลำดับ เราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ
(+) KTC ผู้บริหาร Update ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร (Spending) 7M16 ยังเป็นไปได้ดีอยู่ที่ 9.5 หมื่นลบ. +15%Y-Y ผู้บริหารคาดทั้งปียอดใช้จ่ายผ่านบัตรน่าจะเติบโตได้ที่ราว 16-17% ซึ่งน่าจะดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ การเติบโตของยอดใช้บัตรเป็นปัจจัยสำคัญของประมาณการกำไรของเรา เพราะจะนำไปสู่ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินและค่าธรรมเนียมจากร้านค้ารับบัตรที่มากขึ้นและไม่มีภาระสำรองฯ เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2016-2017 เติบโตราว 18% ต่อปี คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 168 บาท
(+) กลุ่มโรงพยาบาล ดัชนี้กลุ่มการแพทย์ปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดกลางเดือน เม.ย. ราว 6% สวนทางกับ SET ที่ปรับขึ้นราว 9% ในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งคาดว่าเกิดจาก Sector Rotation จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลหลายตัวเริ่มมี Upside เปิดกว้างและน่าสนใจในการกลับเข้าลงทุนอีกครั้ง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่งและมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะเติบโตดีต่อเนื่องจากอานิสงส์ของ High Season เราชอบ BCH (ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 14 บาท) และ BDMS (ราคาพื้นฐานปี 2017 ที่ 26 บาท) มากที่สุดโดยยังคงคำแนะนำ ซื้อ

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
31 ส.ค.-2 ก.ย. - ไทย: Thailand Focus 2016 - A New Growth Strategy
31 ส.ค. - ไทย: TM (ราคา IPO 3 บาท) เริ่มเทรด,ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ส.ค.) 
1 ก.ย. - ไทย:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.) 
- จีน:Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ส.ค.)
2 ก.ย. - เกาหลีใต้: 2Q16 GDP
- สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ส.ค.)
5 ก.ย. - ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวัน Labor Day
- จีน:Caixin China PMI Composite (ส.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.)

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้หลังยอดการใช้จ่ายของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 อย่างไรก็ตามตลาดยังคงจับตาดูว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลือครั้งใดในปีนี้
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนส่วนใหญ่ปิดในแดนลบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าตอบรับถ้อยคำแถลงของประธาน FED ที่ระบุว่าพร้อมขึ้นดอกเบี้ย
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนมาในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่กรอบการขึ้นยังจำกัดเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลง
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวออกข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.50-34.65 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.66 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 46.98 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยถูกกดดันจากSupply ของกลุ่ม OPEC ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าจากคาดการณ์ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ขยับขึ้น 1.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,325.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยการปรับขึ้นยังจำกัดเนื่องจากตลาดยังจับตาดูว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อไร โดยยังเหลือการประชุม 3 ครั้งในปีนี้

Contact person : Somchai Anektaweepon  Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!