- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 August 2016 17:15
- Hits: 892
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : KTC
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target1650
แม้ SET มีจังหวะรีบาวด์กลับได้บ้าง แต่คาดปรับลงต่อได้อีก...รอซื้อลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดปรับลงอีกในช่วงครึ่งวันเช้า ถึงแม้ว่าวันก่อนหน้าจะยืนทรงตัวได้บ้าง คาดว่ามาจากแรงขายเกี่ยวกับความกังวลว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ รวมทั้งการอ่อนแอลงของราคาน้ำมันดิบ หลังยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ก่อนที่ SET ภาคบ่ายจะดูดีขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัว
แนวโน้มตลาดวันนี้ : หลังจากช่วงบ่ายวานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มมีจังหวะฟื้นตัวขึ้นมาแกว่งในกรอบ 46.7-47.2 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งแม้ว่าจะยังแกว่งค่อนข้างผันผวนมากจนถึงช่วงเย็น แต่สุดท้ายราคาน้ำมันยังสามารถขยับบวกกลับขึ้น 1.5% มาเคลื่อนไหวแถว 48 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ โดยมีแรงหนุนจากข่าวที่ว่าอิหร่านส่งสัญญาณพร้อมให้ความร่วมมือในการพยุงราคาน้ำมันส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้กลับมาปิดบวกอีกครั้ง โดยยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน ก.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปี และตัวเลข PMI ของยูโรโซนเดือน ส.ค.ที่ขยายตัวดีขึ้นด้วยอย่างไรก็ตามแรงขายในตลาดเอเชียยังมีให้เห็น FSS จึงคาดว่า SET ยังมีสิทธิแกว่งผันผวนและปรับลงอีกได้ โดยนักลงทุนยังรอตามดูสุนทรพจน์ของประธานเฟดในช่วงท้ายสัปดาห์นี้อีกครั้ง (26 ส.ค.)
กลยุทธ์ : เราจึงยังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมช่วง SET ปรับตัวลงดีกว่า
แนวรับ 1535-1532 , 1528-1525 จุด
แนวต้าน 1541-1543 , 1547-1550 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PLAT, SCN, GPSC(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$47ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$54ล้าน และไทย US$18ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$12ล้านและฟิลิปปินส์ US$10ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตลาดยังคงจับตาต่อคำกล่าวของประธานเฟดในคืนวันศุกร์นี้ที่แจ็คสันโฮลขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (0) ไม่น่าเห็นความชัดเจนจากแจ๊กสันโฮล แม้นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole 25-27 ส.ค. แต่คาดว่าจะไม่มีการส่งสัญญาณใดๆจากเยลเลน เพราะน่าจะรอตัวเลขการจ้างงานเดือน ส.ค. ศุกร์หน้าก่อน และหัวข้อการประชุมครั้งนี้คือ “Designing resilient monetarypolicy frameworks for the future” ซึ่งน่าจะให้ความสนใจกับการวางนโยบายในระยะยาวมากกว่า อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลขบ้านของสหรัฐเมื่อคืนที่ออกมาดีมากทำให้การคาดการณ์ของตลาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้าเพิ่มเป็น28% (เดิม 22%) และความเป็นไปได้ที่จะขึ้นในเดือน ธ.ค. เพิ่มเป็น 54%(เดิม 51%) แต่เราเชื่อว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากเพียงครั้งเดียวปลายปีนี้
• (+) KTC เราปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 168 บาท บนกำไรปี 2017 ที่คาดโต 18% และคาดว่าจะรักษาอัตราการเติบโต 15-20% ได้ในช่วงปี 2017-20ประมาณการของเรายังมี upside จากสำรองฯที่แทบไม่จำเป็นต้องตั้งเพิ่มแล้วเพราะ Coverage ratio ที่สูงถึง 439% และค่าการตลาดที่มีโอกาสต่ำกว่าคาดจุดเด่นของ KTC คือคุณภาพหนี้ซึ่ง NPL ต่ำกว่าอุตสาหกรรมมาก และการอยู่ในธุรกิจบัตรเครดิตที่พร้อมจะต่อยอดไปสู่ Cashless society ในยุค DigitalEconomy ได้ KTC เป็นหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์อีกตัวหนึ่งที่เราชอบ
• (+) PACE หลังจากขาดทุนสุทธิ 640 ล้านบาทใน 1H16 และขาดทุนมา 3 ปีก่อนหน้านี้ (ปี 2013-15) จากการลงทุนขนาดใหญ่เกือบ 2 หมื่นล้านบาทในโครงการมหานคร (ที่อยู่อาศัยแบบ mix-used ที่ถ.นราธิวาสฯ) และมหาสมุทร(วิลล่าที่หัวหิน) แต่เชื่อว่าผลประกอบการจะเริ่ม turnaround ตั้งแต่ 3Q16 จากการโอนโครงการมหานครอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และโครงการมหาสมุทรจะเริ่มโอนใน 4Q16 เรายังคาดกำไรใน 2H16 จะมากพอที่จะพลิกให้ทั้งปีเป็นกำไรได้ 471 ล้านบาท และก้าวกระโดด 184% Y-Y เป็น 1.34 พันล้านบาทในปีหน้า ทำให้ PE ที่แพง 30 เท่าในปีนี้เหลือเพียง 10.7 เท่าปีหน้า ยังคงแนะนำซื้อ คงราคาพื้นฐานปีหน้า 4.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ส.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.ค.), ยอดขายรถ (ก.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.ค.)
26 ส.ค. - สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +1.1% Q-Q ลดลงจากคาดการณ์ครั้งแรกที่ +1.2%), การประชุมประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole
29 ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.)
31 ส.ค. - ไทย: TM (ราคา IPO 3 บาท) เริ่มเทรด, ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ส.ค.)
1 ก.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- จีน: Manufacturing & Non-manufacturing PMI (ส.ค.)
2 ก.ย. - เกาหลีใต้: 2Q16 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ส.ค.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวก โดยปัจจัยหนุนมาจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.ที่พุ่งขึ้น สู่ระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2007นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้น
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยรับปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลข PMIภาคการบริการในเดือนส.ค.ที่ยังขยายตัว
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสม เนื่องจากนักลงทุนยัง Wait& See ก่อนการแถลงการของประธานเฟดในการประชุมที่ JacksonHole วันศุกร์นี้
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่าเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 34.60-34.66 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดบวก 0.69ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีกระแสข่าวว่าอิหร่านจะร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันช่วงปลายตลาดถูกกดดันจากรายงานของ API ที่ระบุสต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.70ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,346.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนยังชะลอการซื้อขายและจับตาดูถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุมที่ Jackson Hole วันศุกร์นี้
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research