- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 August 2016 17:26
- Hits: 2728
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
นโยบายของทางการ
คาดหุ้นไทยขยับขึ้นเล็กน้อยวันนี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดออกมารวมๆแล้วดีขึ้น แม้จะเล็กน้อยก็ตาม ทั้งจากสหรัฐ ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมทั้งแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางญี่ปุ่น และจีน มีผลบวกต่อตลาด รัฐบาลไทยยังคงดำเนินความพยายามเร่งโครงการรถไฟไทย-จีน การเจรจาวันนี้ที่ปักกิ่งคาดว่าจะตกลงเริ่มได้ก่อน 2 สายภายในปีนี้ ครม.ก็อนุมัติร่ง พรบ.บริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งน่าจะเริ่มมีผลปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งน่าจะทาให้รัฐวิสาหกิจมีผลประกอบการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้นเด่นวันนี้ : TCAP (Bt39.00; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 46.00 บาท)
บมจ.ทุนธนชาต เป็นหนึ่งในสองหุ้นในกลุ่มธนาคารที่เราแนะนำ (หุ้นอีกตัวหนึ่งคือ BBL (Bt174.50; ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 188.00 บาท)) เนื่องจาก TCAP มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NlM) ที่สูง คุณภาพสินทรัพย์อันแข็งแกร่ง มูลค่าที่ถูก และอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าสินเชื่อของ TCAP ในไตรมาส 2/59 จะยังหดตัว 3.7% YTD เนื่องจากการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ แต่ NlM ในไตรมาสดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 3.1% จาก 3.0% ในไตรมาส 1/59 และ 2.9% ในไตรมาส 2/58 เราคาดว่า NlM ของธนาคารจะยังสามารถคงอยู่ในระดับนี้ในช่วงครึ่งหลังของปีหนุนโดยสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและการบริหารต้นทุนทางการเงินของธนาคารที่มีประสิทธิภาพ ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ TCAP ในไตรมาส 2/59 ลดลงติดต่อกัน 8 ไตรมาสมาแล้ว ซึ่งสวนทางกับทิศทางของอุตสาหกรรม การปรับตัวดีขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์นี้จะช่วยให้ธนาคารสามารถตั้งสำรองฯ ลดลงได้ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลดีกับกำไรของธนาคาร ในแง่ของการประเมินมูลค่า หุ้น TCAP ยังน่าสนใจมากอิงจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.86 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนค่อนข้างน่าสนใจที่ 5.1% เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตที่ 13.1% ในปี 59 และ 9.0% ในปี 60 Price Pattern ของ TCAP ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Buy Signal เพียงแต่ในระยะสั้นยังคงอยู่ในช่วงของการปรับฐาน ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเข้าเก็บหุ้น TCAP จากการเกิด Daily Sell Signal นั่นเอง โดยหาก Price Pattern ของ TCAP สามารถปิดตลาดเหนือ 39 บาท ก็จะทำให้การปรับฐานระยะสั้นจบลง และทำให้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ในกรณีที่ Price Pattern ของ TCAP สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 39 บาทได้ คาดว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายแรกที่ 40.25 บาทก่อน (Resistance: 39.25, 39.50, 39.75; Support: 38.75, 38.50, 38.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ติดตามความคืบหน้าการเจรจาโครงการรถไฟไทย-จีน เมื่อวานนี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนในการพัฒนารถไฟความเร็วสูงทางคู่ จากมาบตาพุดไปหนองคาย และกรุงเทพฯไปแก่งคอย โดยไทยจะลงทุนก่อสร้างเองทั้งหมด ช่วงแรกคือช่วงกรุงเทพฯ นครราชสีมา รัฐบาลไทยและจีนได้ตั้งกรอบเวลาที่จะลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาโครงการที่อยู่ภายใน 24 ส.ค. (วันนี้) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะอยู่ในที่ประชุมในกรุงปักกิ่ง ช่วง 23-24 ส.ค. นี้แล้ว (The Nation) ความเห็น: เราคาดว่าถ้าดีลนี้ได้ข้อสรุป มันจะมีผลบวกต่อการขนส่งระหว่างไทย-จีน ครอบคลุมผ่าน AEC ในช่วงลาวและเวียดนามด้วย ผู้รับเหมาขนาดใหญ่และกลางที่ผ่านคุณสมบัติรับงานโยธาภาครัฐบาลได้ จะได้รับประโยชน์ควบคู่ไปกับผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง เน้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก่อน CK, ITD, STEC, UNIQ, NWR, TRC, PYLON และ SEAFCO
