WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'ซื้อค่าบวก/ถือเมื่อไม่หลุด 1530'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
     ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดตลาด +0.48 จุดที่ 1539.24 โดยมีการเลือกซื้อหุ้นกระจายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เด่นคือ แบงค์ใหญ่ (BBL, KBANK) พลังงาน (TOP) อสังหาฯ (AP, CPN - เป็นหุ้นกลยุทธ์แนะนำเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน) เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่ออีก 2.0 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 975 ล้านบาท สถาบันในประเทศ&รายย่อยขายสุทธิ
ปัจจัยที่เข้ามามีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้ คือ เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งนักลงทุนกำลังติดตาม 1) การแถลงสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมประจำปีในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.นี้ และ 2) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ของสหรัฐที่จะออกมาปลายสัปดาห์แรกของเดือนก.ย.59 เพื่อดูความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ (ซึ่งจะมีการประชุมอีก 3 รอบ คือ 20-21 ก.ย., 1-2 พ.ย. และ 13-14 ธ.ค.) ซึ่งความไม่แน่นอนเรื่องระยะเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐประกอบกับราคาหุ้น & ดัชนีปรับขึ้นมามากพอสมควรในช่วง YTD ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มชะลอการลงทุนไปก่อน สำหรับปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีเรื่องใหม่ที่มีนัยสำคัญนัก การขึ้นเครื่องหมาย XD ของปันผลระหว่างกาลทำให้ตลาดแกว่งในช่วงสั้นๆได้ (แต่ถ้าภาพใหญ่ยังดี ตลาดไปต่อได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก) การลงทุนภาครัฐยังต้องติดตามว่าจะล่าช้ากว่าที่คาดกันไว้หรือไม่
      กลยุทธ์การลงทุน : ยังเป็นการเลือกซื้อ/ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและยังเหลือ Upside พอควร, มีหุ้นอยู่ก็ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ประเมินอย่าง Aggressive ไปแล้ว สำหรับหุ้นเชิงกลยุทธ์แนะนำวันนี้เป็น AP
       การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดยังเป็นลบ จึงควรระวังการแกว่งหรืออ่อนตัว โดยตลาดมีโครงสร้างขาลงระยะกลางยังกดดันอยู่ การซื้อใหม่จึงเน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี อาจลงไปทดสอบแนวเด้งที่ 1520, 1500+/- จุด ส่วนแนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1545-1550, 1560 จุด
หุ้น SCAN ที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่ประกอบด้วย AP, SYNTEC, TACC, CPALL, GFPT, TOP ส่วนที่ยังอยู่ใน List คือ PACE, KAMART, AAV, MCS, CKP, IVL, S, M, CSS หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- และหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร -ไม่มี-

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค & Retail research team - [email protected]

Need to know TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ
สหรัฐ : ปัจจัยจับตาคือการแถลงสุนทรพจน์ของประธานเฟดวันที่ 26 ส.ค.นี้
       ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.นี้ ภายใต้หัวข้อ "การออกแบบกรอบนโยบายการเงินอย่างยืดหยุ่นสำหรับอนาคต" ทั้งนี้เฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ ได้จัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง นับตั้งแต่ปี 2525 โดยได้ทำการเชิญนักเศรษฐศาสตร์จากวอลล์สตรีทและบรรดานักวิชาการที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมประชุมพร้อมกับเจ้าหน้าที่เฟดโดยการประชุมจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ นางเยลเลนจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับมุมมองด้านเศรษฐกิจ ซึ่งอาจมีสัญญาณเกี่ยวกับระยะเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยด้วย

ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ : แกว่งในช่วง 94.5 (+/-)
      ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เทียบกับอีก 6 สกุลหลัก (Dollar Cash Index) ในช่วงนี้เคลื่อนไหวที่ 94.5 (+/-) บ่งชี้ว่าขณะนี้นักลงทุนยังไม่ถึงกับปักใจว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ แต่ต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและมุมมองของประธานและเจ้าหน้าที่เฟดในการประชุมประจำปีวันที่ 26 ส.ค.นี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะหากมีสัญญาณว่าสหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ก็จะแข็งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวก/ลบไม่มาก...รอฟังประธานเฟดในการประชุมประจำปีศุกร์นี้
      นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันศุกร์ที่ 26 ส.ค.นี้ ปิดตลาดดัชนี DJIA ลดลง 23.15 จุด หรือ -0.12% ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 6.22 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ลดลง 1.23 จุด หรือ -0.06%

- ตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันอ่อนลงหลังอุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
      สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ -3.0% ปิดที่ 47.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ -3.4% ปิดที่ 49.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยที่กดดัน คือ รายงานของเบเกอร์ ฮิวส์ ที่ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐเพิ่ม 10 แท่นสู่ระดับ 406 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว และปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน รวมทั้งอิรักเตรียมส่งออกน้ำมันเพิ่มอีก 1.5 แสนบาร์เรล/วัน (บ่อนี้มีปัญหาขัดข้องมาตั้งแต่มี.ค.59) และกลุ่มติดอาวุธไนจีเรียประกาศว่าพร้อมที่จะหยุดยิง และเปิดการเจรจากับรัฐบาล ซึ่งจะช่วยหนุนการส่งออกน้ำมันของไนจีเรียในระยะต่อไป

