WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

ตลาดเชื่อว่า Fed ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย
  คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ตามตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐ จากการตีความรายงานการประชุม Fed ล่าสุดว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามตลาดไม่น่าไปได้ไกล เพราะนักลงทุนส่วนหนึ่งยังระมัดระวังอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ของ Fed เองยังมีความเห็นต่างกันอย่างมาก ปัจจัยภายในประกาศวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นระดับมหภาค และเป็นบวก รองนายกสมคิดกล่าวว่า จากการปรับโครงสร้างประเทศอย่างต่อเนื่อง มีเงินทุนไหลเข้าหลังอังกฤษลงมติออกจากสหภาพยุโรป และหลังจากประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ธุรกิจก็มีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจมากขึ้น

หุ้นเด่นวันนี้ : INTUCH (ราคาปิด 61.75 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ปี 58 80.00 บาท)
  บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ เป็นหุ้นปันผลที่ดีที่สุดในหมวดโทรคมนาคมขณะนี้และเป็นหนึ่งในหุ้นปันผลที่ดีสุดใน SET เนื่องจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจาก ADVANC และการเติบโตของรายได้จากงบการเงินรวมกับ THCOM เราคาดว่า INTUCH จะให้ปันผลตอบแทนสูงถึง 7.4-7.5% ในปี 59-60 การได้ใบอนุญาต 900 เมกะเฮิร์ตซ์มาใหม่ทำให้ ADVANC มีแบนด์วิธของคลื่นเพียงพอเพื่อจะให้บริการที่ดีกว่าแก่ลูกค้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและช่วยให้ก้าวเข้าสู่ตลาด 4จีได้อย่างสะดวก ค่าส่วนแบ่งรายได้น่าจะประหยัดลงได้จากการเปลี่ยนมาเป็นระบบใบอนุญาตจากระบบสัมปทาน ADVANC ไม่จำเป็นต้องเร่งย้ายลูกค้า 2จี 900 เมกะเฮิร์ตซ์ ไปยังเครือข่าย 3จี เนื่องจากสามารถเก็บลูกค้าไว้บนคลื่นใหม่ที่ได้มาได้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการแจกเครื่องมือถือจะลดลงอย่างมาก THCOM ผู้ให้บริการดาวเทียมชั้นนำระดับโลกจะมีรายได้ก้อนใหม่จากดาวเทียมไทยคม 8 ที่พึ่งยิงขึ้นไปซึ่งการเช่าใช้น่าจะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ไทยคมได้ลูกค้าใหม่รายสำคัญหลายราย อาทิ IPM จากไทย Forever Group จากเมียนมาร์และ Hinduja Group จากอินเดีย เราเชื่อว่าอุปสงค์จากลูกค้าเหล่านี้จะช่วยหนุนการเช่าใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมได้อย่างดี Price Pattern ของ INTUCH ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly และ Monthly Buy Signal มีเป้าหมายเบื้องต้นในรอบนี้อยู่ที่ 65.25 บาท ทั้งนี้ INTUCH มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 58.25 บาท (แนวต้าน: 62.00, 62.25, 63.00; แนวรับ 61.50, 61.25, 60.50)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

