- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 August 2016 18:33
- Hits: 1096
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังมีความผันผวน ภายใต้ที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ ทำให้คาดการเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบจำกัด (Sideway) แต่คาดตลาดฯ ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นต่อประเด็นที่เฟดอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20 – 21/9/59 รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุมประจำปี ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ (26/8/59) ซึ่งคาดเป็นปัจจัยลบต่อภาพรวมตลาดฯ นอกจากนี้ภายใต้ประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้เงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ซึ่งกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ แค่คาดยังได้รับปัจจัยบวกจากประเด็น Fund Flow โดยต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มขึ้นจาก ประมาณ 400 - 440 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 109,000 ล้านบาท
รวมถึงในระยะกลาง – ยาว คาด Sentiment ยังเป็นบวกจากสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ คาดกระบวนการเลือกตั้ง จะเกิดขึ้นตาม Road Map เดิม ประมาณปลายปี’60 ซึ่งคาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ
โดยยังคงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังมุมมองของ ธปท. เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อน 2 เรื่องหลัก (1) เริ่มมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มมี Downside Risk จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และ (2) เงินเฟ้ออาจจะกลับเข้าสู่เป้าหมายได้ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อยจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากยอดโอนในช่วงที่เหลือของปี 59 ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK,UNIQ,PYLONและ SEAFCO
(5) กลุ่มพลังงาน ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ในขณะที่ BCP และ IRPC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO, KAMART และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
SET SET50 SET100
1,539.24 +0.48 982.53 +1.27 2,199.06 +1.25
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -23.15, NASDAQ +6.22, S&P -1.23, FTSE -30.41, CAC -10.58 และ DAX -50.01
ภายใต้ปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงกว่า 3% หลังบริษัทเบเกอร์ ฮิวส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐฯ ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยอยู่ระหว่างรอการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26/8/59 โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่คาดอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ - ก.ค. อยู่ที่ +0.27 เพิ่มขึ้นจาก +0.05 เมื่อมิ.ย
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ย. -US$1.47 อยู่ที่ US$47.05 ต่อบาร์เรล ภายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด จาก (1) จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐฯ ล่าสุดเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 406 แท่น และปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน (2) อิรักเตรียมเพิ่มการส่งออกน้ำมัน 150,000 บาร์เรล/วัน จากบ่อน้ำมันทางเหนือของประเทศ หลังจากประสบปัญหาขัดข้องด้านการผลิตตั้งแต่เดือนมี.ค. และ (3) กลุ่มติดอาวุธไนจีเรียประกาศพร้อมที่จะหยุดยิง และเปิดการเจรจากับรัฐบาล ซึ่งจะช่วยหนุนการส่งออกน้ำมันของไนจีเรีย นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างรอการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่ม โอเปก ในวันที่ 26-28/9/59 ที่แอลจีเรีย คาดอาจเห็นชอบให้ตรึงกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันและรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในระยะยาว
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
22.58 1.96 3.08
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 46,028.00
สถาบัน -859.67
บัญชีหลักทรัพย์ 974.86
ต่างประเทศ 2,023.56
ในประเทศ -2,138.76
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$2.8 อยู่ที่ US$ 1,343.4ต่อออนซ์ ภายใต้คาดการณ์ว่าประธานเฟดอาจส่งสัญญาณในการประชุมประจำปีของเฟด ที่เมืองแจ็คสันโฮล ในวันศุกร์นี้ว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +2,024 ล้านบาท สะสม YTD +108,674 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 23 - 26 ส.ค. 2559
23/8/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.
24/8/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.
ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.
สต็อกน้ำมัน
25/8/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.
26/8/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP – 2Q/59
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนส.ค.
(7) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (CENTEL, MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี’59 ที่คาด อยู่ที่ 33 ล้านคน เพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(8) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT
(9) กลุ่มหลักทรัพย์ จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่สูงขึ้นในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เช่น ASP, MBKET
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 1.54% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.93 อยู่ที่ 12.27
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์: จิตรลดาเลขาพันธ์ โทร.02-684-8788