- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 August 2016 17:23
- Hits: 1202
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : Commodities WoW, ARROW, TACC
Our Portfolio Aug 2016 : AAV, BEM CK, SCB, TACC
2016SET Target1650
คาด SET ยังปรับลงต่อได้อีก จึงยังเน้นทยอยซื้อสะสมช่วงลบต่อไป
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งทรงตัวแคบได้บ้าง หลังจากวันก่อนหน้าดัชนีปรับย้อนลงมาค่อนข้างแรง แต่ก็ยังมีแรงขายช่วงบวกกดดัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนออกมาให้ความเห็นว่าควรขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็อ่อนแอลงด้วย อย่างไรก็ตาม SET ยังมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ช่วยพยุงตลาดไว้ได้
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดไม่ได้สดใสนักหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลงกว่า 3% เนื่องจากมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8ติดต่อกันแล้ว ขณะที่ยังไม่ได้มีความชัดเจนว่าการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในช่วงท้ายเดือน ก.ย.(26-28 ก.ย.) จะมีข้อสรุปเกี่ยวกับการดูแลภาวะน้ำมันล้นตลาดหรือไม่ ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็เปิดทำการอย่างไร้ทิศทาง โดยส่วนใหญ่ยังมีลักษณะแกว่งตัวบวก-ลบสลับ ซึ่งคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามสุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล ค่ำวันศุกร์ที่ 26 ส.ค. นี้ด้วยว่าจะมีการส่งสัญญาณเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้อย่างไร ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET จะอยู่ระหว่างพักตัวลงต่อเนื่องได้อีก แต่เป็นการปรับตัวช่วงสั้น ก่อนลุ้นขึ้นหาเป้าดัชนีตามพื้นฐานที่ 1650 จุดต่อไป
กลยุทธ์ : ดังนั้นเรายังแนะนำเลือกหุ้นทยอยซื้อสะสมช่วง SET ปรับตัวลงต่อ
แนวรับ 1535-1530 , 1525-1520 จุด
แนวต้าน 1542-1545 , 1548-1552 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AMATAV, XO, AP(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$46ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$85ล้าน และเกาหลีใต้ US$41ล้าน ขณะที่ไหลเข้ากลุ่ม TIP ทุกประเทศนำโดยไทย US$58ล้าน ตามด้วยอินโดนีเซีย US$22ล้าน และฟิลิปปินส์ US$5ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอลงเพื่อรอฟังคำกล่าวของประธานเฟดในวันศุกร์นี้ในงานสัมมนาประจำปีที่แจ๊กสันโฮล
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
• (-) นักลงทุนรอแจ๊กสันโฮล ประธานเฟดหลายสาขาที่ให้ความเห็นต่าง ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะรอฟังคำพูดของนางเยลเลนคืนวันศุกร์นี้ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมารอ กดดันทองคำและน้ำมันซึ่งมีความกังวลเรื่อง Supply เพิ่มเข้ามาจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8 สัปดาห์ติดต่อกัน รวมถึงมีคาดการณ์ว่าอิรักจะเพิ่มการผลิตน้ำมันเป็น2 เท่าในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตุว่าในระยะหลังราคาหุ้นกลุ่มพลังงานไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน แต่หุ้นหลายตัวก็ใกล็เต็มมูลค่า เรายังชอบกลุ่มรับเหมา แบงก์ ค้าปลีก และ อาหารและเครื่องดื่มมากกว่า
• (0) สินเชื่อธนาคาร -1% M-M ในเดือน ก.ค. ทุกธนาคารยกเว้น TMB มีสินเชื่อลดลง KTB มีสินเชื่อปรับลงแรงสุด -1.9% M-M ตามด้วย BBL -1.4% M-M และ TCAP -1.2% M-M ส่วนใหญ่เป็นการคืนหนี้ของลูกค้า ส่วน TMB สินเชื่อเพิ่มเพียง 0.02% M-Mแม้สินเชื่อ 7M16 จะหดตัว 0.5% YTD แต่ไม่ใช่ข่าวลบ นักลงทุนควรสนใจการบริหารส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและคุณภาพหนี้มากกว่า ซึ่งพิสูจน์แล้วใน 2Q16 ว่าแบงก์ทำได้ดีมากราคาหุ้นแบงก์เริ่มพักใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาตาม Flow ของต่างชาติซึ่งน่าจะชะลอจนกว่าจะเห็นความชัดเจนของการประชุมประจำปีที่ Jackson Hole ศุกร์นี้ อย่างไรก็ตาม TopPick ยังเป็น SCB (ราคาเป้าหมาย 182 บาท) KKP (ราคาเป้าหมาย 71 บาท)
• (+) TACC เราปรับราคาพื้นฐานปีหน้าเป็น 9.50 บาท จากเดิม 8.10 บาท จากการแตกไลน์สู่ธุรกิจเบเกอรี่ “โดนัท” ซึ่งจะวางขายใน 7-11 กว่า 9.2 พันแห่งทั่วประเทศ 26 ก.ย.นี้ เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับ 7-11 ที่มียาวนานกว่า 14 ปี ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปยังสินค้าอื่นในอนาคต เราปรับกำไรปี 2017 ขึ้น 17.5% เป็น +36% Y-Y(เดิมคาด +15% Y-Y) บนสมมติฐานค่อนข้าง Conservative อิงยอดขาย 4 ชิ้นต่อวันต่อร้าน จาก 9.2 พันร้าน รายได้ของโดนัทจึงมีสัดส่วน 5% ของรายได้รวม ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นสูงใกล้ที่บริษัททำได้ในปัจจุบันคือ 25-30%
• (+) ARROW เรายังคงแนะนำซื้อ โดยปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปีหน้าที่ 22.30 บาท และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2016-17 ขึ้น 5-6% เป็น +14% Y-Y ปีนี้ (เดิมคาด +8%Y-Y) และ +12% Y-Y ปีหน้า (เดิม +13% Y-Y) เพราะรายได้จากงานรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าของบ.ลูก (ARROW ถือ 65%) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากรถไฟฟ้าสีต่างๆ สุวรรณภูมิเฟส 2 และงานของกลุ่มสื่อสาร บวกกับ Economy of scales ของ ARROW เองที่ใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 75-80% ซึ่งจะทำให้กำไรใน 2H16 ดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบันมีPE เพียง 12 เท่าและคาด Dividend yield 5% ต่อปี
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23 ส.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ก.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ส.ค.), ดัชนีความ
เชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
24 ส.ค. - ไทย: ดุลการค้า (ก.ค.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านเก่า (ก.ค.)
26 ส.ค. - สหรัฐ: 2Q16 GDP (ตลาดคาด +1.1% Q-Q ลดลงจากคาดการณ์
ครั้งแรกที่ +1.2%), การประชุมประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole
29 ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.)
31 ส.ค. - ไทย: TM (ราคา IPO 3 บาท) เริ่มเทรด, ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจ
เดือน ก.ค.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ส.ค.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่หลังราคาน้ำมันดิบร่วงลง 3% รวมถึงแรงกดดันจากความเป็นไปได้ในการขึ้นดอกเบี้ยของ FED
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบพอสมควรโดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง รวมถึงหุ้นในกลุ่มเหมือง
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังปรับตัวผสมค่อนมาในแดนลบโดยนักลงทุนจับตาดูถ้อยคำแถลงของประธาน FED ในวันศุกร์นี้
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออนข้าง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.55-35.70 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯมีการเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2.80 ดอลลาร์/ออนซ์มาอยู่ที่ 1,343.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยยังได้รับแรงกดดันจากความเห็นของเจ้าหน้าที่ FED ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้ดีและมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research