สมคิดตั้งเป้าที่การเติบโตและเสถียรภาพ รองนายกฯ สมคิด กล่าวว่าประเทศไทยในอนาคตจะเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่จะมีศักยภาพในการเติบโตและน่าสนใจลงทุนในสายตาต่างประเทศโดยเฉพาะช่วงหลัง Brexit ในช่วง 12 เดือนก่อนการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลให้คำมั่นว่าสนับสนุนธุรกิจใหม่ การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อทำให้การเติบโตเศรษฐกิจไทยยั่งยืนในระยะยาวขณะที่จะพยายามให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพหลังมาเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาไทยจำนวนมาก (Bangkok Post/อินโฟเควสท์)
ภาคธุรกิจมองบวกเศรษฐกิจปีหน้า ตามผลสำรวจของ ม.หอการค้า ผู้ประกอบธุรกิจไทยยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจของไทยจะขยายตัวกว่าเดิมในครึ่งหลังของปีและจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในปีหน้าจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในภาคท่องเที่ยวและบริการ ตามด้วยภาคการผลิต เชื่อว่าเหตุระเบิดนั้นมีผลต่อความเชื่อมั่นและภาคค้าปลีกแค่ในระยะสั้น ม.หอการค้าคงคาดการณ์ GDP ปี 59 ไว้ที่ 3.3-3.5% (The Nation) ความเห็น: มุมมองที่ดีขึ้นของผู้ประกอบการแสดงว่าน่าจะมีเงินลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นในอนาคต
บีโอไอปรับเพิ่มเป้าการลงทุน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ปรับเพิ่มเป้าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในประเทศในปีนี้เป็น 5.50 แสนลบ. จากเดิมที่ 4.50 แสนลบ. หลังจากที่เห็นความต้องการลงทุนที่สูงขึ้นจากนักลงทุนในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าร่างรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านประชามติมาล่าสุดจะช่วยสร้างเสถียรภาพต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศมากขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ในที่สุด (Bangkok Post)
CK: (32.5 บาท)การประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของ CK โดย ณ 30 มิ.ย.59 มี Backlog รวม 79,100 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโครงการไซยะบุรีมากถึง 44% ทั้งนี้มี Backlog ใหม่ ที่รออนุมัติภายในปีนี้อีก รวม 49,145 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในนี้คืองานวางระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย 25,000 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดการตาม ม.44 ให้มีการเซ็นต์สัญญาแล้วเสร็จภายในปีนี้ เราคาดว่าในสิ้นปีนี้ Backlog ของ CK จะเพิ่มขึ้นไปราว 112,000 ล้านบาท นอกจากนี้งานภาครัฐบาลที่ยังรอเปิดประมูลนับจากนี้ถึงกลางปี 2560 มีอีก 367,033 ล้านบาท คาด CK มีส่วนที่จะได้รับงานประมาณ 20-25% หรือกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งงานที่มีความหวังมากคือรถไฟฟ้าสายสีส้ม 79,726 ล้านบาท มีโอกาสได้งานมากกว่า 20% และงานด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ รวมราว 17,500 ล้านบาท เนื่องจากมีผู้รับเหมาน้อยรายทำงานใต้ดินได้ ซึ่ง CK เป็นหนึ่งในนั้นที่สามารถทำงานได้ เรายังคงแนะนำซื้อ CK ราคาเป้าหมาย 39.50 บาท (Sum-of-the-parts)

ต่างประเทศ

ประเด็นที่น่าจับตามอง: แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ นักลงทุนคาดว่าจะมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางจากทั่วโลกซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็คสัน โฮล มลรัฐไวโอมิงในสัปดาห์หน้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัส จากการคาดกันว่า Fed ไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยอัตราเงินเฟ้อในประเทศอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าที่ 2% และมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกับปัจจัยเสี่ยงของโลก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีซึ่งอ่อนไหวต่อความเห็นของเทรดเดอร์เกี่ยวกับนโยบายของ Fed ลดลงเกือบ 3 bps ที่ระดับ 0.710% ส่วนราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 8/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.534% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินยูโรแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 สัปดาห์เมื่อวันพฤหัส ซึ่งเป็นวันหลังจากรายงานการประชุมของ Fed ประจำเดือนก.ค. แสดงถึงความเห็นที่ต่างกันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินยูโรแตะที่ระดับสูงสุดของวันที่ 1.1356 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.66 เยนก่อนหน้านี้ สูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 99.53 เยนในวันอังคาร (Reuters)
สหรัฐ :