ทีโอทีเจรจาบริษัทต่างชาติเพื่อร่วมทำธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามสาย (FBB) ซึ่งรวมถึง China Telecom เพื่อเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ปัจจุบันทีโอทีมีลูกค้า FBB ราว 1.3 ล้านราย (The Nation)ความเห็น: หากดีลนี้เป็นรูปเป็นร่างจริง น่าจะทำให้การแข่งขันเพิ่มขึ้น และจะไม่ง่ายสำหรับ JAS (5.70 บาท) TRUE (8.45 บาท) และ ADVANC (172 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 200 บาท) ที่จะเก็บเกี่ยวรายได้จากธุรกิจ FBB อย่างสะดวกง่ายเหมือนเดิม
ครม.เห็นชอบร่างกฎหมายคุมรัฐวิสาหกิจ รัฐจะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งแห่งชาติ (ก.คลังถือทั้งหมด) เพื่อดูแลรัฐวิสาหกิจ 12 แห่งและมีแนวทางสำหรับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเพื่อยกระดับธรรมาภิบาลและความโปร่งใส สินทรัพย์ของทั้ง 12 แห่งนี้จะโอนให้บริษัทโฮลดิ้งแห่งชาติแทนที่จะเป็น ก.คลัง ภายใน 180 วันหลังจากร่างกฎหมายมีผล ซึ่งคาดว่าเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และยังกำหนดให้มีแผนห้าปีสำหรับแต่ละแห่งเพื่อปฏิบัติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย (The Nation)
ครม. อนุมัติร่างพ.ร.บ. 4 ฉบับในการสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ ประกอบไปด้วยการให้สิทธิ์ลดหย่อนทางภาษี 100% สำหรับบริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงยาวนานถึง 15 ปี รวมไปถึงหลักการจัดตั้งกองทุนสำหรับเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันขนาด 1.0 หมื่นลบ. ในการสนับสนุนทางการเงินแก่นักลงทุนและผู้ประกอบการทางด้านนวัตกรรม ขณะที่ร่าง พ.ร.บ. อื่นๆ ประกอบด้วยแนวทางการขยายเวลาการให้สิทธิ์ลดหย่อนทางภาษี 100% ผ่าน BOl เป็นเวลา 13 ปี จากเดิม 8 ปี และหลังจากนั้นอีก 5 ปีเป็น 50% เช่นเดิม รวมไปถึงแนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 10 จังหวัด (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธาน Fed ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล ในวันศุกร์นี้เพื่อหาสัญญาณช่วงเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากกรรมการของ Fed บางรายกล่าวเป็นนัยถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ การประชุมดังกล่าวซึ่งเป็นการรวมเหล่าประธานธนาคารกลางจากทั่วโลกจะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสนี้และตามธรรมเนียมแล้วถือเป็นเวทีของ Fed ในการส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายทางการเงิน (Reuters)
เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาวปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่งเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนจับตาว่านางเยลเลน ประธาน Fed จะใช้นโยบายควบคุมอัตราเงินเฟ้อในการกล่าวสุนทรพจน์ในวันศุกร์นี้หรือไม่ เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุระหว่าง 5-30 ปี ลดลงต่ำถึง 108.50 bps เมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนมี.ค. 2558 ก่อนปิดที่ระดับ 109.10 bps (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนหันมาให้ความสนใจต่อการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลนในวันศุกร์นี้แทนความเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประธานสาขาของ Fed ดัชนีค่าเงินดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 วันอยู่ที่ระดับ 94.958 จุด เทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันจันทร์ โดยปรับตัวลง 0.1% อยู่ที่ระดับ 94.397 จุด ในช่วงครึ่งเช้าของวันอังคาร (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันอังคาร จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้หนุนดัชนีแนสแดคให้แตะระดับสูงสุดระหว่างการซื้อขาย อีกทั้งข้อมูลยอดขายบ้านอันแข็งแกร่งเป็นเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังดีขึ้น นักลงทุนกำลังให้ความสนใจไปที่ความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาไม่กี่เดือนนี้ (Reuters)
ยอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี จากความต้องการบ้านเป็นอย่างมาก ทำให้แนวโน้มตลาดอสังหาสดใสและหนุนความเห็นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะดีขึ้นในไตรมาส 3/59 ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 12.4% สู่ระดับ 654,000 ยูนิตในเดือนก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2550 และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ทั้งนี้ ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 31.3% YoY นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่ซึ่งคิดเป็น 9.6% ของยอดขายบ้านทุกประเภทจะลดลงสู่ระดับ 580,000 ยูนิต (Reuters)
