WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Asiawealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

ระมัดระวัง
  คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ โดยนักลงทุนทั้งโลกคงจะเลือกที่จะระมัดระวังไม่บุ่มบ่ามก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed เจเน็ท เยลเล็น คืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย ด้วยมีอีก 3 เจ้าหน้าที่ Fed ออกมาออกความเห็นสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย ความน่าจะเป็นของการจะขึ้นดอกเบี้ยก็เลยเพิ่มขึ้นอีก ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ค่อนออกไปทางลบ การสำรวจเรื่องความสามารถในการแข่งขันของ SME ยังลดลงอีกน่าจะมาจากการส่งออกที่อ่อนแอช่วงต้น ส.ค. เราเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้และปีหน้า

หุ้นเด่นวันนี้ : SAT (ราคาปิด 13.80 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 15.86 บาท)
  เราเลือก บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่ราคาน่าจะยัง laggard อยู่ แม้ว่ากำไรกำลังจะกลับทิศเป็นบวกก็ตาม หนุนโดยอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ดีขึ้นและปันผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้ SAT ยังมีข่าวดีว่าลูกค้าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามามูลค่ากว่า 350 ลบ. (ประมาณ 3-4% ของยอดขายรายปี) การผลิตและการรับรู้รายได้จะเข้ามาช่วงท้ายๆ ของปี ขณะที่ตัวเลขการผลิตรถยนต์โดยรวมของประเทศ 7 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 4.2% สู่ระดับ 1.147 ล้านคันคิดเป็น 57% ของเป้าหมายปี 59 ของสมาคมยานยนต์ไทยที่ 2 ล้านคัน แม้การผลิตในเดือน ก.ค. จะลดลง 7.2% YoY

     เราเชื่อว่าไม่น่ากังวลนักเพราะมีการเปลี่ยนแปลงรุ่นของรถหลายรุ่นซึ่งทำให้มีการเร่งซื้อรถใหม่ไปในช่วง 3 เดือนก่อนและการบริโภคภาคเอกชนอยู่ระหว่างฟื้นตัวสะท้อนโดยตัวเลขที่เติบโต 2.3% ในไตรมาส 1/59 และโตดี 3.8% ในไตรมาส 2/59. SAT เป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์และรถไถ อาทิ เพลา เบรก สปริง กันโคลง มีลูกค้าเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นแนวหน้าได้แก่ โตโยต้า มิตซูบิชิ อิซูซุ ฮอนด้า นิสสัน จีเอ็ม คูโบต้าและฮีโน่ ล่าสุดรถไถคูโบต้าได้มีการเปลี่ยนรุ่นซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างชัดเจนเนื่องจากรุ่นใหม่ให้แรงม้าที่สูงกว่าซึ่งลูกค้าชอบ เราเชื่อว่าราคา SAT ยังไม่ได้สะท้อนพื้นฐานที่ดีดังที่กล่าวมา หุ้นยังไม่ฟื้นตามตลาดและร่วงถึง 14.7% ในปีนี้ขณะที่ SET เพิ่มขึ้น 19.9% โดยราคาเทรดที่ PE ปี 59 เพียง 10 เท่าเท่านั้นเอง และจะลดลงเป็น 8.9 เท่าในปี 60 ตามคาดการณ์ Bloomberg แม้กำไรสุทธิปีนี้จะลดลง 6% แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 14% ปี 60 และ 13% ปี 61 คาดกันว่า SAT จะให้ปันผลตอบแทนระดับดีงามที่ราว 4.16%-5.13% ช่วง 59-61 ซึ่งดีกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมที่ 3.47%

