WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ทิศทางตลาด
  มีโอกาสปรับลง? คาดดัชนีมีโอกาสลดลง ภายใต้การขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงจากการประชุมประจำปีของเฟด ที่คาดถ้อยแถลงของประธานเฟดอาจมีการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาออกมาดี โดยแนะติดตามค่าเงินสหรัฐฯ ที่อาจแข็งค่าขึ้น หากเฟดมีการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ?
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ คาดยังได้รับปัจจัยบวกจากประเด็น Fund Flow โดยต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง แม้มูลค่าจะมีความ
  ผันผวน แต่ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 120,000 ล้านบาท และคาดอาจมีแรงเก็งกำไร หลังหลายๆ บริษัททยอยประกาศจ่ายปันผล ล่าสุด BBL : 2 บาท XD 6/9/59 KKP : 2 บาท XD 6/9/59 และ BCP : 0.80 บาท XD 6/9/59 เป็นต้น
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว คาด Sentiment ยังเป็นบวกจากสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ คาดกระบวนการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นตาม Road Map เดิม ประมาณปลายปี’60 ซึ่งคาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ
  โดยยังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังมุมมองของ ธปท. เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อน 2 เรื่องหลัก (1) เริ่มมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มมี Downside Risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และ (2) เงินเฟ้ออาจจะกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อยจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
  (2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
  (3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
  (4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK,UNIQ,PYLONและ SEAFCO
  (5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ BCP และ IRPC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี

SET SET50 SET100
1,544.10 -3.45 983.53 -2.67 2,205.70 -4.06

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -33.07, NASDAQ -5.49, S&P -2.97,FTSE -18.88, CAC -28.86 และ DAX -93.38
  โดยอยู่ระหว่างรอการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26/8/59 โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่คาดอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้? แม้ได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด ลดลง 1,000 ราย อยู่ที่ 261,000 ราย ดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 265,000 ราย และ (2) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน –ก.ค. เพิ่มขึ้น 4.4% หลังจากลดลง 4.2% เมื่อมิ.ย.
  ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน - ส.ค. อยู่ที่ 106.2 ลดลงจากระดับ 108.3 เมื่อก.ค. และสวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 108.5
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. +US$0.56 อยู่ที่ US$47.33 ต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งจากการเข้าเก็งกำไร หลังราคาลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังคงมีความกังวลต่อภาวะอุปปทานส่วนเกิน และยังอยู่ระหว่างรอการประชุมของกลุ่มโอเปก ในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ ที่แอลจีเรีย อย่างไรก็ตามการเจรจาหลายครั้งก่อนหน้านี้ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่ประสบความสำเร็จ

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 57,913.68
สถาบัน -110.39
บัญชีหลักทรัพย์ -197.19
ต่างประเทศ 1,017.42
ในประเทศ -709.85

  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$5.1 อยู่ที่ US$ 1,324.6ต่อออนซ์ ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยอยู่ระหว่างรอถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งอาจส่งสัญญาณในการประชุมประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็คสันโฮล ในวันศุกร์นี้ว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ ?
  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,017 ล้านบาท สะสม YTD  +111,820 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 26 ส.ค.  2559       
  26/8/59 : ก.พาณิชย์ เปิดเผยยอดส่งออก – ก.ค. (คาดลดลง 2.0%yoy โดยลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน)
สหรัฐฯ เปิดเผย
   ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP – 2Q/59
   ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค. 
   ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนส.ค.
  (6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
  (7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%  
  (8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
  (9) กลุ่มหลักทรัพย์ จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เช่น ASP, MBKET

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 1.58% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.18 อยู่ที่ 13.63
หุ้นแนะนำ : UNIQ

 นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!