ดัชนีภาคการผลิตอยู่ในระดับปานกลางในเดือนส.ค. มาร์กิตประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMl) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค. ลดลงอยู่ที่ระดับ 52.1 ในเดือนส.ค. เทียบกับเดือนก.ค. ที่ระดับ 52.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ตัวเลขดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งบอกถึงการขยายตัวในภาคการผลิต ทั้งนี้ ผู้ผลิตได้รายงานการขยายตัวของคำสั่งซื้อที่ชะลอตัวในเดือนนี้ โดยบางบริษัทกล่าวว่ามีลูกค้าจำนวนหนึ่งใช้วิธีรอดูไปก่อนจนกว่าจะทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. (lHS Markit)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านและที่อยู่อาศัย ขณะที่หุ้นกลุ่มสินแร่ฟื้นตัวจากการปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ (Reuters)
ดัชนี PMI ในเบื้องต้นรวมภาคการผลิตและการบริการยูโรโซนเดือนส.ค. ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน มาอยู่ที่ 53.3 จาก 52.2 ในเดือนก.ค. อิงจากผลสำรวจของ Markit ทั้งนี้ดัชนี PMl ภาคการบริการเบื้องต้นเดือนส.ค. ของยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 52.9 ในเดือนก.ค อย่างไรก็ตามดัชนี PMl ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนส.ค. ของยูโรโซนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 52.0 ในเดือนก.ค. (HlS Markit)
เอเชีย :
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นขยายตัวครั้งแรกนับตั้งแต่กุมภาพันธ์: lHS Markit Flash ซึ่งเป็นดัชนีผลผลิตภาคการผลิตของญี่ปุ่น อยู่ที่ 50.6 เพิ่มขึ้นครั้งแรก ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นจาก 49.4 ในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ผลิต PMl ญี่ปุ่นเท่ากับ 49.6 ในเดือนสิงหาคม ( เทียบกับ 49.3 ในเดือนกรกฎาคม ) ซึ่งยังคงอยู่ในโซนของการหดตัว(lHS Markit)
ญี่ปุ่นควรจะใช้จ่าย 10 ล้านล้านเยน (99.83 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในปีงบประมาณ 2560 และ 2561 เพื่อชดเชยความต้องการทางเศรษฐกิจที่หดลงและลดความเสี่ยงของภาวะเงินฝืด ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับ ปีปัจจุบันที่มีการใช้จ่าย 7.5 ล้านล้านเยน แต่รัฐบาลต้องการจะใช้จ่ายมากขึ้น ได้อย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มดีมานด์ มีช่องว่างระหว่างผลผลิตจริง กับผลผลิตในภาวะจ้างงานเต็มที่อยู่ 15 ล้านล้านเยน หมายความว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มความต้องการ ภายในประเทศด้วยจำนวนเดียวกัน รัฐบาลต้องเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังและใช้การผ่อนคลายทางการเงินให้น้อยลง (Reuters)
PBOC เพิ่มสภาพคล่องในระยะสั้น: ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีนขอธนาคารเกี่ยวกับความต้องการสำหรับพันธบัตรซื้อคืน 14 วัน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จะขยายกลยุทธ์การใช้เป้าหมายการฉีดในระยะสั้นมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยหรืออัตราสำรองของธนาคาร (RRR) โดย PBOC อัดฉีด 654.3 พันล้านหยวน (US$ 98.44 พันล้าน) ตั้งแต่ต้นปีถึง 20 สิงหาคม (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวกกว่า 1% วันอังคาร หลังรอยเตอร์สรายงานว่าอิหร่านส่งสัญญาณบวกว่าจะร่วมสนับสนุนโอเปคในการพยุงตลาด Brent บวก 80 เซนต์ (+1.6%) ปิดที่ 49.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 69 เซนต์ (+1.5%) ปิดที่ 48.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันเช้านี้กลับลดลงสวนการบวกช่วงข้ามคืนหลังสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (APl) รายงานหลังตลาดปิดวันอังคารว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งผิดคาด (Reuters)
ราคาทองปรับเพิ่มวันอังคาร เพราะตลาดเปลี่ยนจุดสนใจจากความเห็นเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เป็นเรื่องการประชุมของนายธนาคารกลางโลกสัปดาห์นี้ ซึ่งน่าจะมีการบอกใบ้เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐ ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.3% ปิดที่ 1,342.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแตะจุดต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ที่ 1,331.35 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงวันก่อน ทองคำสหรัฐไม่เปลี่ยนแปลงปิดที่ 1,344 (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) TeI: 02 680 5041
Mr. Krit SuwanpibuI (No.17968) TeI: 02 680 5090
Mrs. VajiraIux SangIerdsiIIapachai (No. 17385) TeI: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) TeI: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) TeI: 02 680 5094