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

      SME ยังไม่ฟื้นตัว ผลสำรวจจากม.หอการค้าไทยที่สำรวจระหว่างวันที่ 1-20 ส.ค. แสดงถึง SME ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจประเทศที่กำลังฟื้นตัว โดยที่ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน SME ของไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 48.2 ลดลง 0.2 จุด QoQ ซึ่งตัวเลขที่ลดลงนี้มาจากรายได้ที่ลดลงแต่ในขณะเดียวกันต้นทุนการผลิตได้เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กระทบกำไร (Bangkok Post) ความเห็น: การส่งออกที่อ่อนแอคาดว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระทบ SME.
      กระทรวงพาณิชย์เตรียมพิจารณาราคาส่งออกข้าวขั้นต่ำ หลังจากที่ราคาส่งออกข้าวปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 2,000 บาทต่อตันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการควบคุมราคาข้าวรวมไปถึงสงครามราคาข้าวในกลุ่มผู้ค้าขาย นอกจากนี้กระทรวงฯ ยังมองว่าความต้องการบริโภคข้าวของโลกยังคงอยู่ในระดับสูง สวนทางกับราคาข้าวที่ปรับตัวลดลงมา (Bangkok Post)
      เตรียมเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมในเดือนมี.ค. กระทรวงพลังงานเปิดเผยว่ารัฐบาลมีแผนที่จะเปิดการประมูลสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุ ได้แก่ แหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช ซึ่งปัจจุบันดำเนินการโดย Chevron และ PTTEP (81.00 บ. ขาย ราคาเป้าหมาย AWS 68.0 บ.) ตามลำดับ โดยจะหมดอายุสัญญาโครงการในปี 2565 และ 2566 โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการร่างข้อตกลงและเงื่อนไขกฎเกณฑ์ต่างๆ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ขณะที่คาดจะรู้ผลผู้ชนะในช่วงเดือน ก.ย. ปีหน้า (Bangkok Post) ความเห็น: เรายังคงเชื่อว่าผู้รับสัมปทานรายเดิมมีโอกาสที่จะได้รับสัมปทานใหม่มากกว่าจากความเข้าใจและความเชียวชาญในแหล่งปิโตรเลียมนั้นมาอย่างยาวนาน นอกเหนือไปจากประโยชน์ของการผลิตปิโตรเลียมได้อย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงของการขาดแคลนพลังงานในประเทศ
      DTAC (34.75 บาท, ขาย, ราคาเป้าหมาย 31 บาท) คาดว่ารายได้ให้บริการมือถือจะเติบโต 4% ปีนี้เพราะฐานลูกค้ารายเดือนที่โตดีหนุนโดยตัวเลขการใช้ข้อมูลมือถือเพิ่มขึ้นถึง 80% จากการมาของ 4จี แม้ว่าครึ่งแรกของปีจะไม่เติบโตก็ตาม (Bangkok Post) ความเห็น: ข่าวนี้เป็นบวกต่อ DTAC แต่เราคาดว่ากำไรไม่น่าจะปรับตัวดีขึ้นนักในช่วงเวลาอันใกล้เพราะยังมีค่าตัดจำหน่ายระดับสูงจากเครือข่ายภายใต้ระบบสัมปทานที่พึ่งลงทุนไป ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมถึงต้นทุนการอุดหนุนค่าเครื่องที่เพิ่มขึ้น DTAC น่าจะไปดีขึ้นตอนที่ได้ใบอนุญาตคลื่นความถี่ใหม่ซึ่งอย่างเร็วก็ช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

ประเด็นในต่างประเทศ

มีความเห็นเชิงแข็งกร้าวจากเจ้าหน้าที่ Fed เพิ่มอีก 3 รายทำให้เก็งกันว่ามีโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น นางเอสเตอร์ จอร์จ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแคนซัส ซิตี รวมทั้งนายโรเบิร์ต แคบแลน ประธาน Fed สาขาดัลลัสได้ให้ความเห็นเมื่อวานนี้สนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามผู้กำหนดนโยบายรายอื่น ๆ ที่ออกมาให้ความเห็นเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากความเห็นดังกล่าว เทรดเดอร์คาดหวังมากขึ้นว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. อยู่ที่ 24% จาก 21% ในขณะที่มองว่ามีโอกาส 57% ที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. จาก 50.6% เมื่อวันพุธ จากข้อมูลของ CME Group’s FedWatch (Reuters)
     อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัส หลังจากที่รัฐบาลเห็นถึงความต้องการในการขายพันธบัตรอายุ 7 ปีชุดใหม่ที่ลดลงก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลน ประธาน Fed ในวันศุกร์นี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 5/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.58% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันพุธที่ระดับ 1.56% (Reuters)
     ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากนักลงทุนได้ปิดความเสี่ยงของการซื้อขายก่อนที่นางเยลเลน ประธานFed จะกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็คสัน โฮลในวันนี้ ในการซื้อขายช่วงครึ่งเช้า เงินยูโรปรับตัวขึ้น 0.3% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับ 1.1293 ดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโรแข็งค่าขึ้นถึงแม้จะมีผลการสำรวจของสถาบัน IFO ที่แสดงว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมันเสื่อมลงอย่างหนักในเดือนส.ค. ขณะที่ความกลัวผลกระทบของ Brexit มีผลต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจของผู้บริหาร (Reuters)

สหรัฐ :

    ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากมีความเห็นจากเจ้าหน้าที่ Fed เพิ่มอีก 3 รายซึ่งหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หุ้นในกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคฉุดตลาดลงส่วนหุ้นในกลุ่มการเงินซึ่งปกติแล้วได้รับประโยชน์เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นได้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย (Reuters)
     จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเกินคาดในสัปดาห์ก่อน บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีเสถียรภาพ โดยลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 261,000 รายในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 265,000 ราย จำนวนผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการฯ อยู่ต่ำกว่า 300,000 รายซึ่งแสดงว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งติดต่อกัน 77 สัปดาห์แล้ว ยาวนานที่สุดนับแต่ปี 2516 (Reuters)
     คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าทุนเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ค. เนื่องจากความต้องการเครื่องจักรและสินค้าประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น เป็นสัญญาณว่าภาวะขาลงของการใช้จ่ายทางธุรกิจกำลังเริ่มผ่อนคลาย คำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่เกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่เดือนม.ค. คำสั่งซื้อสินค้าทุนหลักเหล่านี้เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. การเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อในเดือนก.ค. เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนม.ค. 58 ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าคำสั่งซื้อสินค้าทุนหลักจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนที่แล้ว (Reuters)
ภาคบริการสหรัฐชะลอตัวลงแต่ยังขยายตัวได้อยู่ ตัวเลขเบื้องต้นของดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคบริการสหรัฐออกมา 50.9 ใน ส.ค. ยังอยู่เหนือระดับ 50.0 เป็นเดือนที่ 6 อย่างไรก็ดีดัชนีหล่นลงมาจาก 51.4 และอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับแต่ ก.พ. (IHS Markit)

ยุโรป :

      ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวลดลง นำโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสินแร่และกลุ่มผู้ผลิตยา ประกอบกับการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนออกมาเพื่อรอดูถ้อยแถลงของ Janet Yellen ประธาน Fed ที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ตลาดโดยรวมยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการสำรวจความเชื่อมั่นในเยอรมนีที่น่าผิดหวัง (Reuters)

เอเชีย :

     ราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(เงินเฟ้อ) เดือน ก.ค.ของญี่ปุ่นลดลง เป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันและเป็นการลดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าสามปี ข้อมูลของรัฐบาลแสดงให้เห็นในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีความผันผวน แต่ไม่รวมราคาอาหารสดลดลง 0.5% YoY ในเดือน ก.ค. มากกว่าค่าคาดการณ์เฉลี่ยที่มองว่าลดลง 0.4% และมากกว่า เดือน มิ.ย. ที่ลดลง 0.4% เล็กน้อย (Reuters)
ตลาดที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่นหาทางออกที่สดใสยาก: ตลาดที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่นมีแนวโน้มโตปานกลาง หลังจากการลงทุน ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบห้าปี ในไตรมาส 2/59 แต่ผลประโยชน์ต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคและการจ้างงานจะดำเนินการต่อไปในปีหน้า เนื่องจากการอัตราดอกเบี้ยติดลบของ BOJ ขณะที่การลงทุนที่อยู่อาศัยภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 5% ในไตรมาส 2/59 (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

      ราคาน้ำมันบวกกว่า 1% วันพฤหัส ด้วยความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านบริเวณอ่าวตอนเหนือ น้ำมันเป็นบวกลดลงหลังจากกรัฐมนตรีพลังงานซาอุฯ ให้สัมภาษณ์ว่าไม่แน่ใจเกี่ยวกับโอกาสที่โอเปคจะลดการผลิต โดยกล่าวกับรอยเตอร์สว่าเขาไม่เชื่อว่าจำเป็นต้องแทรกแซงน้ำมันอย่างชัดเจนเพราะอุปสงค์ในน้ำมันดิบเริ่มหักหัวขึ้นแล้วทั่วโลก Brent บวก 62 เซนต์ (+1.3%) ปิดที่ 49.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 56 เซนต์ (+1.2%) ปิดที่ 47.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
      สหรัฐและอิหร่านตึงเครียดบริเวณอ่าว นาวิกโยธินสหรัฐยิงเตือนไปสามครั้งหลังยานพาหนะอิหร่านเข้าใกล้เรือสหรัฐสองลำในอ่าวตอนเหนือวันพุธ สหรัฐรายงานอีดเหตุการณ์ในวันพุธว่าเรือเดินสมุทรอิหร่านรุกรานเรือรบสหรัฐใกล้ช่องแคบฮอร์มุซช่วงต้นสัปดาห์นี้ (Reuters)
โอเปกและผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ นัดประชุมในอัลจีเรีย วันที่ 26-28 ก.ย.นี้ เป็นการประชุมนอกรอบของ International Energy Forum มีการเก็งกำไรมากมายว่าที่ประชุมจะเห็นด้วยกับการจัดการผลผลิต หลังจากความพยายามควบคุมการผลิต ล้มเหลวในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา (Reuters)
ทองคำราคาต่ำสุดในรอบสี่สัปดาห์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ภายใต้แรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในจังหวะที่ราคาวิ่งขึ้นไปรับคำกล่าวสุนทรพจน์โดยประธานเฟด นางเจเน็ต แยลเลน ในสัปดาห์นี้ ว่าจะเฝ้าดูเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงิน ราคาสปอตของทองคำลดลง 0.1% อยู่ที่ 1,322.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ฟิวเจอร์สทองคำส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 0.4% เป็น 1,324.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้วย (Reuters)

Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!