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นโดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานรวมทั้งผลประกอบการและแนวโน้มที่สดใสของวอลมาร์ทซึ่งดันให้ราคาหุ้นวอลมาร์ทปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 14 เดือน ทั้ง 2 ปัจจัยช่วยหนุนตลาดโดยรวม ตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐลดลงเกินคาดในสัปดาห์ก่อน (Reuters)
จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐลดลงเกินคาดในสัปดาห์ก่อน หนุนมุมมองว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งซึ่งอาจส่งผลให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ตัวเลขดังกล่าวลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 262,000 รายในสัปดาห์ก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงสู่ระดับ 265,000 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวในขณะนี้อยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายซึ่งแสดงว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง โดยอยู่ในระดับนี้ติดต่อกัน 76 สัปดาห์แล้วซึ่งยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 (Reuters)

ยุโรป :

ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวสูงขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ปรับตัวลดลง 4 วันติดต่อกัน หลังจากที่รายงานการประชุมของ Fed บ่งบอกแนวโน้มว่า Fed อาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ โดยหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้นโดดเด่นนำตลาด (Reuters)

เอเชีย :

ผู้ผลิตญี่ปุ่นอยู่ในภาวะหดหู่ที่สุดในเดือน ส.ค. เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 ตามผลสำรวจรอยเตอร์ แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น เป็นงานใหญ่สำหรับผู้กำหนดนโยบายในการสร้างการเจริญเติบโต อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ Tankan ซึ่งติดตามการสำรวจ BOJ รายไตรมาส พบว่าผู้ประกอบการภาคบริการรู้สึกหดหู่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือน แสดงสัญญาณของความเปราะบางมีมากกว่าความแรงของการบริโภคภาคเอกชน ที่คิดเป็นประมาณ 60% ของเศรษฐกิจ (Reuters)
ราคาบ้านในเมืองใหญ่ที่สุดของจีนมีสัญญาณอ่อนลง ในเดือน ก.ค. เพิ่มความกังวลว่าจะเสียปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเจริญเติบโตที่สำคัญของเศรษฐกิจ แต่การกลับทำให้ผู้กำหนดนโยบายลดความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ราคาบ้านที่แข็งแกร่งและยอดขายเป็นตัวหนุนเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ช่วยชดเชยการส่งออกที่อ่อนแอได้บางส่วน ราคาเฉลี่ยบ้านใหม่ใน 70 เมืองใหญ่ของจีนเพิ่มขึ้น 7.9% YoY ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้น 7.3% YoY ในเดือน มิ.ย.แต่ราคาเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% MoM ในเดือน ก.ค.ระดับเดียวกับในเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มที่ช้าที่สุดตั้งแต่เดือน เม.ย.(Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

ราคาน้ำมันที่วิ่งไปเกือบเต็มสัปดาห์ถูกกดดันในวันพุธ หลังการถอนใช้น้ำมันดิบสหรัฐและสต็อกน้ำมันเบนซินผิดคาดถูกหักล้างโดยความกังวลว่าซาอุฯ จะผลิตน้ำมันออกมาทำสถิติแม้จะมีการเจรจาโอเปคเพื่อลดน้ำมันโลกล้นเกิน ราคาน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 46.53 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ล่วงหน้าปรับลง 42 เซนต์ปิดที่ 49.65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้ไปแตะจุดสูงสุดรอบ 5 สัปดาห์ที่ 49.75 ดอลลาร์ (Reuters)
ราคาทองคงที่วันพุธ หลังจากเคลื่อนไหวทั้งขึ้นลงจากรายงานประชุม Fed ประจำเดือน ก.ค. ออกมาชี้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางคาดจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้าแต่ก็ยังรอข้อมูลเพิ่มเติมประกอบ ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.02% ปิดที่ 1,345.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าสหรัฐลบ 0.6% ปิดที่ 1,348.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนที่ข่าวจะออกมา (Reuters)

Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun, CFA, FRM (No.49234) Tel: 02 680 5094

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!