- ตลาดทองคำ : ราคาทองคำอ่อนลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.8 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ระดับ 1,343.4 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนรอดูสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่แจ็คสันโฮลศุกร์นี้

ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
      กลุ่มการบิน : EASA นัดประเมินมาตรฐานการบิน 13 ก.ย.59 และจะยื่นให้ ICAO เข้าตรวจสอบมี.ค.-เม.ย.60
อธิบดีกรมท่าอากาศยานและปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่าสำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) นัดไทยชี้แจงการแก้ไขมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านการบินของ EASA ในวันที่ 13 ก.ย.59 ซึ่งผลในทางแย่สุด คือ ไทยถูกจัดอยู่ใน Air Safety List ที่สายการบินจากไทยไม่สามารถบินเข้ายุโรปได้ แต่การบินไทย (THAI) ไม่ได้รับผลกระทบเพราะได้สอบมาตรฐานความปลอดภัยของ EASA แล้ว
     นอกจากนั้น จะยื่นหนังสือให้องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เข้าตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทย (ICAO Co-ordinate Validation Mission: ICVM) ในเดือนมี.ค.-เม.ย. 60 โดยจะเริ่มตรวจให้ใบอนุญาตกับสายการบินใหม่ (Re-AOC) กับ 27 สายการบินที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.59 ทั้งนี้ข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern : SSC) มี 33 ข้อ ขณะนี้ได้ทำการแก้ไขแล้ว 10 ข้อ อีก 22 ข้อมีความก้าวหน้า 75% และอีก 1 ข้อก้าวหน้า 50%

+ AP (ราคาปิด 7.55 บาท, ราคาพื้นฐาน 9 บาท) - กำไรจะพุ่งขึ้นสูงมากใน 4Q59
      แม้ว่ากำไรสุทธิ 2Q59 จะต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้เล็กน้อย แต่ก็เป็นไปตามที่ DBSV คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาสนี้ 526 ล้านบาท -18% y-o-y, +16% q-o-q และหากไม่นับกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน 77 ล้านบาท กำไรหลัก (Core profit) จะอยู่ที่ 464 ล้านบาท -26% y-o-y, +2% q-o-q แนวโน้มยังไปได้ดี โดยเฉพาะใน 4Q59 ที่จะมีกำไรสุทธิสูงสุดในปีนี้ เพราะเริ่มบันทึกกำไรจากโครงการร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดว่ายอดขาย (Presales) จะกระเตื้องขึ้นใน 2H59 เมื่อเริ่มมีการขายโครงการคอนโดของบริษัทร่วมทุน 3 โครงการ มูลค่ารวม 15.1 พันล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะช่วยหนุนการเติบโตในระยะ 2 ปีข้างหน้าต่อไป เราประมาณการว่า AP จะมีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง Outperform กลุ่มอุตสาหกรรมที่พักอาศัยในปี 60 (โดยคาดว่าจะ +27% ในปี 60 จาก +6% ในปี 59) ในเชิงกลยุทธ์ เราให้ AP เป็นหนึ่งในหุ้น Top Pick กลุ่มที่พักอาศัย ราคาพื้นฐาน 9.00 บาท อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 8 เท่า (ณ ราคาปัจจุบัน 7.55 บาท ซื้อขายที่ P/E ปี 59-60 ต่ำเพียง 8.6 และ 6.7 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ไว้ที่ 4.1% และ 5.2% ตามลำดับ)

PTTGC (ราคาปิด 63 บาท, ราคาพื้นฐาน 70 บาท) : เหตุเพลิงไหม้ถังเก็บน้ำเสียกระทบจำกัดมาก
      เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) มีเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บน้ำเสียที่มีในระบบบำบัดน้ำเสียของ บริษัทพีทีที ฟีนอล ในนิคมฯเหมราชตะวันออกมาบตาพุด แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเครื่องจักรของโรงงานฟีนอล 1 และ 2 และส่วนนี้ไม่ประกันความเสียหายในทรัพย์สิน ผลกระทบจากธุรกิจหยุดชะงัก และความรับผิดชอบตามกฎหมายกับบุคคลภายนอก ซึ่งบริษัทประกันกำลังประเมินความเสียหายและมูลค่าสินไหมทดแทนอยู่ ทั้งนี้กำไรของบริษัท พีทีที ฟีนอล คิดเป็นเพียง 2-3% ของกำไรสุทธิ PTTGC เท่านั้น หากต้องมีการปิดซ่อมไปบางส่วนก็ส่งผลกระทบจำกัด ดังนั้นจึงยังไม่มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ของบริษัทและคงคำแนะนำซื้อ PTTGC ด้วยราคาตามพื้นฐาน 70 บาท

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!